'จตุพร' กวักมือท้า 'แม้ว' เร่งกลับไทย ลั่นรีบมาทำให้จบประเทศจะได้ไปต่อ


6 ก.พ.2566 - ​ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "สุดลิ่ม ทิ่มประตู" เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ว่า นักวิเคราะห์คาดชื่อย่อ ส.เสือตัวใหญ่เป็น “ส.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย” จะเป็นแคนติเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย เพราะมีความมุ่งมั่น ฝ่าฟันอุปสรรคไปจนถึงสิ่งต้องการมากกว่า ส.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งทั้งคู่เป็นรองนายกฯ สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร

นอกจากนี้ ส.สุรเกียรติ์ เคยเสนอตัวเป็นตัวแทนจากไทยเข้าแข่งขันชิงตำแหน่งเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ แต่ไม่ได้รับเลือก กระทั่งเกิดการยึดอำนาจปี 2549 จากนั้นก็หายไปจากการเมืองร่วม 18 ปี แล้วต่อมามีภาพปรากฎถึงการรับใช้ราชวงศ์

อีกทั้ง นายจตุพร ระบุถึงชื่อ ร.ต.อ. ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ฉายาคนดีไม่เสื่อม ในสมัยพรรคไทยรักไทย เป็นเลขาธิการพรรค และเป็น รมว.มหาดไทย ยุครัฐบาลทักษิณ เช่นกัน แต่ได้รับความนิยมจากสมาชิกพรรคมากกว่าคนเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งส่อถึงอาการลำบากและอยู่ยากในทางการเมือง จากนั้นก็หายวับไปอีกคน

ส่วนการดีลทางการเมืองนั้น แม้ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยปฏิเสธ แต่ตนเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ เนื่องจากมีปรากฎการณ์ปี 2562 พรรคไทยรักษาชาติ (เครือข่ายทักษิณ-พรรคเพื่อไทย) เสนอชื่อราชวงศ์เป็นแคนติเดตนายกฯ มาแล้ว จนสร้างความตกตะลึงให้ทุกพรรคการเมือง

"วันนั้น ถ้าได้เดินหน้าต่อไป การเมืองก็ไม่รู้จะเดินหน้าอย่างไร รัฐบาลก็ไม่รู้อย่างไร ฝ่ายค้านก็ไม่รู้จะอภิปรายอย่างไร ส่วนการหาเสียงก็คงยาก และทำไม่ถูกเลย ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขจะเดินยากมากที่สุด ดังนั้น ผมได้บอกว่า การคิดเกมใหญ่ต้องการชนะคนเดียวทั้งกระดานการเมืองแล้ว เมื่อต้องเสียก็ล้มทั้งกระดานเช่นกัน"

พร้อม ระบุว่า หลังจากศาล รธน.วินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ คนคิดเกมใหญ่ยังไม่หยุดการเคลื่อนไหว โดยสองวันก่อนการเลือกตั้งทั่วไปปี 2562 มีการจัดงานแต่งงานที่ฮ่องกง จนเกิดปรากฎการณ์ฮ่องกงเอฟเฟคขึ้นอย่างสุดทางเลือกในสองด้านการเมือง คือ หนึ่งฝ่ายขวาสุดจะเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคพลังประชารัฐ และสองพวกซ้ายสุดต้องเอานายธนาธร จึ่งรุ่งเรืองกิจ จากพรรคอนาคตใหม่ ส่วนพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ อยู่ในสภาพสูญเสียทางการเมือง

พร้อมตอกย้ำว่า มาครั้งนี้ ขณะที่การเลือกตั้งครั้งใหม่จะเกิดขึ้น ชื่อ "ส.สุรเกียรติ์" ถูกเชื่อมโยงภาพเป็นบุคคลจงรักภักดีและทำงานใกล้ชิดสถาบันกษัตริย์จะเป็นแคนติเดตนายกฯ ของเพื่อไทย แม้ส่วนตัวมีความต้องการเป็น "นายกฯ" ตามความอยากของมนุษย์ แต่ความเหมาะสมในสถานภาพของบุคคลในปัจจุบัน โลกติเตียนได้ ซึ่ง ส.สุรเกียรติ์ ควรต้องรู้ว่า อะไรเป็นอะไร และควรทำอย่างไร

"ผมเชื่อว่า ส.สุรเกียรติ์ จะตัดสินใจอย่างไร ก็ต้องรู้ผลลัพธ์โลกติเตียนตามมา แม้เรื่องนี้เป็นเพียงทางการข่าว ประติดประต่อเชื่อมโยงการทาบทามเพื่อไปบรรลุเป้าหมายกลับบ้านโดยไม่ใช้กฎหมาย แต่ถึงที่สุดก็ไม่ง่ายตามความประสงค์ของใครก็ตาม"

นายจตุพร ย้ำว่า การตัดสินใจจะกล้บบ้านของทักษิณ ตนเรียกร้องให้กลับมาในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ก็ได้ แม้มีการวิเคราะห์จะกลับก่อนเลือกตั้ง แต่ขอให้กลับมาเลย เพราะเป็นสิ่งดีที่จะทำให้ทุกอย่างได้จบ ไม่มีการค้างคาใจกับความขัดแย้ง จนประเทศไม่สามารถก้าวข้ามกับดักได้เลย

อีกทั้งย้ำว่า ทันทีทักษิณประกาศกลับบ้าน เท่ากับชุบชีวิตการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฟื้นคืนกลับมาอีก จนกลายเป็นทางเลือกระหว่างกลยุทธ์ “ใครไม่เอาประยุทธ์ เลือกทักษิณ” และ “พวกไม่เอาทักษิณ เลือกประยุทธ์” ซึ่งยิ่งทำให้ความขัดแย้งจะดำรงอยู่ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง แล้วส่อเป็นชนวนวิกฤตทุกเรื่องราวของประเทศไม่มีวันจบสิ้น

"แต่ที่บอกใช้ใจกลับบ้านอย่างเดียว ถ้ายังมีใจอยู่ก็เร่งกลับ รีบมาจบเรื่องนี้ด้วยกันเถอะ (ทักษิณ) กลับมา ลูกน้องท่านก็อยู่ในคุกมากมาย ผมเข้ามา 5 ครั้งแล้ว หลายคนจ่อเข้าคุกยังมีอีก ดังนั้น ถ้าไม่มีความชัดเจน เพียงนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางการเมืองเพื่อกวาดคะแนนเสียงอย่างเดียว ความขัดแย้งไม่มีวันจบและประเทศไม่ได้ก้าวข้ามกับดักนี้มายาวนาน"

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยว่า การปฏิเสธความสัมพันธ์แบบไม่ขาดชัดเจน โดยแม้หัวหน้าพรรคแถลงตามมติพรรคว่าจะไม่จับมือกันเด็ดขาด แต่คนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคกลับมาอธิบายว่า ไม่จับมือกันในเวลานี้ ซึ่งเกิดความรู้สึกทางการเมืองแบบอึมครึม

นอกจากนี้ ระบุว่า การไม่ตอบให้เด็ดขาดชัดๆ นั้น ในทางการเมืองจับตาการเคลื่อนไหวของแกนนำหลักพลังประชารัฐอย่างน้อย 3 คน เป็นสองรัฐมนตรีกับหนึ่งรองประธานสภาจะย้ายพรรคไปเพื่อไทย ซึ่งประเมินถึงความเติบโตในตำแหน่งอนาคตเมื่อทั้งสองพรรคได้จับมือร่วมเป็นรัฐบาลกัน เพราะถ้าอยู่พรรคเดิมอย่างพลังประชารัฐโอกาสมีโควต้ารัฐมนตรีมีน้อยจึงจำกัดการเติบโต ด้วยเหตุนี้จึงต้องโยกย้ายมาเพื่อไทยที่จะเป็นพรรคใหญ่ โควตารัฐมนตรีก็มากตามมาด้วย

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้า ส.ตัวใหญ่มาเพื่อไทย ทางการเมืองอธิบายอนาคตของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมมาเป็นรองได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่น ขณะที่พลังประชารัฐมากบารมีในกลไกรัฐ ประกอบกับหากในกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ไปไม่ถึงนายกฯ แล้ว โอกาสของประวิตร ย่อมสวมเข้าแทนอำนาจเดิม ทั้ง ส.ว. และองค์กรอิสระ เพื่อเป็นนายกฯ สืบทอด ด้วยการจับมือกับเพื่อไทย

"ถ้าเพื่อไทยได้เสียงมาที่หนึ่ง แล้วไปยกมือให้ประวิตรเป็นนายกฯ ก็ถึงขั้นฉิบหายเลย ดังนั้นปรากฎการณ์ของ ส.เสือ-สุรเกียรติ์ เพื่อต้องการให้ประวิตรยอมเป็นเบอร์สองแทน ถ้าสมมติอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ แล้วบิ๊กป้อมจะมาเป็นรองนายกฯ หรือไม่? สิ่งนี้แสดงถึงเกม ซึ่งสุรเกียรติ์ ต้องรู้ว่า อยู่กับใคร รับใช้ใคร และควรทำ ไม่ทำอะไร ย่อมรู้ดี"

รวมทั้ง ย้ำว่า สิ่งเหล่านั้น เป็นการออกแบบทางการเมืองของบางคน ซึ่งจะพิสูจน์ได้ไม่กี่วัน แต่ถ้าวันหนึ่งพรรคพลังประชารัฐกับเพื่อไทยจับมือกันจริง จะให้ประชาชนทำอย่างไร โดยมีกรณีของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ในปี 2535 มาแล้ว แม้รับปากไม่เป็นนายกฯ แต่มาอ้างเสียสัตย์เพื่อชาติ เข้ารับตำแหน่งนายกฯ ประชาชนจึงชุมนุมต่อต้านเต็มถนน กทม.

"ครั้งนี้เช่นนี้กัน บอกมาเลย ว่าถ้าพลังประชารัฐกับเพื่อไทยจับมือกัน หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ให้ประชาชนมาขับไล่ได้เลย พูดสิๆๆ แล้วตัวเองจะออกมาจากพรรคมาร่วมขับไล่ด้วย พูดสิๆ เพราะกระดานทางการเมืองมันไม่มีความลับ"

นายจตุพร แนะว่า การเมืองและการจับมือกัน อย่าอ่านชั้นเดียวแค่การโยกย้าย ส.ส. เพราะยังมีการย้ายมาอยู่พรรคที่คาดจะได้เสียงมาก ส่วนแบ่งโควตารัฐมนตรีก็มาก โอกาสจึงเปิดกว้างกว่าการอยู่พรรคเล็กที่มีโควตาน้อยต้องแย่งชิงกัน

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเห็นเชิงประชดเพื่อไทยว่า สามารถอธิบายคนตัวใหญ่จากพลังประชารัฐย้ายมาเพื่อไทย ก็เคยอธิบายข้อกล่าวหาชิงชังฝ่ายสนับสนุนการสืบทอดอำนาจได้สั้นๆ มาแล้วว่า ปัจจุบันเขาเปลี่ยนใจแล้ว ดังนั้น ความไม่ดีที่เคยกล่าวหาไว้ก็ปลิวมลายหายไปทันที แล้วล้างให้เป็นนักประชาธิปไตยที่งามผ่องยองใย ซึ่งได้ทำเช่นนี้มาแล้วด้วย

เหนือกว่านั้น ยังกล่าวว่า เมื่อ พล.อ.ประวิตร เปิดประตูย้ายพรรคได้แล้ว การมาเพื่อไทยทำให้การจัดสรรผู้สมัครยากขึ้น ดังนั้นจึงเกิดปรากฎการณ์ ผู้สมัครเดิม หรือ ส.ส.เก่าในบางพื้นที่ไม่พอใจ รวมกลุ่มประท้วงแสดงออกให้เห็นชัดเจน ซึ่งตนไม่ได้ไปเกี่ยวข้องด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อเพื่อไทยไม่ประกาศชัดเจนกับการจับมือกับ พล.อ.ประวิตร และพลังประชารัฐ แต่ภายหลังอาจอ้างความจำเป็นต้องจับมือกันเหมือนการอ้างของ พล.อ.สุจินดา ตลอจนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทไปได้ปี 2570 ซึ่งทางการเมืองอ่านกันออกว่า สัญญาใจที่เตรียมจะอ้างความจำเป็นว่า ทำไมได้

"ผมอยากได้ยินในสิ่งที่ประกาศไม่เป็นทางการทั้งหลาย ซึ่งจะม้วนได้ตลอดเวลาและอยากจะฟังว่า ถ้าจับมือกันจริงกับบรรดาทั้งหลายที่ว่านั้น คุณจะอยู่กับเขาต่อไปหรือไม่ หรือจะไปอธิบายเหตุผลสำคัญกลับไปกลับมา เรายังจะไม่ได้ยินจากคนของพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ"

นายจตุพร ยกตัวอย่างเหตุการณ์ว่า แม้เพื่อไทยเคยประกาศอย่างเป็นทางการเรื่อง พรบ.นิรโทษกรรมฯ ให้เฉพาะประชาชน ก็ตระบัดสัตย์ไปแถลงเป็นสุดซอยได้ แล้วยังแถลงอีกครั้งถอนกฎหมายออก แต่ประชาชนเดินเข้าคุกกันฉิบหายวายวอดหมด เราในฐานะประชาชนจึงต้องการความจริง และยืนยันประชาชนจะเลือกใคร พรรคใดเป็นสิทธิ์ของประชาชน เราจะไม่ยุ่งเกี่ยว เพราะเราจะเน้นเรื่องประเทศชาติบ้านเมือง และเอาอำนาจประชาชนเป็นหลัก เป็นจุดมุ่งมั่น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สส.เพื่อไทย ดี๊ด๊า ประเทศไทยมีระบบที่เป็นมาตรฐาน!

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้คงสบายใจขึ้นที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับ

'อิ๊งค์' ยิ้มรับ 'พ่อ-เพื่อไทย' รอดล้มล้างปกครอง ชาวเน็ตชี้จากนี้ไป 'ทักษิณ' ใส่เกียร์เหลิง

จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย คำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ

'ทวี' ยันให้ข้อมูลความจริงที่ไม่มีกฎหมายห้าม ใครเห็นต่างก็หาหลักฐานมาหักล้าง ปมทักษิณชั้น 14

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร

'เด็จพี่' ได้ทีจวกเหล่านักร้อง ทำให้เกิดความปั่นป่วน ขู่เมื่อร้องผิดคีย์ต้องโดนลงโทษ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยอ้างว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้าง

'จตุพร' ตอกย้ำศาลรธน.รับคำร้องคดีล้มล้าง เพื่อหยุดอหังการอำนาจ เริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง

ลุ้นศาล รธน.พิจารณาคำร้อง 'จตุพร' เชื่อรับไว้วินิจฉัยเพื่อหยุดอหังการอำนาจ ลั่นจะเริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง เปิดความหวังประเทศก้าวเดินสู่ผลประโยชน์ชาติ

'นิพิฏฐ์' เฉลย 'ยิ่งลักษณ์' กลับไทยเป็นไปได้ 'ทักษิณ' ไม่ได้พูดเล่นๆ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เปิดเผยว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหนีคดีทุจริตจำนำข้าว อาจจะกลับประเทศไทยก่อนสงกรานต์ปีหน้า ว่า ระบุว่า