26 ม.ค.2566 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายนิติธร ล้ำเหลือ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ความจริง...เป็นสิ่งไม่ตาย" โดย นายจตุพร กล่าวว่า ตลอด 30 ปีไม่เคยอยู่ด้วยความปลอดภัยเพราะเป็นผลจากการเลือกต่อสู้กับผู้มีอำนาจ การพูดถึงความจริงเป็นสิ่งไม่ตายเพื่อสะท้อนปัญหาต่างๆ ของบ้านเมือง และที่ผ่านมาได้วิพากษ์วิจารณ์ทุกฝ่าย ที่หนักที่สุด คือวิจารณ์อำนาจ 3 ป. อันจะนำพาภัยวิกฤตมาสู่ประเทศในอนาคต
อีกทั้ง ประเมินสถานการณ์ว่า ประเทศจะเดินไปถึงเลือกตั้งหรือไม่ และถ้าไม่ถึงเกิดจากวิกฤตอย่างไร ดังนั้นที่ชัดเจนในวิกฤตแรกคงเกิดจากกรณีทักษิณ ชินวัตร ประกาศจะใช้ใจอย่างเดียวเพื่อกลับบ้าน แต่การกลับมาเมื่อศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว จึงไม่มีช่องทางอื่น นอกจากเข้าเรือนจำ ดังนั้นการประกาศกลับบ้านโดยไม่ใช้กฎหมาย จึงเป็นการปลุกความคิดให้นำไปสู่การล้มกระดานได้อย่างง่ายดายอีกรอบหนึ่ง
"ก่อนหน้านี้ผมบอกว่าดีลที่ไม่สมควรจะดีล และไม่มีใครยอมรับได้นั้น ถ้าทักษิณจะกลับบ้าน ก่อนมี พรฎ.เลือกตั้งก็กลับมา สังคมจะได้ตั้งหลัก หากกลับบ้านช่วงเข้าโหมดมีเลือกตั้งแล้ว จะไม่ได้เลือกตั้ง หรือเลือกตั้งเสร็จผลการเลือกตั้งก็ไม่ได้ใช้ เพราะจะพังในสถานการณ์อื่นๆ"
นายจตุพร กล่าวว่า การไปผูกติดความรักของประชาชน คนยากจนที่มีจำนวนมาก โดยมองเพียงมุมนโยบายที่สำเร็จ แต่ไม่รับรู้ในคดีเกี่ยวข้องทุจริตของทักษิณ ดังนั้นอารมณ์สองทางนี้จะเป็นแรงกระแทกของสังคม
"สำหรับผมถ้าไม่เกิดปรากฎการณ์ฮ่องกงปี 62 (แยกสลายแกนนำเสื้อแดงไปหาเสียงเลือกตั้ง) ปี 63 (ถูกเย้ยหยามไปช่วยหาเสียง นายก อบจ.เชียงใหม่) และ ปี 66 (เหยียบย่ำศักดิ์ศรี กล่าวหารับงานมาสกัดเสียงแลนด์สไลด์) จึงเกิดฮ่องกงเอฟเฟคลุกลาม จนทักษิณและคนเกี่ยวข้องหลีกเลี่ยงจะตอบข้อเท็จจริง แต่ใช้วิธีการด้อยค่า การโชว์เหนือกว่า (มาทำลาย) ซึ่งข้อเท็จจริงไม่มีใครจะมาโชว์เหนือกว่าใครได้ ดังนั้นวาจาทักษิณไม่กี่ประโยคจึงเป็นการปลดปล่อยผม"
นายจตุพร กล่าวต่อว่า เวลาที่ผ่านมา ได้สู้มาก่อนที่จะรู้จักทักษิณ สู้โดยไม่คิดแสวงหาความสุขส่วนตัว หรือเอาประโยชน์ส่วนตัว แต่เดินตามแนวทางชีวิตที่ประชาชนปรารถนาได้มีความสุข ไม่ต้องทนอยู่กับมนต์สะกดของความเท็จทั้งหลาย แต่ไม่เคยเดินไปถึงสิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงได้สักวันเดียว อีกทั้งเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริงและถูกต้องเช่นกันตามเคย ตนจึงพูดเสมอให้มาทำประเทศให้ถูกต้องก่อนเลือกตั้ง ต้องแก้ ส.ว.250 และองค์กรอิสระที่อยู่ในอำนาจของคณะ 3 ป. ดังนั้นเมื่อเพิกเฉยกัน เจตนารมณ์ของประชาชนจึงไม่มีวันถูกสะท้อนกันอย่างจริงๆ
อีกอย่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่มีปัญญาหรือมีปัญญา แต่ไม่จัดการซื้อเสียงเลือกตั้งได้เลย ทั้งที่ประชาชนรู้กันทั่วไปหมดว่า การเลือกตั้งทุกชนิดล้วนมีการซื้อเสียง ดังนั้นเมื่อประชาธิปไตยลงเอยด้วยการซื้อเสียง ถูกแลกด้วยเงินตราก็เท่ากับเป็นการซื้อขาด ซึ่งเป็นการลงทุนแล้วไปถอนทุน จึงเปิดช่องให้ทหารขี่ม้าขาวเข้ามาปราบคนโกง แล้วสุดท้ายอัศวินม้าขาวไม่เคยออกไปแบบม้าขาวเลย คือ เข้ามาทุจริตเช่นกัน แล้งยังเป็นเผด็จการเข้มข้นอีกต่างหาก
"วันนี้เราเห็นสัญญาณว่า วิกฤตจะเกิดขึ้น ทักษิณจะมีกลยุทธ์พูดถึงการกลับบ้าน โดยไม่รับผิดชอบเหมือนเดิม จะกลับบ้านก็กลับได้ทุกเวลา แบบสง่างามคือเดินเข้าเรือนจำทุกคนยกย่อง หรือถ้ากลับมาเพื่อให้เกิดวิกฤตแบบเผด็จการทรราชในอดีตจนเป็นชนวนเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519"
นายจตุพร ย้ำว่า ดังนั้นการพูดของตนจึงไม่เกี่ยวกับแลนด์สไลด์ แต่เป็นหน้าที่ต้องรักษาชาติบ้านเมืองจากวิกฤตที่มากมายไว้ที่ทำให้ประเทศเสื่อมทราม ทั้งตู้ห่าว เรื่องกระทรวงทรัพยากรฯ หรือทรัพยากรของชาติที่จะเป็นรายได้ใช้หนี้ให้ประเทศกลับยกให้ทุนต่างชาติ ดังนั้นตลอดเวลาเราจึงเลือกข้างประเทศไทย
"ทักษิณต้องนึกช้าๆ ว่าฟังใครหรือเปล่า เพราะโรคของผู้มีอำนาจเหมือนกันหมด ไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ ทักษิณ ต้องการฟังแต่ข่าวดี ไม่อยากฟังข่าวร้ายที่เป็นความจริง แต่ชอบคำสอพลอ ชอบคำสรรเสริญเยินยอ จึงนำพาสู่ความฉิบหาย"
นายจตุพร กล่าวถึงการพูดถึงกรณีทักษิณกลับบ้านว่า เพราะไม่ต้องการให้อนาคตเกิดเหตุการณ์เลวร้ายและมีความตายของชาวบ้านขึ้นมาอีก อย่างไรก็ตามการพูดเพื่อความถูกต้องย่อมลำบาก อยู่ยาก แต่ต้องเลือกแม้ไม่ปลอดภัยและเดือดร้อน จึงไปสร้างความคับแค้นของทั้ง 3 ป.และทักษิณ ส่วนตนไม่เลือกทั้งสองทาง โดยขอเลือกข้างประเทศไทยมาก่อน
ยิ่งกว่านั้น ที่ผ่านมาสุดท้ายตนเห็นระหว่างก่อนมีอำนาจที่แลกด้วยเลือดเนื้อ ชีวิต คราบน้ำตาของประชาชน เมื่อได้อำนาจแล้วกลับเอาไปให้ผู้ที่ฆ่าประชาชน สิ่งนี้เจ็บปวดมาก คนที่ร่วมเป็นร่วมตายอยู่ที่เถียงนา เมื่อเอาอำนาจไม่รอดก็ไปตามมา เวลารบได้รับบาดเจ็บร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล หน้าเต็มด้วยเลือด แต่ไปเอาใครไม่รู้ หน้านวลขาวผ่องสะอาดสดใสมามีอำนาจปกครองประเทศชาติบ้านเมือง
"คนพวกนี้ไม่เคยเห็นเลือดเนื้อ ไม่เห็นหัวใจประชาชนว่า เขาต้องแลกด้วยชีวิต เพราะในความเป็นมนุษย์สิ่งที่เท่ากันอย่างเดียวคือชีวิต ฐานะร่ำรวยไม่มีวันเท่ากัน โอกาสไม่มีวันเท่ากัน แต่คนเวลามีอำนาจมันไม่เคยคิดว่าชีวิตคนเท่ากัน มักคิดว่าชีวิตตนเองเหนือกว่า ตัวเองบันดาลได้ด้วยเงิน แต่ลืมว่า คนเข้ามาร่วมนั้น เขาเอาชีวิตเข้ามาหุ้น เขาเอาสมบัติที่มีมูลค่าสูงสุด คือชีวืตที่เอามาเดิมพัน"
นายจตุพร กล่าวว่า การพูดในสิ่งที่อธิบายมาไม่ได้พูดเท็จ เพราะถ้าไม่จริงย่อมถูกสวนได้ แต่สิ่งที่พูดคือ ความจริง และเป็นความเจ็บปวดทั้งหลาย ตลอดเวลาเส้นทางการต่อสู้ ตนมักพูดเสมอว่า ถ้าคิดเรื่องตัวเอง เมื่อทักษิณผิดคำพูดก็ต้องไปแล้วตั้งหลายปี แต่ต้องทนอยู่เพราะไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง แต่สู้เพื่อขบวนการต่อสู้ที่แลกกับชีวิต ความเจ็บปวด และความตายทั้งปวง ดังนั้น เมื่อยึดอำนาจแล้วจะมาต่อสู้อีกทำไม ต้องติดคุกต่อทำไม ยิ่งฝ่ายทักษิณกำลังมีอำนาจเมื่อถูกถากถางก็ต้องน้อมรับ ถ้าคิดจะเอาประโยชน์จากทักษิณ แต่ไม่ใช่คนอย่างตน
"สิ่งสำคัญช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ได้มองเห็นว่าภัยกำลังจะมา มีเชื้อไฟอย่างดีมาจากทักษิณ ที่ประกาศกลับบ้านที่ไม่ใช้กฎหมาย ไม่ใช้พรรคเพื่อไทย ไม่เกี๊ยะเซียะพลังประชารัฐ จึงคิดเป็นอื่นไม่ได้เลย ถ้าท่านเป็นคนทั่วไป ต้องไม่หนีคดี ต้องยืนหยัดเดินเข้าเรือนจำอย่างสง่างาม แต่ตลอดเวลาท่านไม่ได้เลือกใช้ความสง่างามข้อนี้" นายจตุพร กล่าว และย้ำว่า การกลับบ้านทุกครั้งจะเสียหายทุกครั้ง ตอน พรบ.สุดซอย ก็เสียหายมาถึงวันนี้เกือบ 8 ปี และที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเสียหายอีกกี่ปี
อีกทั้งเสนอว่า ถ้าทักษิณจะกลับมาให้กลับตอนนี้เลย โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เดินเข้าเรือนจำอย่างสง่างาม หากกลับมาก่อนเลือกตั้งจะเกิดความโกลาหล กระดานเลือกตั้งอาจล้มเลย ถ้ากลับมาหลังเลือกตั้ง ซึ่งชนะเลือกตั้งก็เห็นอยู่แล้วว่า 19 ล้านเสียงเมื่อปี 49 ยังเอาตัวไม่รอด จะปกป้องได้หรือ เพราะเป็นเสียงที่มีความสัมพันธ์ระหว่างนักเลือกตั้งกับผู้เลือกตั้ง ไม่ใช่ผูกพันด้วยจิตวิญญาณ ดังนั้นได้คะแนนเสียงเท่าไรก็ป้องกันตัวเองไม่ได้
"ฉะนั้น อะไรก็ตามที่ท่าน (ทักษิณ) คิดว่า คนไม่รู้ แต่ผมรู้ พยายามส่งสัญญาณเตือนกันเบาๆ มาตลอดว่า ที่ไปดีลอย่าทำ เพราะกาละเทศะไม่สมควร และภายใต้ทักษิณกลับมาด้วยเงื่อนไขไม่ใช้กฎหมาย ไม่เข้าเรือนจำ จะเกิดความโกลาหล มันจะพินาศย่อยยับ ถ้าไม่สงสารตัวเองก็ให้สงสารประเทศชาติบ้าง สงสารประชาชนที่ลำบากบ้าง"
นายจตุพร ย้ำว่า ถ้าจะกลับบ้านก็กลับมาในวันนี้ ซึ่งยังไม่มีสถานการณ์ใด เมื่อมาแล้วก็เข้าเรือนจำเลย แต่อย่ากลับมาในสถานการณ์พิเศษ เพราะผลเลือกตั้งไม่ได้ทำให้ท่านกลับบ้านได้ โดยเลือกตั้งปี 54 ย่อมอธิบายได้ชัดเจน เนื่องจากตั้งรัฐบาลใหม่ยังไม่กล้านิโทษกรรม ที่สำคัญไม่ได้ใช้ความกล้าที่สุดของมนุษย์ที่พึ่งมี
ไม่เพียงเท่านั้น ระหว่างอิสรภาพกับการถูกจำกัดอิสรภาพ แต่ถ้าแสดงความกล้าหาญเดินเข้าคุกอย่างสง่างามทุกอย่างจบ ถ้าเป็นกรณีดีลไม่สมควรดีสและกลายเป็นวิกฤตใหม่ ชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ก็ช่วยไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวกันกับการกลับบ้าน ซึ่งพิสูจน์มาแล้ว ชนะเลือกตั้งก็กลับไม่ได้ เพราะความไม่กล้าทั้งทักษิณและรัฐบาลของทักษิณ
"ครั้งนี้ การพูดเช่นนี้จะเริ่มต้นปลุกวิกฤตขึ้นมา แล้วยังชุบชีวิต พล.อ.ประยุทธ์ ที่กำลังมึนอยู่ก็ฟื้นขึ้นมา เหมือนฉลามได้กลิ่นเลือด เมื่อทักษิณประกาศกลับบ้านโดยไม่ใช้กฎหมาย ไม่ใช้พรรคเพื่อไทย ไม่สมยอมกับพลังประชารัฐ หรือยังพูดไม่ชัดว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล เท่ากับเปิดทางสว่างให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น ทักษิณจึงกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับในการชุบชีวิต พล.อ.ประยุทธ์"
ทางด้านนายนิติธร กล่าวว่า การยอมรับความจริงและอยู่กับความจริงจึงจะเปลี่ยนแปลงให้เกิดสิ่งที่ดีตามมาได้ ไม่เช่นนั้นก็จะย่ำอยู่กับทีและถอยหลังลงไปเรื่อยๆ คนที่เสียหายก็คือประชาชน และกระทบ ประเทศไม่มีความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องยอมรับความจริงว่า เป็นสิ่งที่ประยุทธ์ไม่ทำตามคำพูด และไม่ยอมรับความจริง คือ ไม่แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งปัญหากลุ่มอิทธิพลของต่างชาติ การพนันออนไลน์ ซึ่งประชาชนรู้ดี แต่กลับปรากฎการณ์มากขึ้น จึงสะท้อนว่า สิ่งที่ประชาชนต้องการคือความจริง ความถูกต้องและชอบธรรม รวมทั้งการมีชีวิตร่วมกันอย่างมีคุณภาพ
อีกทั้ง กล่าวว่า การไม่ยอมรับความจริงแล้วปกปิดไว้ จึงเป็นผลให้เห็นว่า ความจริง เป็นสิ่งไม่ตาย โดยคดีของตู้ห่าวเวลาเกือบ 10 ปีจึงปรากฎขึ้น อีกทั้ง VVIP ของนักท่องเที่ยวจีนก็มีมานานกว่า 10 ปี แต่ผู้มีอำนาจรัฐไม่ดำเนินการเรื่องนี้ ตนกังขาว่า มีอะไรที่ใหญ่กว่านี้ จึงไม่ทำ ทั้งที่เป็นหน้าที่ปกติต้องทำ
นอกจากนี้ การเริ่มต้นจากอำนาจที่ไปยึดเขามา ยังไมได้แก้ปัญหาและไปปฏิรูปจริงจัง หรืออยู๋เพียงการโยกย้ายทรัพย์สิน งบประมาณ และอำนาจไปให้กลุ่มทุน ภาพที่เป็นความจริงแบบนี้แต่ไม่ยอมรับกัน ขณะที่สังคมไทยถูกทำให้อ่อนแอ จึงไม่แปลกกว่า 20 ปีมานั้น ประชาชนทำให้ถูกทำให้ยึดโยงกับความผูกพันทางการเมือง ผลประโยชน์และตัวบุคคลจึงเดินหน้าไม่ได้ ก็วนกันแบบเดิมอีก เพราะไม่มีใครกล้าไปเปลี่ยนโครงสร้างที่ทำให้เกิดภาพเช่นนั้น
อีกอย่าง การที่ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ได้ เพราะคนส่วนหนึ่งที่ไปสนับสนุนนั้น ไม่ยอมรับความจริงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้แก่ปัญหาตามที่ให้สัตยาบันกับสังคมไว้ ดังนั้นความจริงจึงตามมาหลอกทุกห้วงเวลา โดยเฉพาะเรื่องการจะต้องตัดสินใจทางสังคม ด้วยเหตุนี้จึงอยู่ด้วยการโกหก คือไม่ยอมรับความจริง จึงแสดงถึงความเน่าเฟะ สังคมล้มเหลว จึงไม่เป็นผลดีกับประเทศ
ดังนั้น นักการเมืองที่ดีของสังคมจึงควรเป็นต้นแบบของสังคม แม้จะเป็นเรื่องยากในการหาความจริง เพราะสังคมซับซ้อนมากขึ้น เข้าถึงความจริงยาก สังคมจึงใช้ความรู้สึกไปจับ แล้วเชียร์กันไป ยิ่งในกรณีทักษิณพูด ในลักษณะที่ไม่พูดความจริงเลย ไม่ได้ตอบโตจตุพร พรหมพันธุ์ ด้วยเนื่อหาหลักในที่สาธารณะ ทั้งที่ความเป็นสาธารณะคนที่รู้จริงต้องอยู่ในวงใน ใกล้ชิดบุคคลสาธารณะจริงๆจึงจะรู้ความจริงได้
นายนิติธร กล่าวว่า ทักษิณพูดตอบโต้จตุพรนั้น ไม่ได้ใช้ปัญญา แต่เป็นสัญชาตญาณของสัตว์ป่าในการตอบโต้ ใช้การเหน็บแนม แล้วเอาเท็จบวกเท็จๆๆ ไปสร้างข้อเท็จจริงใหม่ จึงเป็นพฤติกรรมของคนไม่เอาความจริง วิธีการพูดก็
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.เพื่อไทย ดี๊ด๊า ประเทศไทยมีระบบที่เป็นมาตรฐาน!
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้คงสบายใจขึ้นที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับ
สาวกเพื่อไทย ยื่นศาลรธน.สอบ 'ธนพร' ละเมิดอำนาจศาล
ที่บริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญ นายนิยม นพรัตน์ หรือเค สามถุยส์ และนายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร เดินทางมายังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยื่นหนังสือร้อง นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์
'ชูศักดิ์' เผย 'เพื่อไทย' ได้รับความเป็นธรรม ศาลรธน. ไม่รับคำร้องปมล้มล้างการปกครอง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายอิสระ ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย(พท.) ยุติการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองจะผูกพันไปยังกรณีที่มีการยื่นคำร้องเดียว
'อิ๊งค์' ยิ้มรับ 'พ่อ-เพื่อไทย' รอดล้มล้างปกครอง ชาวเน็ตชี้จากนี้ไป 'ทักษิณ' ใส่เกียร์เหลิง
จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย คำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ
2 ตุลาการศาลรธน.เสียงข้างน้อย รับคำร้อง 'ทักษิณ' สั่งรัฐบาลเอื้อประโยชน์ฮุนเซน น่าจะเกิดผลใช้สิทธิล้มล้างปกครองฯ
จากกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2567 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูก
'แก้วสรร' แนะ 'ธีรยุทธ' ปรับยุทธวิธี เสริมความแกร่งของสำนวนมุ่งไปที่ กกต.-ปปช.
หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ