อ.ทองย้อยเขียนบทความเรื่องอนาคตบ้านเมืองเรา ตีแผ่สันดานนักการเมืองตอกย้ำผู้ทำงานสาธารณะเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ชี้คนที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมืองต้องบำเพ็ญตนแบบเดียวกับพระโพธิสัตว์
23 ก.พ.2566 – พล.ร.ต.ทองย้อย แสงสินชัย อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ โพสต์เฟซบุ๊กในรูปแบบบทความในหัวข้อ “อนาคตบ้านเมืองเรา” ระบุว่า นักการเมืองต้องมีหัวใจพระโพธิสัตว์
วันก่อนผมมีกิจต้องผ่านไปทางกรุงเทพฯ เห็นป้ายหาเสียงของนักการเมืองติดอยู่ข้างถนน เมื่อวานนี้ผมมีกิจต้องไปจังหวัดชุมพรก็เห็นป้ายหาเสียงของนักการเมืองติดอยู่ข้างถนน ราชบุรีบ้านผมก็เริ่มมีป้ายหาเสียงของนักการเมืองติดอยู่ข้างถนน
ผมคิดอย่างไร? ผมคิดว่าคนพวกนี้ชอบกลมาก ป้ายหาเสียงนั้นบอกว่าจะทำนั่นนี่โน่นเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน แต่เขาก็ยังไม่ได้ทำ
ถ้าตั้งใจจะทำนั่นนี่โน่นเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนจริงแล้วไซร้ ทำไมไม่ลงมือทำไปเลย รออะไรอยู่
ถ้าอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ทำอยู่แล้ว ก็สามารถเสนอแนะเจ้าหน้าที่ไปได้เลยว่าทำอย่างนั้นสิทำอย่างนี้สิ ปัญหานี้แก้อย่างนั้นสิแก้อย่างโน้นสิ บอกเจ้าหน้าที่เขาไปได้เลย แต่ก็เฉย
และโปรดสังเกตว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาและกำลังเป็นอยู่ ประเทศชาติและประชาชนมีปัญหาอะไร คนพวกนี้ไม่เคยโผล่หน้าออกมาช่วยแก้ไขอะไรทั้งสิ้น อย่าว่าถึงออกมาช่วยแก่ไข แม้ออกมาเสนอแนะก็ไม่เคย เหมือนอยู่คนละโลก แต่พอได้เวลาเลือกตั้ง โผล่ออกมากันสลอน ประกาศจะทำนั่นนี่โน่นเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
แล้วก็ขอให้ดูไปเถิด ถ้าไม่ได้รับเลือกตั้ง คนพวกนี้ก็จะหายหน้าเข้ากลีบเมฆไปหมดสิ้น-เหมือนก่อนที่จะโผล่ออกมา
ฝ่ายพวกที่ได้รับเลือกตั้ง ก็เป็นพวกที่มีลักษณะนิสัยแบบเดียวกันนั่นเอง คนพวกนี้ถ้าไม่ได้รับเลือกตั้งก็จะหายหน้าไปแบบเดียวกันนั่นแหละ
นี่คือคนที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมืองของพวกเรา-คนที่โผล่มาเฉพาะเวลาเลือกตั้ง ที่ผมว่าคนพวกนี้ชอนกลมากก็ตรงนี้-ตรงที่ประเทศชาติและประชาชนมีปัญหาอะไรไม่เคยออกมาช่วย แต่พอถึงเวลาเลือกตั้งโผล่หน้าออกมาบอกว่าจะทำนั่นนี่โน่นเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เขียนไว้ในหนังสือพจนานุกรมการเมือง (หรืออะไรสักเรื่องหนึ่ง ผมจำไม่ได้ และตอนนี้ก็ยังหาหนังสือเมนั้นไม่เจอ) ท่านบอกว่า นักการเมือง คือผู้ทำงานสาธารณะเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
ผมว่าจริงที่สุด ญาติมิตรทั้งหลายก็คงจะเห็นด้วย
เวลานี้มีคนออกมาอธิบายรับรองว่า การที่นักการเมืองหาประโยชน์ส่วนตัวนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา คือเมื่อเราให้เขาเข้ามาทำงาน ก็ต้องให้ประโยชน์ตอบแทนแก่เขาบ้าง เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สุด ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรเลย
เป็นอันว่า เวลานี้เราพากันเห็นว่า นักการเมืองเข้ามาทำงานสาธารณะแล้วกอบโกยผลประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้องเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถ้าคนส่วนใหญ่ในบ้านเมืองพากันยอมรับเช่นนั้น ก็เป็นอันว่าจบ หมายความว่าไม่ต้องไปหวังว่าจะมีใครคิดทำอะไรเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอีกต่อไป
ถ้าเป็นจริงอย่างที่ว่านี้ คำหาเสียงของนักการเมืองที่ว่า-จะทำนั่นนี่โน่นเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ก็คือคำหลอกลวงชนิดหนึ่งนั่นเอง-ใช่หรือไม่? คนที่ตั้งใจทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนด้วยความสุจริตใจจริงๆ จะไม่มีบ้างหรือ?
ผมเชื่อว่า ปัจจุบันนี้คนที่ตั้งใจทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนด้วยความสุจริตใจจริงๆ น่าจะยังพอมีอยู่บ้าง เคยได้ยินบางคน-หลายคน-ปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์
พระโพธิสัตว์นั่นแหละคือบุคคลผู้ตั้งใจบำเพ็ญประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง คำว่า “โพธิสัตว์” หมายถึงท่านผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า – นี่คือคำจำกัดความที่ถูกต้อง เป็นพระพุทธเจ้าก็เพื่อจะช่วยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์
ทุกข์ที่เป็นรากเหง้าของทุกข์ทั้งปวงก็คือทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิด ที่เรียกว่า “สังสารทุกข์” เป้าหมายของการเป็นพระโพธิสัตว์จึงอยู่ที่ช่วยสัตว์โลกให้พ้นจากสังสารทุกข์ ซึ่งจะต้องเริ่มต้นด้วยการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชน โดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นอย่างอื่นนอกจากเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเดียวเท่านั้น
คนที่จะเข้ามาทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองจึงควรมีอุดมคติเหมือนพระโพธิสัตว์ นั่นคือตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างเดียว
คนแบบนี้มีหรือไม่? ผมนึกถึงคำสรรเสริญพระบารมีหรือคำเรียกพระมหากษัตริย์ไทย เช่นว่า “เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร” บ้าง “หน่อเนื้อพุทธางกูร” บ้าง และยังมีคำอื่นๆ ทำนองเดียวกันนี้อีก ล้วนเป็นคำที่หมายถึงพระโพธิสัตว์ แปลว่า คติไทยของเราเข้าใจหลักการปกครองถูกต้องมาแต่เดิม นั่นคือ คนที่จะเข้ามาหรือขึ้นมาบริหารบ้านเมืองต้องบำเพ็ญตนแบบเดียวกับพระโพธิสัตว์ คือบำเพ็ญประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างเดียวเท่านั้น
ไม่ใช่-เข้ามาทำงานสาธารณะเพื่อประโยชน์ส่วนตัว อย่างที่กำลังเป็นอยู่ทุกวันนี้ ปัญหาของพวกเราก็คือ คนที่กำลังเสนอตัวเข้ามาบริหารบ้านเมืองล้วนแต่เป็นพวกทำงานสาธารณะเพื่อประโยชน์ส่วนตัวทั้งนั้น
แล้วเราก็ช่วยกันรับรองว่าคนแบบนั้นไม่ใช่คนเสียหายอะไร เลือกเข้าไปเถอะ แถมให้ด้วยว่า-ที่ไหนๆ เขาก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ เห็นอนาคตบ้านเมืองเราใสแจ๋วเลย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นิพิฏฐ์' เผยคนที่เรียกว่า 'ทนายความ' อาจชั่วกว่า 'นักการเมือง' เสียอีก
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง โพสต์ข้อความว่า ผมเป็นเพียงคนๆหนึ่งคนที่เดินแทรกตัวอยู่ท่ามกลางคน 66,052,6
'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เห็นนักการเมืองเกรงใจกัมพูชาเรื่องเกาะกูด แล้วรู้สึกอเนจอนาถใจ สิ้นไร้ไม้ตอก
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความว่า อเนจอนาถ จะมีใครรู้สึกเหมือนผม
ใครลอกใคร! การเมืองอเมริกา 5 เรื่อง ที่เหมือนไทยเป๊ะ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การเมืองไทย-อเมริกา เหมือนหรือแตกต่างกัน?
'กูรูใหญ่' แฉเบื้องลึก! ทำไมนักการเมืองยุคนี้ไม่กลัว 'ยึดอำนาจ'
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การเมืองไทยกำลังเข้าสู่ทางตัน
สอน 'เพื่อไทย' หัดเอาอย่าง 'อภิสิทธิ์' นักการเมืองรักษาสัจวาจา
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เพื่อไทย ไม่นิรโทษ มาตรา 112 ไม่แคร์มวลชน แต่แคร์พรรคร่วม
'สมศักดิ์' แจงไม่ได้เป็นคนพาเจ้าของเสียงในคลิปรีดเงินดิไอคอน เข้าแวดวงการเมือง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวชี้แจงถึงกรณีนักการเมืองในคลิปเสียงที่เรียกรับเงินจากบริษัทดิไอคอน ว่า ที่พูดกัน ยังไม่มีใครยืนยันว่าใช้เสียงของเขาหรือไม่ แต่ตนก็ไม่ได้ติดตาม ว่า สาเหตุของเรื่องทั้งหมดไปถึงไหนแล้ว