ไม่เลือกปฏิบัติ 'บิ๊กตู่' ลั่นเป็นนายกฯที่คิดถึงคนทั้งประเทศ ดูแลทุกจังหวัด

"บิ๊กตู่" บอกไม่ชอบ หลังเกษตรกรสวนผลไม้สมุทรสงครามจะเลือกเป็นนายกฯต่อถ้าแก้ไขปัญหาได้ ลั่นพร้อมเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ เปรียบทุกคนเหมือนคนในครอบครัวต้องดูแลให้มีความสุข ยันตนเองพูดแต่ความจริงไม่เคยโกรธใคร-ดูเครียด เพราะมีเรื่องคิดตลอดเวลา ขณะที่พูด 19 นาทีทำไฟดับ 2 ส.ส.ราชบุรี พปชร.-ปชป. รับคณะ

3 ก.พ.2566 - สำหรับภารกิจในช่วงบ่าย เมื่อเวลา 13.20 น. ที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม ต.ลาดใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางมายังวิทยาลัยเทคสมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจ สร้างมูลค่า และยกระดับรายได้ของประชาชน จ.สมุทรสงคราม พร้อมรับฟังปัญหาต่างๆของกลุ่มเกษตรกร ทั้งเรื่องประมง เรื่องปัญหานาเกลือ เรื่องปัญหาสวนมะพร้าว และผลไม้ทั้งส้มโอและลิ้นจี่ โดยช่วงหนึ่งมีตัวแทนชาวสวนผลไม้ระบุว่า ถ้าหากนายกฯแก้ไขปัญหาได้ ก็จะเลือกให้เป็นนายกฯต่ออีก 2 ปี

จากนั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มาในนามนายกฯ ประชาชนน่ารักทุกคน การลงพื้นที่ครั้งนี้จำเป็นต้องลงมารับฟังความคิดเห็นเพื่อรับทราบข้อเท็จจริง และจะรับข้อเสนอและข้อคิดเห็นทั้งหมดที่ได้ฟังในวันนี้ไปพิารณาว่ายังติดขัดมีอุปสรรคตรงไหน เพราะจำได้ว่าทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับตัวแทน ได้สั่งการให้ดำเนินการและตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อขับเคลื่อนและมอบหมายให้รองนายกฯและมอบหมายให้รองนายกฯกำกับดูแลกว่า 50 คณะ แต่ทั้งหมดนายกฯเป็นประธานเพียงแต่ได้มอบหมายให้รองนายกฯให้รองนายกฯรับผิดชอบในการประชุมและส่งรายงานและส่งรายงานมาให้ตนทราบ เพื่อตัดสินใจในการแก้ไขปัญหา ยืนยันตนจะดูแลงานภายใต้กำกับให้ดีที่สุด พร้อมสั่งการลงไปในทุกเรื่อง เพื่อให้เกิดผลโดยเร็ว เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานและทุกกระทรวง แต่ต้องทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและการสั่งการของนายกฯ ตนจะไล่ติดตามกำกับดูแลให้ ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ยอมรับว่ายังมีสิ่งไม่ดีที่ถูกปกปิดซ่อนเร้น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างข้าราชการกับประชาชน ตนไม่เข้าใจ เพราะเรามีกฎหมายจะต้องสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนให้ได้ ไม่ใช่มีปัญหาต่างคนต่างผละกันไป สุดท้ายมาอยู่ที่นายกฯ แต่ตนก็พร้อมที่จะรับใช้ทุกคน

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้มารับฟังปัญหาเพิ่ม แต่ยอมรับว่าก็มีปัญหาเดิมอยู่บ้าง แต่จะรับไปดำเนินการพิจารณาให้เร็วที่สุด

“ผมเข้าใจ แต่เมื่อกี้ไม่ชอบอยู่อย่างหนึ่งคือ ที่พวกท่านพูดว่า จะยินดีให้ผมเป็นนายกฯอีก 2 ปี หากสามารถแก้ปัญหาให้ได้ ไม่จำเป็นหรอก ไม่จำเป็น ผมต้องการทำงานให้กับประชาชนทุกคน ทุกกลุ่มอาชีพ ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ ผมเป็นนายกฯที่คิดถึงคนทั้งประเทศทั้งประเทศ ผมบอกได้แค่นี้แล้วกัน ซึ่งหลายอย่างเราได้แก้ไปบ้างแล้วทั้ง การสร้างถนนรถไฟฟ้าเยอะมากมาย วันนี้ต้องมาแก้ปัญหารายกลุ่มก็ต้องแก้กันไป แต่วันนี้สิ่งที่ผมรับคือ ปัญหาที่พวกท่านได้นำเสนอ ก็จะไปดูแลและแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง ความชอบธรรม ทั้งหลักกฎหมาย นิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ในทุกเรื่องเพื่อให้ทุกคนมีความสบายใจและเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่เช่นนั้นจะมีผลกระทบเช่นนี้”

นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศและดินแดนแห่งรอยยิ้ม และทุกคน จะต้องไม่เป็นศัตรูกัน ตนไม่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นศัตรูและขัดแย้ง ขัดข้องหมองใจกันทั้งสิ้น ยืนยันอีกครั้งว่า ตนเป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศ เป็นนายกฯ ของจังหวัดสมุทรสงครามทุกเขตและทุกอำเภอ ตนไม่ปัดความรับผิดชอบจะทำงานให้ดีที่สุด ตราบใดที่ยังมีหน้าที่อยู่ตรงนี้ อะไรที่ดีอยู่แล้วขอให้ทำต่อไปโดยเฉพาะศักยภาพที่มีอยู่ รัฐบาลพร้อมดูแลและเพิ่มเติมสิ่งที่มีอยู่ สิ่งสำคัญที่ต้องยอมรับคือรัฐบาลต้องทำงานเพื่อคนทั้งประเทศ แต่ก็จะเจอ ปัญหาอย่างที่ตนประสบอยู่ โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณนี้ที่จำเป็นจะต้องจัดสรรให้ครบ ทุกจังหวัด เพราะนี่คือประเทศไทย ตนไม่สามารถที่จะให้ใครมากที่สุด เพราะรักที่สุด มันเป็นไปไม่ได้ เหมือนกับการรักลูกก็ต้องรักให้เท่ากัน แต่ต้องดูถึงความเร่งด่วนเดือดร้อนความเดือดร้อน สิ่งไหนที่ให้ได้ก่อนก็จะให้ โดยเฉพาะงบประมาณมีปัญหาและมีจำนวนจำกัด เพราะเราผ่านเวลาที่ยากลำบากในเรื่องของ โควิด-19 มา ทั้งนี้ วันนี้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะสนองต่อความต้องการของทุกคนโดยภาพรวมจะต้องไม่เสียหาย ซึ่ง ระหว่างนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของงบประมาณในส่วนของงบประมาณปี 2557 ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้แทนที่พวกท่านได้เลือกเข้ามา ยืนยันว่าตนจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อประชาชนทุกคน เราต้องอยู่กันด้วยความเชื่อมั่น เข้าใจซึ่งกันและกัน

“ผมมายืนตรงนี้ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ ต้องการทำงานเพื่อพี่น้องทุกคนให้มีความสุขเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกับทุกคน พ่อก็ต้องรักลูกทุกคน ต้องทำให้ทุกคนเจริญเติบโตให้ดีที่สุด ผมมีหน้าที่ตรงนี้และผมไม่บังอาจเป็นพ่อให้กับทุกคน แต่จะดูแลพวกเราทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ให้เจริญเติบโตให้ได้มากขึ้น ช่วงนี้เป็นช่วงที่เรียกว่าเป็นประชาธิปไตยของทุกคน ก็คิดเอาแล้วกัน ว่าสิ่งที่พูดมานั้น ผมทำได้มากน้อยแค่ไหน อะไรที่ทำไม่ได้ ผมจะไม่พูด ผมไม่ได้มาหาเสียงจากท่านโดยเด็ดขาดทุกเรื่อง ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หรือไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม ไม่เช่นนั้นจะทำให้ระบบงบประมาณเสียหาย ก็ขอให้ลองดูก็แล้วกัน ไม่ว่า การจะเป็นประชาธิปไตยอะไรก็ตามของพวกท่าน วันนี้อาจจะพูดแรงไปนิด แต่ผมหนักใจ ในเรื่องเหล่านี้ว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนมีความสุขและพอใจ เหมือนการมีลูกทั้งหมด 60 กว่าล้านคน จะทำให้ทุกคนพอใจทั้งหมดทีเดียวคงไม่ได้ แต่จะทำให้ทุกกลุ่มพอใจ อย่างน้อยก็จะได้ร่วมเดินตามการทำงานของรัฐบาลต่อไปในอนาคต

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า วันนี้มาพูดในนามนายกฯ ให้เข้าใจไม่ได้พูดในฐานะอื่น คนเราจะรักกันยังไงก็รักเหมือนที่ตนรักประชาชนอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าท่านจะเป็นอย่างไร ตนก็รักทุกคน ตนปฏิเสธไม่ได้ และผมก็รักครอบครัว ท่าน เปรียบเสมือนคนภายในครอบครัว ของประเทศไทย ซึ่งพวกเราทุกคนต้องดูแล มีทั้งลูกคนเล็ก ลูกคนกลาง ลูกคนโต ต้องดูแลทุกคนให้มีความสุข วันนี้ที่มารับฟังถือว่ามีลูก 5 คน ที่ต้องดูแลเรื่องประมงก็รบมันอยู่แบบนี้ แก้ไปถึงไหน ซึ่งตนจะไปไล่ดูว่าคณะกรรมการทำกันไปถึงไหน ซึ่งมีคณะอนุกรรมการให้ไปติดตาม ประชุมต้องไปอีกครั้งปัญหาอยู่ตรงไหน แก้ยังไง และได้ข่าวว่ายังมีปัญหาอยู่

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องมะพร้าวน้ำหอมไปต่างประเทศบอกซื้อลูกละ 600 บาท ซึ่งไม่รู้ว่าซื้อจากไปที่นี่ ไปเท่าไหร่ซื้อ 5 บาทที่นี่ไปขายที่โน่น 600 บาท แต่ถ้ารับมะพร้าวที่อื่นราคา 200 บาท ต้องไปดูว่ากลไกเป็นอย่างไร ตนไปต่างประเทศไม่มีผลไม้ที่ไหนอร่อยเท่าที่ประเทศไทย วันนี้สิ่งที่อยากจะเตือนภาคการเกษตรคือ เราจะถูกกีดกันในเรื่องของสารเคมี และการปลูกพืชในพื้นที่ผิดกฎหมาย ต่อไปนี้สินค้าทุกชนิดในโลกใบนี้เขาใช้ตัวนี้เป็นตัวกำหนดในการซื้อสินค้า ถือเป็นธรรมดาในการแข่งขัน เพราะเขาสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ เขามีข้อมูล ผ่านทางดาวเทียม

“วันนี้ทุกคนไม่ชอบความจริง แต่ผมชอบพูดความจริง อาจจะไม่ถูกใจบ้างก็ต้องขอโทษ เพราะผมเป็นคนแบบนั้นผมไม่สามารถปกปิดอะไรไว้ได้หรอก เพื่อให้มารักชอบผม ทำไม่ได้ เพราะมันมีปัญหากับประเทศ และระบบเงินงบประเทศของประเทศ และความน่าเชื่อถือทางการเงินการคลัง ถ้าเราทำตรงนี้เสียหายทุกอย่างจะล้มหมด ผมยืนยันจะทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า กระทรวงที่เกี่ยวข้องในทุกปัญหาจะต้องดำเนินการ แม้จะมาจากคนละที่ ก็ถือเป็นรัฐบาลร่วมกันจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน ความบกพร่องและความเสียหาย จะต้องช่วยกันไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาอยู่แบบนี้ ตนอยากให้บ้านเมืองเราอยู่ในความสงบสุข ไม่มีปัญหาจากกฎหมาย เป็นสิ่งที่นายกฯใช้มาตลอดคือความเท่าเทียมของโอกาสที่เท่าเทียม ทั้งถนนหนทางต่างๆจะต้องได้ใช้อย่างเท่าเทียม โดยพัฒนาตัวเองให้เข้ามาใช้ประโยชน์ ส่วนเรื่องความเป็นธรรมจะต้องดูแลผู้มีรายได้น้อยทั้งรายบุคคลรายครัวเรือน เพราะเงินทองได้มาจากรายได้ของประชาชน แต่จะทำอย่างไรให้เรามีรายได้มากขึ้น พวกเราทุกคนต้องมีอาชีพที่ดีขึ้น รายได้มากขึ้น สามารถช่วยรัฐบาลได้ในอนาคตทุกเรื่องทั้งหมดขอรับไว้พิจารณา ขอบคุณทุกคนที่มานั่งฟังตรงนี้

“อาจจะฟังดูว่านายกฯเครียดอะไรหรือเปล่า ไม่ได้โกรธใครเลย แต่เสียงมันเป็นอย่างนี้เอง บางเวลาก็ยิ้มหัวเราะได้แต่พอเป็นงานเป็นการก็เป็นแบบนี้คิดอยู่ตลอดเวลา เมื่อกี้ที่พวกท่านพูด ก็จดไว้ 5 หน้ากระดาษ บางอันก็ซ้ำเดิมแสดงว่าแก้ไม่ได้จริง ก็ต้องยอมรับว่าอะไรใช่ ไม่ใช่ รับปากจะไปดูแลให้”นายกฯ กล่าว

ช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ถามว่า มีใครจะถามอะไรหรือไม่ เมื่อเช้านั่งรถไฟมาสนุกดีเห็นในรูปอยากมาตั้งนานแล้วที่ตลาดร่มหุบ ร่มบ้านของเธอ คนมาเต็มบนรถไฟ คนต่างประเทศเต็มไปหมด เขาตื่นเต้นกับตลาดร่มหุบ และตื่นเต้นเป็น 2 เท่าที่ได้เจอนายกฯไทย ตนก็งงๆ เขาก็ต้อนรับตนดี ทั้งที่ไม่รู้จักกัน แต่เขารู้ว่านี่คือนายกฯแน่นอน ถ่ายรูปกันไป ตนก็ขอบคุณในนามประเทศไทยและชาวสมุทรสงคราม ยินดีที่ท่านมาเที่ยวทำให้เศรษฐกิจฐานรากของเราดีขึ้น ตนไปไหนไม่เห็นมีใครรังเกียจประเทศไทย เขาชื่นชมว่าเราทำได้อย่างไรเศรษฐกิจก็ดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายกฯพูดมาถึงตรงนี้ปรากฎว่าไฟดับ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามเคาะไมโครโฟน แต่เสียงไมโครโฟนยังไม่ดัง ทำให้ต้องตัดสินใจลงจากเวที มาทักทายประชาชน ซึ่งจังหวะนี้ไฟฟ้ากลับมาใช้ได้ตามปกติ โดยนายกฯใช้เวลาพูดต่อไปอีก 19 นาที

โดย พล.อ.ประยุทธ์ เดินทักทายประชาชน พร้อมชมว่า”ยิ้มสวย ผมก็อยากยิ้มเหมือนกัน แต่ก็ยังทำไม่ได้” นายกฯยังกล่าวอีกว่า “ เมื่อช่วงเช้าที่ไปไหว้พระได้ขอพรให้กับคนไทยทุกคน เพื่อให้ประเทศเรียบร้อย มีความสุข ผมไม่ได้ขออะไรเพื่อตัวเองมากมาย ผมขออย่าทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน พูดกันดีๆ วันนี้ถ้าพูดไม่เพราะ ก็ขอโทษด้วยแล้วกัน ถึงนายกฯจะพูดไม่เพราะ แต่ก็มีหัวใจให้กับพวกเราทุกคน”

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเพิ่มเติมว่า นอกจากคณะ ส.ส.และอดีต ส.ส. ได้แก่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม พรรคประชาธิปัตย์ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส ราชบุรี ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มาร่วมต้อนรับนายกฯตัังแต่ช่วงเช้าแล้ว ในช่วงบ่ายยังมี ส.ส.บางส่วนตามมาสมทบด้วย โดยเฉพาะ น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ที่มีข่าวจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กับพรรครวมไทยสร้างชาติในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขณะที่นายอัครเดช ส.ส ราชบุรี ของพรรคประชาธิปัตย์อีกคน เดินมาร่วมต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ปลุกทุกภาคส่วน ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านวีดิทัศน์ว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2567

ความจริง 'ชั้น 14' ชี้ชะตา 'รัฐบาลอิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อายุรัฐบาลขึ้นกับความจริงบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.)

'อังกินันทน์' ชนะขาด! ประกาศผลนับคะแนนเลือกตั้ง 'นายก อบจ.เพชรบุรี'

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี รายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี (อย่างไม่เป็นทางการ) ณ เวลา 23.59 น. โดยนับครบแล้วทั้ง 734 หน่วยเลือกตั้ง

ประกาศผลนับคะแนนเลือกตั้ง 'นายก อบจ.อุดรธานี' อย่างไม่เป็นทางการ

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รายงานผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี

โค่นแชมป์เก่า! 'วาริน' คว้าชัย 'นายก อบจ.เมืองคอน' ทิ้งห่าง 'กนกพร'

ผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช อย่างเป็นทางการ ประกาศว่า นางสาววาริน ชิณวงศ์ ผู้สมัครหมายเลข 2 จากทีมนครเข้มแข็ง

'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน

ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49