20 ม.ค.2566 - เฟซบุ๊กเพจ ประชาชนคนไทย (ปท.) เผยแพร่คำกล่าวของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ที่เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "การเมืองสาละวันเตี้ยลง" โดยนายจตุพรว่า การเมืองไทยติดกับดักมาตลอดกับการเลือกข้าง หากไม่เลือกข้างใด แต่วิจารณ์ทั้งสองข้างทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และทักษิณ ชินวัตร อย่างตรงไปตรงมาจึงเป็นเรื่องยากมากที่สุด ตนบอกได้ว่า การติดคุกที่ผ่านมาเกิดจากการต่อสู้เพื่อปกป้องให้ทักษิณทั้งสิ้น และตอนนี้ก็ไม่เป็นสมาชิกพรรคใด แม้กระทั่งล่าสุด กรณีเอกสารกระทรวงต่างประเทศก็ถูกอัยการฟ้องตนคนเดียวก็เป็นเรื่องปกป้องทักษิณเช่นกัน ดังนั้น ตนจึงไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องไปย้ายขั้วย้ายข้างไปอีกฝ่ายหนึ่งขณะนี้การวิจารณ์ของพวกตนดูจะหนักไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่าทักษิณ เพื่อชี้ทางออกให้ประเทศอย่างตรงไปตรงมา
ส่วนการวิจารณ์พรรคเพื่อไทยนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เนื่องจากเอาประชาธิปไตยมาผูกขาด ตนเห็นว่า เพื่อไทยละเลงประชาธิปไตยจนเละเทะไปหมด การพยายามชูคำขวัญเป็นพรรคนักประชาธิปไตย ใครย้ายออกเป็นผู้ทรยศ เป็นเผด็จการ และใครย้ายเข้ามาพรรคก็เป็นประชาธิปไตย ความจริงถ้าเพื่อไทยไม่แสดงตนในบทบาทนี้ แล้วบอกการย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติธรรมดา เราก็วิจารณ์ไม่ได้
นายจตุพร ย้อนการอ้างนักประชาธิปไตยของเพื่อไทยว่า ปรากฎการณ์ที่จังหวัดศรีสะเกษมี ส.ส.เพื่อไทยย้ายไปภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทยรับสภาพไม่ได้ประกาศไล่หนูตีงูเห่า ประณามเป็นผู้ทรยศ แต่ไม่อธิบายถึงการเอาคน พปชร. เข้ามาเพื่อไทยด้วย แล้วกลายร่างเป็นประชาธิปไตยโดยฉับพลัน นอกจากนี้อุดรธานี นายจักรพรรดิ ไชยสาร ย้ายไปภูมิใจไทยกลับเป็นเผด็จการ ส่วนนายธีรชัย แสนแก้ว ย้ายจากภูมิใจไทยมาเพื่อไทยทั้งที่ถูกด่าเป็นเผด็จการมากว่า 10 ปีก็กลายเป็นนักประชาธิปไตย
นอกจากนี้ยังมีกรณีเลือกตั้ง นายกฯ อบจ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นคนของพรรคเพื่อไทยมาตลอด แต่ถูกโจมตีเพียงเอาดอกไม้แสดงความยินดีกับเปิดที่ทำการ พปชร.เชียงใหม่ จึงถูกโจมตีและตัดสินว่า เป็นเผด็จการ แล้วยังมีการเปิดตัว ส.ส.พปชร. ที่ กทม.และรองประธานสภา ย้ายจาก พปชร.มาเพื่อไทย รวมทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ถูกโจมตี ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นตัวอย่างของหลักการที่ไม่แฟร์ และมีพฤติกรรมใช้ไม่ได้
นายจตุพร กล่าวต่อว่า พฤติกรรมใช้ไม่ได้เพราะตัวเองสามารถทรยศลูกน้องตัวเองได้ เลือกทรยศใครก็ได้ แต่ใครจะมาทรยศตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ตัวเองเป็นเจ้าของการทรยศเช่นกัน ซึ่งเป็นหลักการที่รับไม่ได้ แล้วมาอ้างความเป็นประชาธิปไตย ทั้งที่เพื่อไทยกระแสสูงขณะนี้เป็นเพราะความตกต่ำของ พล.อ.ประยุทธ์เอง และวันข้างหน้าไม่ได้ราบรื่นอะไรเลย
"ถ้าไม่มีการทักกันไว้บ้าง การหลงระเริง สำคัญตนว่า เป็นเจ้าของประชาธิปไตย มท.1 ไปเชียงใหม่ก็เลี้ยงรับรอง ตั้ง อดีต รมว.ศึกษาสมัย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่ปรึกษาอีก ก็อ้างเป็นประชาธิปไตยอีก แล้วจะเอาอะไรอีกกับประเทศไทยที่มีตรรกะเฮงซวยแบบเพื่อไทย”
“การคิดแบบนี้ จึงทำให้ประเทศเสียโอกาสมาแล้ว 8-9 ปี เป็นการคิดระเริงกับการชนะสั้นแต่แพ้ยาว ในการเลือกตั้งครั้งหน้าถ้าคุณคิดแบบนี้อีก ก็ชนะเลือกตั้งอยู่แล้ว แต่จะพาประชาชนไปแพ้อีกนานเท่านานเหมือนครั้งนี้ (ที่ผ่านมา 8-9 ปี) นอกจากนี้คนเสื้อแดงชุมนุมที่ถนนอักษะหายไป ผมก็รู้แต่ยังไม่ใช่เวลามาพูดกัน”
นายจตุพร ย้ำว่า ประชาชนถูกหลอกลวงซ้ำซาก รมต.ก็ถูกติดคุกมากที่สุด คนได้อำนาจก็เป็นรัฐมนตรีโท หาประโยชน์ เราต้องวิจารณาว่า ถ้าชนะแบบนี้ก็มองไม่เห็นปลายทาง อีกทั้งต้องหยุดการชูชนะเลือกตั้งพาทักษิณกลับบ้าน เพราะเคยชนะแล้วแต่ไม่ได้เอากลับมาบ้านอย่างแท้จริง แต่กลับอ้างเหตุรัฐบาลอ่อนแอ เมื่อรัฐบาลแข็งแรงก็บอกยังกลับไม่ได้กลัวจะอ่อนแอ
“แล้วเป็นไงละ ทักษิณกลายเป็นของเล่นหาเสียง ทักษิณก็พูดซ้ำๆจะกลับบ้านให้ได้ แล้วถ้าชนะจะเอากลับจริงหรือไม่ ยิ่งการพูดเช่นนี้จะเป็นเงื่อนไขทางการเมือง การเผชิญหน้าอีกฝ่ายหนึ่งทันทีโดยไม่จำเป็นเลย”
พร้อมระบุว่า ดังนั้นเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง จะเป็นผู้ปกครอง แต่อยู่ในสภาพแบบนี้เอาตัวเองไม่รอดหรอก ถามจริงๆ ตอนสุดท้ายในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สั่งราชการใครได้สักคนหรึอไม่ อีกทั้ง พรบ.สุดซอยก็เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ไม่ฟังใครเลย สุดท้ายทำให้ประชาชนติดคุกอีก 8 ปี แทนที่จะได้ประโยชน์ไม่ต้องติดคุกแม้วันเดียว ประชาชนจึงเสียโอกาส
“วันนี้ ประเทศอยู่ในสภาพกระอักกระอ่วน ไม่สามารถให้ พล.อ.ประยุทธ์ปกครองประเทศได้ และอีกฝ่ายหนึ่งก็ยังไม่ปรับปรุงพฤติกรรมก็ให้ขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน ถ้าไม่ปรับปรุงตัวก็จะเป็นเช่นเดิมอีก”
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประกาศก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่เพื่อไทยไม่ตอบจะจับมือกับ พล.อ.ประวิตร หรือเปล่า ทั้งที่ความจริงในใจอยากจับมือ แต่ต้องการเอาประโยชน์เฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่ได้คิดเอาประชาชนเป็นใหญ่ ดังนั้น ถ้าเพื่อไทยไม่จับมือ พล.อ.ประวิตรก็ต้องประกาศออกมาเป็นสัญญาประชาคมเหมือนพรรคก้าวไกลว่า ไม่จับมือประวิตร
“ในจดหมายของ พล.อ.ประวิตร เหมือนเป็นคำประกาศสละเผด็จการ กลายมาเป็นประชาธิปไตย และก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะบ้านเมืองมีความจำเป็น ดังนั้น จุดยืนทางการเมืองของเพื่อไทยจะเอาอย่างไรกันแน่ จะเป็นเจ้าของประชาธิไตยเบ็ดเสร็จหรืออย่างไร ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นปลายทางชาติแล้ว อีกทั้งทรัพยากรชาติยังถูกกลุ่มทุนปล้นและไม่มีทางพรรคใดจะเอาลงได้อีก เราจึงต้องพูดความจริง เพื่อบ้านเมืองรอดอย่างแท้จริง หากคิดแบบเดิมก็หมดแล้วไม่มีสาละวันเตี้ยลงแล้ว เพราะหมดแล้ว”
“วันนี้ประเทศฉิบหายที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรเป็นนายกฯต่อ แม้แต่เพียงวันเดียว ถ้าคนทีจะมาใหม่ หากมาแบบนี้ (กอบโกยให้กลุ่มทุน) คุณจะเจอแบบประยุทธ์อีก 8 ปี (ถูกยึดอำนาจ) อย่างไม่มีทางสิ้นสิ้นสุด ถ้าไม่ปรับปรุงตัว แต่ผมดูแล้วคุณไม่มีวันปรับรุงตัว เพราะคุณเป็นเจ้าของการทรยศ เป็นเจ้าของประชาธิปไตย เป็นเจ้าของความซื่อสัตย์ เจ้าของไม่ทิ้งประชาชน”นายจตุพร กล่าว. อ่านต้นฉบับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บิ๊กต่าย' ชี้เวชระเบียน 'ทักษิณ' เป็นอำนาจ รพ.ตำรวจ มีคกก.พิจารณามอบให้ ป.ป.ช. หรือไม่
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจอห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พยายามขอเวชระเบียนการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร
ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 (ตอนที่ 34): ‘กรมขุนชัยนาทนเรนทร’ ทรงตกเป็นเหยื่อการเมืองของหลวงพิบูลสงคราม
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490
'กูรูใหญ่' แฉเบื้องลึก! ทำไมนักการเมืองยุคนี้ไม่กลัว 'ยึดอำนาจ'
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การเมืองไทยกำลังเข้าสู่ทางตัน
‘อดีตรองหน.เพื่อไทย’ เตือนสติ ‘ไว้ใจ-ศรัทธา’ คือพื้นฐานเสถียรภาพความมั่นคงรัฐบาล
สามารถ แก้วมีชัย อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เตือนสติรัฐบาล
เพจพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ปลื้ม ‘คนคุณภาพประชาธิปัตย์’ ได้เป็นขรก.การเมือง
เฟซบุ๊กเพจ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความว่า ครม. เห็นชอบ แต่งตั้ง “คนคุณภาพประชาธิปัตย์” เป็นข้าราชการการเมือง สังกัด ทส. และ สธ.