แฟ้มภาพ
2 ก.พ.2566 - ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำสั่ง/ คำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 7 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ จากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการ โดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 วรรคสอง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสี่ โจทก์ ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์ แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสี่กระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษากลับ ให้จำคุกจำเลยทั้งสี่คนละ 3 ปี ลดโทษให้1ใน3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี
จำเลยทั้งสี่ยื่นฎีกา อ้างว่า มีพยานหลักฐานใหม่ในคดี ขอให้ศาลฎีกา พิจารณา พิพากษาใหม่ และนายธาริต จำเลยที่ 1 มอบหมายให้ทนายความยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อนโดยให้เหตุผลต่างกันหลายครั้ง โดยครั้งหลังสุด ขอเลื่อนโดยให้เหตุผลเนื่องจากต้องผ่านิ่วในไตทั้ง 2 ข้าง ใช้เวลารักษานานราว 4 เดือน รวมทั้ง นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมล หรือน้องเกด อัคฮาดพยาบาลอาสาที่เสียชีวิตที่วัดปทุมวนารามเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 และญาติผู้เสียชีวิตราย อื่นๆ ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความที่สามในคดีด้วย
ศาลอาญาจึงมีคำสั่งให้ส่งคำร้องทั้งหมดให้ศาลฎีกา พิจารณาเพื่อมีคำสั่งคำร้อง โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาจะพิจารณาผ่านระบบจอภาพผ่านศาลอาญา
นัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาวันนี้ ทนายโจทก์ที่1-2 จำเลยที่ 2-4 ทนายจำเลยที่ 1 พนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลยที่3,4 ผู้รับมอบอำนาจนายประกันจำเลยทั้ง4มาศาล ส่วนจำเลยที่ 1ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา
ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่าตามที่ได้แถลงต่อศาลในนัดที่แล้วว่า จำเลยที่ 1 เจ็บป่วยเป็นโรคนิ่วในไตทางด้านซ้ายและด้านขวา ต่อมาในวันที่ 29 มกราคม 2566 จำเลยที่ 1 ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์โดยแพทย์ได้ทำการผ่าตัดส่องกล้องผ่านท่อไตและใส่สายระบายเลือดไว้ในท่อไตทั้งสองข้าง จำเลยที่ 1จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้นและต้องติดตามอาการเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อประเมินสภาพไตและก้อนนิ่วอีกครั้ง รายละเอียดตามคำร้องขอเลื่อนคดี ฉบับลงวันที่ 1 ก.พ.66 พร้อมเอกสารแนบท้าย
สำเนาคำร้องให้คู่ความทุกฝ่ายแล้วทนายโจทก์ที่ 1 แถลงว่า ไม่คัดค้านการขอเลื่อนคดี โดยขอให้เป็นดุลพินิจของศาล แต่ขอให้ศาลกำหนดมาตรการเพื่อกำชับให้มีการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลฎีกาโดยเร็ว เนื่องจากคดีนี้มีการขอเลื่อนเพื่ออ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7แล้ว
ส่วนทนายโจทก์ที่ 2 แถลงว่า ไม่คัดค้านการ ขอเลื่อนคดี แต่ขอแถลงเพิ่มเติมว่า ตามใบรับรองแพทย์ที่ทนายจำเลยที่ 1ยื่นมาท้ายคำร้องขอเลื่อนคดีนั้น ระบุว่า จำเลยที่ 1จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้น และจะต้องติดตามอาการเป็นเวลาอีกประมาณ 3เดือน เป็นการไม่แจ้งชัดว่าจำเลยที่ 1 มีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัว โดยอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดระยะเวลาทั้ง 3 เดือนหรือไม่
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อพิจารณาตามคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยที่ 1 ประกอบเอกสารแนบท้ายแล้ว ปรากฎเพียงว่าจำเลยที่ 1ได้ทำการรักษาโดยการผ่าตัดส่องกล้องผ่านท่อไตเมื่อวันที่ 29 ม.ค.66 ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลและต้องติดตามอาการเป็นเวลาสามเดือนเพื่อประเมินสภาพไตและก้อนนิ่วอีกครั้ง แต่แพทย์ไม่ได้แจ้งว่าจำเลยที่ 1 จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดในทันทีหรือต้องผ่าตัดเร่งด่วนในวันและเวลาใด และจำเป็นต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตลอดระยะเวลา 3 เดือนหรือไม่ ทั้งไม่ได้ลงความเห็นว่าจำเลยที่ 1 มีอาการเจ็บป่วยถึงขนาดที่ไม่สามารถเดินทางมาศาลในวันนี้ได้ ประกอบกับจำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุเจ็บป่วยมาแล้วหลายครั้งเป็นเวลากว่าหนึ่งปี น่าเชื่อว่าการที่จำเลยที่ 1 ไม่มาศาลเป็นการประวิงคดีให้ล่าช้า ตามพฤติการณ์จึงมีเหตุให้เชื่อว่าจำเลยที่ 1 หลบหนีจึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 เพื่อนำตัวมาฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาต่อไป
นายประกันจำเลยที่ 1ไม่ส่งตัวจำเลยที่ 1ต่อศาลตามนัด ถือว่าผิดสัญญาประกันให้ปรับนายประกันจำเลยที่ 1 เต็มตามสัญญา แจ้งนายประกันจำเลยที่ 1 ให้ชำระค่าปรับต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่วันนี้
ให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาในวันที่ 24 มีนาคม เวลา 09.00 น.ตามที่คู่ความมีวันว่างตรงกันแจ้งเลื่อนการอ่านให้ศาลฎีกาทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำร้องที่ผู้ร้องสอดเคยยื่นศาลฎีกา ในวันนี้ศาลฎีกาได้เเจ้งเลื่อนการพิจารณาคำสั่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กองปราบ ยื่นขอหมายจับ 'เจ๊พัช กฤษอนงค์' 2 ข้อหาหนัก!
พ.ต.อ.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. ได้นำหลักฐานและคำให้การของพยานในคดีทั้งห
'ฟิล์ม-เจ๊พัช' ระทึก! 'ผบ.ตร.' ชี้ผิดจริง หมดสิทธิ์ลอยกระทง
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการออกหมายเรียก หรือหมายจับ ฟิล์ม-นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์
'ทวี' ชี้ ‘เขากระโดง’ คำวินิจฉัยศาลฎีกา 5,083 ไร่ เป็นที่ดินของการรถไฟ ถือสิ้นสุด
เรื่องนี้ไม่ใช่ศาลฎีกาอย่างเดียว กฤษฎีกาก็วินิจฉัยแล้ว ป.ป.ช.ก็วินิจฉัยแล้ว ก็ถือว่าสิ้นสุด ที่สำคัญมีการบังคับคดีและยึดที่คืน
นักกฎหมาย หวั่นคำสั่งทางปค. กรณีที่ดินเขากระโดง อยู่เหนือคำพิพากษาศาลฎีกา จะขัดต่อหลักนิติรัฐ
“ดร.ณัฏฐ์” นักกฎหมายมหาชน ชี้ มติเขากระโดง หักมุม ไม่เชื่อรูปแผนที่ในคำพิพากษาศาลฎีกา คำพิพากษาศาลฎีกาย่อมเหนือกว่าคำสั่งทางปกครอง
'ทนายตั้ม' พร้อมนอนคุก! เตรียมหลักทรัพย์ยื่นประกันเฉพาะเมีย
ทนายเผย 'ตั้ม' ยังไม่ยื่นประกันตัววันนี้ เตรียมหลักทรัพย์ประกันเฉพาะเมียแทน 'ทนายเจ๊อ้อย’ โผล่ ยื่นค้านประกันตัวชี้มีพฤติกรรมหลบหนี หวั่นยุ่งเหยิงพยาน
ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผย 'ทนายตั้ม' เตรียมหนีออกนอกประเทศ ประสานตร.ทางหลวงสกัดจับ
พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการจับกุม ทนายตั้มและภรรยา ว่าคดีดังกล่าว ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับให้ตนเข้ามาดูแล