ส.ว.โหวตพรึ่บ! คว่ำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ


21 ก.พ.2566 - ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา(ส.ว.) ที่มีพล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่1 เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบผลการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติขอให้สภามีมติส่งเรื่องที่มีเหตุสมควรจะให้มีการออกเสียงประชามติให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)ดำเนินการ พร้อมรายงานของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)สามัญพิจารณาญัตติขอให้สภามีมติส่งเรื่องที่มีเหตุสมควรจะให้มีการออกเสียงประชามติให้ครม.ดำเนินการ ที่มีนายสมชาย แสวงการ ส.ว. เป็นประธานกมธ.

ทั้งนี้ เนื้อหาในรายงานดังกล่าวคัดค้านไม่ให้ส่งเรื่องต่อไปยังครม. เพราะการทำประชมติดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เนื่องจากเป็นคำถามที่ไม่ชัดเจนอีกทั้งทำให้ประชาชนไม่เกิดความเข้าใจในเนื้อหาสาระข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ชัดเจน

นายสมชาย กล่าวว่า การทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญตามข้อเสนอที่ให้ทำวันเดียวกับวันเลือกตั้งที่จะมาถึง กมธ.เห็นว่ามีความเป็นไปไม่ได้ เพราะกรอบการทำประชามติต้องดำเนินการภายในไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่การเลือกตั้งหากยุบสภาต้องเลือกตั้งภายใน 45- 60 วัน หรือครบวาระต้องเลือกตั้งภายใน 45 วัน อีกทั้งจากการรับฟังการชี้แจงของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทราบว่าต้องใช้งบประมาณ และเจ้าหน้าที่จำนวนมาก โดยในการเลือกตั้งที่จะมาถึงต้องมีหน่วยเลือกตั้ง 9 หมื่นหน่วย มีเจ้าหน้าที่หน่วยละ 9 คน ขณะที่การทำประชามติต้องมีเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการหน่วยละ 5 คน

"ขณะที่การทำประชามติต้องใช้งบประมาณมาก โดยกมธ.พิจารณาแล้วเห็นว่าต้องทำประชามติ 3 รอบ รอบแรก คือ ถามว่าเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรมนูญหรือไม่ หาเห็นด้วยต้องกลับมาแก้ไขตามกระบวนของรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อให้มีองค์กรแก้ไขเนื้อหา จากนั้นต้องกลับไปทำประชามติ อีกครั้ง และเมื่อจัดทำรัฐธรรมนูญอีกครั้งต้องทำประชามติอีก" นายสมชาย ระบุ

จากนั้น ที่ประชุมเปิดโอกาสให้ส.ว.ร่วมอภิปราย ซึ่งมีสมาชิกทั้งสนับสนุนและไม่สนับสนุนให้ส่งเรื่องขอทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับต่อไปยังครม.

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. อภิปรายว่าตนสนับสนุนให้ออกเสียงเห็นชอบ เพราะตามกระบวนการของกฎหมายประชามติ ในหลักการกำหนดให้เป็นอำนาจของ ครม. ไม่ใช่วุฒิสภา ดังนั้นส.ว.ไม่ควรขัดขวาง

นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ส.ว. อภิปรายสนับสนุนต่อการจัดให้มีการออกเสียงประชามติทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะมองว่าหากผลประชามติเห็นด้วยจะเป็นช่วงที่ส.ว.ชุดปัจจุบันมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ในเงื่อนไขที่ต้องใช้เสียง ส.ว.เห็นชอบด้วยจำนวน1 ใน 3 ซึ่งสามารถยับยั้งได้ แต่หากปล่อยให้อำนาจส.ว.หมดไป รอให้มีส.ว.ชุดใหม่ที่มาจากพรรคการเมือง ยิ่งแก้ไขง่ายกว่าปัจจุบัน และการกำหนดประเด็นคำถามสามารถกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมได้

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. อภิปรายว่า หากมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อยากถามว่าสาระที่จะแก้ไข โดยเฉพาะหมวดหนึ่งว่าด้วยความมั่นคงของรัฐ และหมวดสองว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าแตะตรงนั้นประเทศไทยจะร้อนเป็นไฟ และอาจเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. อภิปรายว่า ถ้าไม่ผ่านญัตตินี้ ฝ่ายส.ส.จะหยิบอ้างว่าส.ว.ไม่เห็นเงาประชาชน อุตส่าห์ให้ประชาชนทำประชามติตัดสินใจจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ แต่ส.ว.กลับปิดทาง ซึ่งส.ส.จะนำไปกล่าวอ้างในการหาเสียงว่า ส.ว.เอาพรรคนั้นไม่เอาพรรคนี้ ถามว่าเรารู้ทันหรือไม่การเมืองกำลังจะเอาสว.เป็นเครื่องมือในการสร้างคะแนนเสียง นี่คือการเมือง จึงอยากให้สว.ค่อยๆคิด นี่เป็นเพียงแค่ข้อเสนอจากทางสภาผู้แทนราษฎร จะทำได้หรือไม่อยู่ที่ครม. ดังนั้น เห็นด้วยที่ควรจะรับเรื่องนี้ไว้แล้วให้ไปดำเนินการในชั้นครม.ต่อไป ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับเรื่องนี้ ส.ว.แค่รับเรื่องเป็นสะพานทอดไปให้ครม.พิจารณาต่อ เราจะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือในทางการเมืองเพื่อให้ส.ส.หยิบไปกล่าวอ้างได้

นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. อภิปรายว่า ถ้าเราเห็นด้วยต่อญัตตินี้ มีแต่ได้กับได้ เพราะอาจทำให้ส.ว.มีโอกาสมีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจะทำให้วุฒิสภามีภาพพจน์ที่ดี อย่างน้อยที่สุดมีประชาธิปไตยในบางจุด และการเห็นด้วยให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ไม่ทำให้ใครเสียหาย แต่ถ้าไม่เห็นด้วย ส.ว.จะเสียโอกาสสุดท้ายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเสียภาพพจน์ต่อวุฒิสภาอย่างยิ่ง เพียงแค่ข้อเสนอส.ว.แล้วยังปฏิเสธจะเป็นการเสริมภาพพจน์ที่คนภายนอกมองอยู่เดิม และเป็นการเติมใส่ไฟป้ายสีของพรรคการเมือง ดังนั้น ตนจึงเห็นด้วยอย่างยิ่งและสนับสนุนให้รับข้อเสนอของสภาผู้แทนราษฎร

จากนั้นเวลา 13.10 น. นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ให้สมาชิกลงมติ ปรากฎว่า ที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ของส.ว. ไม่เห็นชอบผลการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรขอทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญโดยส่งให้ครม.ดำเนินการ ด้วยคะแนน 157 ต่อ12 งดออกเสียง13 ไม่ออกเสียง 1 เสียง ทั้งนี้ ประธานวุฒิสภาจะได้แจ้งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นันทนา' คึก! ลั่นปฏิบัติการ สว.เล็กเปลี่ยนสภา

น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะแกนนำสว.พันธุ์ใหม่ ซึ่งถูกเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ปฏิ

ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 (ตอนที่ 20)

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490

'นิพิฏฐ์' จะเสียภาษีให้น้อยที่สุด หวั่นถูกนำไปสร้างความเข้มแข็งให้นักการเมือง

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตสส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กว่า มีคำกล่าวว่า “หากต้องการรู้ว่าประชาชนเป็นอย่างไรให้เป็นนักการเมือง หากต้อง

เทวฤทธิ์ -กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ เสรีนิยมก้าวหน้า ปฏิรูปสภาสูง

สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ชุดปัจจุบัน 200 คน จะประชุมร่วมกันนัดแรกในวันอังคารนี้ 23 ก.ค. โดยมีระเบียบวาระสำคัญที่จะให้สว.ทั้งหมดร่วมกันประชุมลงมติ นั่นก็คือ

เปิดศึกชิงเก้าอี้ ประมุขสภาสูง เสร็จสว.นํ้าเงิน

ฝุ่นตลบ! ศึกชิงเก้าอี้ประธานสภาสูง ล็อบบี้กันเดือด "เทวฤทธิ์” ชี้ควรเป็นคนเปิดกว้าง ให้พื้นที่เสียงส่วนน้อย ยันกลุ่มพันธุ์ใหม่ส่งชิงแน่ พร้อมเล็งเก้าอี้ประธาน