26 ม.ค.2566 - คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายปณิธาน ประจวบเหมาะ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.บางนา-พระโขนง พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่เขตบางนา เพื่อมอบบัตรสมาชิกเครือข่ายบำนาญประชาชน คนที่ 2 ล้าน ให้กับคุณป้าอริณช์ บุญศิลป์ ผู้สูงอายุ ชาวบางนา พร้อมมอบบัตรสมาชิกเครือข่ายบำนาญประชาชน ของเขตบางนาอีก 578 คน ซึ่งพรรคไทยสร้างไทย มีเป้าหมายที่จะสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชนให้ได้ถึง 5 ล้านคน ก่อนการเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนร่วมสนับสนุน กฎหมายบำนาญประชาชน ที่พรรคไทยสร้างไทยเสนอเข้าสภาฯไปแล้ว
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ถึงแม้พรรคไทยสร้างไทยจะเป็นพรรคการเมืองใหม่ ยังไม่ผ่านการเลือกตั้งและยังไม่มีส.ส.ในสภาฯแม้แต่คนเดียว แต่พรรคไทยสร้างไทย คิดเป็น ทำสำเร็จ จึงได้เสนอร่างกฎหมายบำนาญประชาชนเข้าสู่สภาเรียบร้อยแล้ว เปรียบเสมือนนำรถไปจอดที่สภาไว้แล้ว รอเพียงคนขับคือส.ส. ของพรรคไทยสร้างไทย ที่จะเข้าไปขับเคลื่อนให้กฎหมายบำนาญประชาชนผ่านสภาได้สำเร็จภายใน5 เดือน จึงขอพี่น้องช่วยเลือกส.ส. ของพรรคไทยสร้างไทย ทุกเขตเพื่อมายกมือให้กฎหมายบำนาญประชาชนผ่านสภาให้เร็วที่สุด
"การสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชนเดินทางมาถึงคนที่ 2 ล้าน จะเป็นพลังสนับสนุนที่สำคัญให้ร่างพระราชบัญญัติบำนาญประชาชน ที่พรรคไทยสร้างไทย ได้เสนอเข้าสู่สภาฯ บรรลุเป้าหมายเป็นรูปธรรมตามที่ได้ประกาศไว้ เพื่อมาดูแลผู้สูงอายุ หลังจากที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแบบเต็มขั้น" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายบำนาญประชาชนของพรรคไทยสร้างไทยนั้น ไม่ใช่โครงการประชารัฐประชานิยม ที่ทำแค่แจกเงินไม่เกิดผลตอบแทนมาสู่ประชาชน และระบบเศรษฐกิจของประเทศ แต่ นโยบายบำนาญประชาชนของพรรคไทยสร้างไทย จะสร้างประโยชน์ถึงสี่ด้าน คือ 1.ผู้สูงอายุที่มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ เดือนละ3,000 บาท สามารถดำรงชีพได้อย่างมีศักดิ์ศรี 2.เป็นการลดภาระลูกหลานคนหนุ่มคนสาวที่ต้องทำงานเลี้ยงดูพ่อแม่ ให้คนวัยทำงานสามารถตั้งตัวได้เร็วขึ้น
3.สร้างสุขภาพดี และอาชีพแก่ผู้สูงอายุ ที่ศูนย์สุขภาพที่รัฐจัดหาให้ใกล้บ้าน โดยตั้งเป้าลด 3 โรคสำคัญ คือโรคความดันสูง โรคไขมันอุดตัน และโรคเบาหวาน ที่เป็นบ่อเกิดของโรคร้ายแรงและค่าใช้จ่ายสูง เมื่อผู้สูงอายุแข็งแรงจะลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลปีละเป็น แสนล้านบาท และยังจะทำให้ผู้สูงอายุสามารถกลับไปทำงานสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวและประเทศชาติได้ 4.นโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท จะเป็นกำลังซื้อมหาศาลที่จะทำให้เศรษฐกิจฐานรากฟื้นตัว เงินหมุนเวียนในชุมชน จากการที่ผู้สูงวัยนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่งผลทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมทั้งประเทศดีขึ้นอย่างยั่งยืน
ขณะที่นายปณิธาน กล่าวว่า โครงการบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท ไม่ใช่โครงการประชารัฐหรือประชานิยม แต่ถูกกลั่นกรองออกมา จากผู้เชี่ยวชาญของพรรคไทยสร้างไทย เพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัยซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกของโลกที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแบบเต็มขั้น ซึ่งนโยบายดังกล่าว จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ทำให้ผู้สูงวัย แข็งแรงก่อนป่วย รวยก่อนแก่ นี่คือหนึ่งในหลักนโยบายดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่ของพรรคไทยสร้างไทย เพื่อให้คนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.เพื่อไทย ดี๊ด๊า ประเทศไทยมีระบบที่เป็นมาตรฐาน!
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้คงสบายใจขึ้นที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับ
'อิ๊งค์' ยิ้มรับ 'พ่อ-เพื่อไทย' รอดล้มล้างปกครอง ชาวเน็ตชี้จากนี้ไป 'ทักษิณ' ใส่เกียร์เหลิง
จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย คำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ
ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง
คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ
'แพทองธาร' โชว์วิชั่น การเมืองมีเสถียรภาพ ประเทศไทยจะดีขึ้น!
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ไทยสงบ สันติ หวังรัฐบาลเปลี่ยน นายกฯเปลี่ยน แต่นโยบายเพื่อปชช.เดินหน้า บอกต่างชาติเจอคำถามแรกถามพ่อ-อาเป็นอย่างไร ย้ำการเมืองมั่นคง มีเสถียรภาพแน่นอน
ไทยในสายตาต่างชาติ (ตอนที่ 48: พระราชกฤษฎีกา 1 เมษายน 2476 คือ การทำรัฐประหารเงียบหรือ ?)
ในตอนที่แล้ว ผู้เขียนได้สรุปเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เป็นเงื่อนไขที่นำมาสู่การประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476
รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง