แน่นอนว่าคอกาแฟ จะต้องรู้จักแบรนด์กาแฟที่ถือว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และครองส่วนแบ่งตลาดไปได้อย่างมาก เพราะกลยุทธ์ที่สร้างความเข้าถึงง่ายให้กับผู้บริโภค ทำให้สามารถตีตลาดได้อย่างกว้างขวางไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเมือง และแน่นอนว่าผู้ใช้รถใช้ถนนกว่า 80-90% ก็น่าจะได้ลองลิ้มชิมรสชาติกาแฟของแบรนด์ Café Amazon ไปแล้ว และต้องการอีกหลายคนที่ถือว่าเป็นแฟนคลับ กลับมาใช้บริการอยู่เรื่อย ๆ อย่างแน่นอน
จากจุดเริ่มต้นของธุรกิจภายใต้สโลแกนที่ว่า "Taste of Nature" หรือ รสชาติของธรรมชาติ ที่มุ่งมั่นพัฒนาให้เป็นจุดนัดพบ แหล่งพักผ่อน คล้ายกับโอเอซิสเพื่อตอบสนองคนเดินทาง แต่ในปัจจุบันแนวคิดของ Café Amazon เริ่มแผ่ขยายเป็นวงกว้างมากขึ้น และสามารถตอบสนองกับกลุ่มผู้บริโภคได้หลากหลายมากขึ้นนอกเหนือจากนักเดินทาง ซึ่งนอกจากจะมีการตอบโจทย์ของกลุ่มคนดื่มกาแฟแล้ว การทำงานเพื่อสังคมก็เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ Café Amazon ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง
ที่ผ่านมา Café Amazon ภายใต้การดูแลของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ มีโครงการมากมายที่ช่วยสนับสนุนสังคม ชุมชน และพัฒนาคนมากมาย ที่ผ่านการดำเนินธุรกิจรูปแฟรนไชส์ในอัตราส่วนกว่า 80% ส่งเสริมและสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย (เอสเอ็มอี) ภายในประเทศ และยังทำให้เกิดอัตราการจ้างงานทั่วประเทศกว่า 24,000 รายต่อปี มีส่วนช่วยในการสร้างงานสร้างอาชีพและลดอัตราการว่างงานทั้งประเทศ
จนมาถึงงานล่าสุดที่สามารถสร้างอาชีพให้กับคนในสังคมได้อย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนด้อยโอกาสซึ่งคือ ร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนเพื่อการสร้างโอกาส (Café Amazon for Chance)” ที่เริ่มต้นจากการเป็นหนึ่งในโครงการวิสาหกิจชุมชนของ โออาร์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานทางด้านวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยได้นำความสำเร็จของธุรกิจคาเฟ่ อเมซอนที่มีมากกว่า 4,000 สาขาทั้งในและต่างประเทศในขณะนั้น มาสร้างคุณค่าให้สังคม ด้วยการพัฒนาทักษะการทำงานให้แก่ผู้ด้อยโอกาสในกลุ่มต่างๆ
ให้สามารถเรียนรู้และฝึกปฏิบัติการเป็นบาริสต้าตามมาตรฐานของร้านคาเฟ่ อเมซอน ตามแนวความคิดที่ว่า “Café Amazon for Chance สร้างโอกาส สร้างงาน อย่างยั่งยืน” โดยสาขาแรก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561ที่ดำเนินการโดยผู้พิการด้านการได้ยินจนถึงปัจจุบัน Café Amazon for Chance เปิดให้บริการแล้ว 60 สาขา สามารถสร้างอาชีพให้แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคมกลุ่มต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องแล้วกว่า 137 คน ประกอบด้วย ผู้พิการทางการได้ยิน 30 คน ผู้สูงวัย 100 คน พิการทางการเรียนรู้ 3 คน ทหารผ่านศึกที่พิการและครอบครัว 2 คน คนไร้ที่พึ่ง 2 คน รวมทั้งสิ้น 137 คน
จุดเริ่มต้นของโครงการมาจากการที่ กลุ่ม ปตท. ตระหนักถึงพลังของการดำเนินงานธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่นำจุดแข็งของธุรกิจมาช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้สามารถแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมได้อย่างยั่งยืน จึงเริ่มจากการพัฒนาทักษะการทำงานให้แก่ผู้พิการทางการได้ยินเป็นกลุ่มแรก ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้พิการที่มีมากเป็นอันดับ 2 รองจากผู้พิการทางร่างกาย และมักได้รับการจ้างงานต่ำกว่าวุฒิการศึกษา รวมทั้งไม่มีการอบรมพัฒนาความสามารถในสายอาชีพนี้อีกด้วย
ซึ่งปัจจุบันร้าน Café Amazon for Chance ที่ดำเนินการโดยผู้พิการทางการได้ยิน มีทั้งสิ้น 11 สาขา จำนวนผู้พิการทางการได้ยิน 30 คน อาทิ Café Amazon สำนักงานคณะกรรมการกำกับ (ก.ล.ต.) , Cafe Amazon สาขา The Office@Central World , Index ชัยพฤกษ์ , Cafe Amazon โครงการป่าในกรุง และตึกปตท.สำนักงานใหญ่ อาคาร2 ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นต้น รวมถึงยังมีสาขาที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด อาทิ Café Amazon คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ ม.มหิดล จ.นครปฐม , Cafe Amazon Sky Lane สุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ , Café Amazon รพ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เป็นต้น
ต่อมาในปี 2563 บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้าน Café Amazon ได้ริเริ่มขยายโอกาสในการทำงานสู่กลุ่มผู้ด้อยโอกาสอื่นๆ โดยเล็งเห็นถึง กลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งมีจำนวนมากขึ้น เนื่องจากสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและมีผู้สูงอายุอีกมาก ที่ขาดโอกาสในการทำงานเนื่องจากวัยที่มากขึ้น ดังนั้น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ จึงได้มีความร่วมมือกับ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการจัดตั้ง “ร้าน Café Amazon for Chance สาขาที่ดำเนินการโดยบาริสต้าสูงวัย” สาขาแรกขึ้น เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2563
โดยนำร่องด้วยการจ้างงานผู้สูงอายุระหว่างอายุ 60-65 ปี ที่สามารถเป็นบาริสต้าร้านกาแฟได้ โดยจะมีการออกแบบร้านให้เหมาะสมกับการทำงานของผู้สูงอายุ เช่น มีการคัดเลือกเมนูเครื่องดื่มเฉพาะเมนูขายดี มีใช้เครื่องชงอัตโนมัติเพื่อรสชาติที่เป็นมาตรฐานของคาเฟ่ อเมซอน การกำหนดความสูงของชั้นวางวัตถุดิบที่เหมาะสม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน โดยผ่านการอบรมโดยทีมพัฒนามาตรฐานและอบรมคาเฟ่อเมซอนเช่นเดียวกับบาริสต้า คาเฟ่ อเมซอนทั่วไป
ซึ่งปัจจุบันร้าน Café Amazon for Chance ที่ดำเนินการโดยผู้สูงวัย มีทั้งสิ้น 49 สาขา ดำเนินการโดยบาริสต้าผู้สูงวัย จำนวน 100 คน กระจายอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 22 สาขา อาทิ กรมพลังงานทหาร , Cafe Amazon อาคารรัชดาวัน , MRT ศูนย์วัฒนธรรม , ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย , ประชาอุทิศ 45 เป็นต้น ในขณะเดียวกันยังมีสาขาในต่างจังหวัด อาทิ CMU HEAT ม.เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ , ม.ศิลปากร สนามจันทร์ (ศูนย์เรียนรวมเฉลิมพระเกียรติ จ.นครปฐม , อาคารพาณิชย์ ถนนรัษฎา จ.ภูเก็ต , PTTLNG หนองแฟบ (ภายใน) จ.ระยอง , โรงพยาบาอำนาจเจริญ , จ.อำนาจเจริญ , สน.หาดใหญ่ (ช่องเขา) จ.สงขลา เป็นต้น
นอกจากนี้ Café Amazon for Chance ยังมีสาขาอื่น ๆ ทั้งใน และต่างจังหวัดที่เป็นสาขาเพื่อพัฒนาผู้ด้อยโอกาสอีกหลายแห่งทั้ง Café Amazon for Chance สำหรับผู้พิการทหารผ่านศึก ที่ตั้งอยู่ในนาวิกโยธิน เตยงาม (ทหารผ่านศึกและครอบครัว) จ.ชลบุรี , สำหรับผู้พิการทางเรียนรู้ (กลุ่มออทิสติก) ที่มีทั้งสิ้น 2 สาขา และมีบาริสต้าผู้พิการทางการเรียนรู้ จำนวน 3 คน สาขา ทั้งสาขาสนามลู่ปั่นจักรยานเจริญสุขมงคลจิต (พิการทางการได้ยิน&ออทิสติก) จ.สมุทรปราการ และ Café Amazon สาขา The Office@Central World รวมถึงสาขาสำหรับคนไร้ที่พึ่ง มีทั้งสิ้น 1 สาขา และมีบาริสต้าคนไร้ที่พึ่งจำนวน 2 คน โดยตั้งอยู่ที่ บ้านธัญญพร (ผู้ถูกกระทำ) รวมทั้งสิ้น 60 สาขา
จากจุดเริ่มต้นของ Café Amazon ก้าวเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่มีแนวทางที่ดี เพราะนอกจากจะสามารถเสิร์ฟกาแฟ-เครื่องดื่มให้กับผู้บริโภคได้อย่างมีมาตรฐานแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นว่าการสร้างโอกาสผ่านร้าน Café Amazon ของโออาร์นั้นไม่ใช่แค่เรื่องการจับมือและลงทุนในธุรกิจอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องการสร้างอาชีพให้กับผู้ด้อยโอกาสในสังคมด้วย และเชื่อว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสร้างสังคมความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนไทยได้ในอนาคต
แน่นอนว่าคอกาแฟ จะต้องรู้จักแบรนด์กาแฟที่ถือว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และครองส่วนแบ่งตลาดไปได้อย่างมาก เพราะกลยุทธ์ที่สร้างความเข้าถึงง่ายให้กับผู้บริโภค ทำให้สามารถตีตลาดได้อย่างกว้างขวางไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเมือง และแน่นอนว่าผู้ใช้รถใช้ถนนกว่า 80-90% ก็น่าจะได้ลองลิ้มชิมรสชาติกาแฟของแบรนด์ Café Amazon ไปแล้ว และต้องการอีกหลายคนที่ถือว่าเป็นแฟนคลับ กลับมาใช้บริการอยู่เรื่อย ๆ อย่างแน่นอน
จากจุดเริ่มต้นของธุรกิจภายใต้สโลแกนที่ว่า "Taste of Nature" หรือ รสชาติของธรรมชาติ ที่มุ่งมั่นพัฒนาให้เป็นจุดนัดพบ แหล่งพักผ่อน คล้ายกับโอเอซิสเพื่อตอบสนองคนเดินทาง แต่ในปัจจุบันแนวคิดของ Café Amazon เริ่มแผ่ขยายเป็นวงกว้างมากขึ้น และสามารถตอบสนองกับกลุ่มผู้บริโภคได้หลากหลายมากขึ้นนอกเหนือจากนักเดินทาง ซึ่งนอกจากจะมีการตอบโจทย์ของกลุ่มคนดื่มกาแฟแล้ว การทำงานเพื่อสังคมก็เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ Café Amazon ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง
ที่ผ่านมา Café Amazon ภายใต้การดูแลของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ มีโครงการมากมายที่ช่วยสนับสนุนสังคม ชุมชน และพัฒนาคนมากมาย ที่ผ่านการดำเนินธุรกิจรูปแฟรนไชส์ในอัตราส่วนกว่า 80% ส่งเสริมและสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย (เอสเอ็มอี) ภายในประเทศ และยังทำให้เกิดอัตราการจ้างงานทั่วประเทศกว่า 24,000 รายต่อปี มีส่วนช่วยในการสร้างงานสร้างอาชีพและลดอัตราการว่างงานทั้งประเทศ
จนมาถึงงานล่าสุดที่สามารถสร้างอาชีพให้กับคนในสังคมได้อย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนด้อยโอกาสซึ่งคือ ร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนเพื่อการสร้างโอกาส (Café Amazon for Chance)” ที่เริ่มต้นจากการเป็นหนึ่งในโครงการวิสาหกิจชุมชนของ โออาร์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานทางด้านวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยได้นำความสำเร็จของธุรกิจคาเฟ่ อเมซอนที่มีมากกว่า 4,000 สาขาทั้งในและต่างประเทศในขณะนั้น มาสร้างคุณค่าให้สังคม ด้วยการพัฒนาทักษะการทำงานให้แก่ผู้ด้อยโอกาสในกลุ่มต่างๆ
ให้สามารถเรียนรู้และฝึกปฏิบัติการเป็นบาริสต้าตามมาตรฐานของร้านคาเฟ่ อเมซอน ตามแนวความคิดที่ว่า “Café Amazon for Chance สร้างโอกาส สร้างงาน อย่างยั่งยืน” โดยสาขาแรก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561ที่ดำเนินการโดยผู้พิการด้านการได้ยินจนถึงปัจจุบัน Café Amazon for Chance เปิดให้บริการแล้ว 60 สาขา สามารถสร้างอาชีพให้แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคมกลุ่มต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องแล้วกว่า 137 คน ประกอบด้วย ผู้พิการทางการได้ยิน 30 คน ผู้สูงวัย 100 คน พิการทางการเรียนรู้ 3 คน ทหารผ่านศึกที่พิการและครอบครัว 2 คน คนไร้ที่พึ่ง 2 คน รวมทั้งสิ้น 137 คน
จุดเริ่มต้นของโครงการมาจากการที่ กลุ่ม ปตท. ตระหนักถึงพลังของการดำเนินงานธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่นำจุดแข็งของธุรกิจมาช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้สามารถแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมได้อย่างยั่งยืน จึงเริ่มจากการพัฒนาทักษะการทำงานให้แก่ผู้พิการทางการได้ยินเป็นกลุ่มแรก ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้พิการที่มีมากเป็นอันดับ 2 รองจากผู้พิการทางร่างกาย และมักได้รับการจ้างงานต่ำกว่าวุฒิการศึกษา รวมทั้งไม่มีการอบรมพัฒนาความสามารถในสายอาชีพนี้อีกด้วย
ซึ่งปัจจุบันร้าน Café Amazon for Chance ที่ดำเนินการโดยผู้พิการทางการได้ยิน มีทั้งสิ้น 11 สาขา จำนวนผู้พิการทางการได้ยิน 30 คน อาทิ Café Amazon สำนักงานคณะกรรมการกำกับ (ก.ล.ต.) , Cafe Amazon สาขา The Office@Central World , Index ชัยพฤกษ์ , Cafe Amazon โครงการป่าในกรุง และตึกปตท.สำนักงานใหญ่ อาคาร2 ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นต้น รวมถึงยังมีสาขาที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด อาทิ Café Amazon คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ ม.มหิดล จ.นครปฐม , Cafe Amazon Sky Lane สุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ , Café Amazon รพ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เป็นต้น
ต่อมาในปี 2563 บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้าน Café Amazon ได้ริเริ่มขยายโอกาสในการทำงานสู่กลุ่มผู้ด้อยโอกาสอื่นๆ โดยเล็งเห็นถึง กลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งมีจำนวนมากขึ้น เนื่องจากสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและมีผู้สูงอายุอีกมาก ที่ขาดโอกาสในการทำงานเนื่องจากวัยที่มากขึ้น ดังนั้น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ จึงได้มีความร่วมมือกับ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการจัดตั้ง “ร้าน Café Amazon for Chance สาขาที่ดำเนินการโดยบาริสต้าสูงวัย” สาขาแรกขึ้น เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2563
โดยนำร่องด้วยการจ้างงานผู้สูงอายุระหว่างอายุ 60-65 ปี ที่สามารถเป็นบาริสต้าร้านกาแฟได้ โดยจะมีการออกแบบร้านให้เหมาะสมกับการทำงานของผู้สูงอายุ เช่น มีการคัดเลือกเมนูเครื่องดื่มเฉพาะเมนูขายดี มีใช้เครื่องชงอัตโนมัติเพื่อรสชาติที่เป็นมาตรฐานของคาเฟ่ อเมซอน การกำหนดความสูงของชั้นวางวัตถุดิบที่เหมาะสม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน โดยผ่านการอบรมโดยทีมพัฒนามาตรฐานและอบรมคาเฟ่อเมซอนเช่นเดียวกับบาริสต้า คาเฟ่ อเมซอนทั่วไป
ซึ่งปัจจุบันร้าน Café Amazon for Chance ที่ดำเนินการโดยผู้สูงวัย มีทั้งสิ้น 49 สาขา ดำเนินการโดยบาริสต้าผู้สูงวัย จำนวน 100 คน กระจายอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 22 สาขา อาทิ กรมพลังงานทหาร , Cafe Amazon อาคารรัชดาวัน , MRT ศูนย์วัฒนธรรม , ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย , ประชาอุทิศ 45 เป็นต้น ในขณะเดียวกันยังมีสาขาในต่างจังหวัด อาทิ CMU HEAT ม.เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ , ม.ศิลปากร สนามจันทร์ (ศูนย์เรียนรวมเฉลิมพระเกียรติ จ.นครปฐม , อาคารพาณิชย์ ถนนรัษฎา จ.ภูเก็ต , PTTLNG หนองแฟบ (ภายใน) จ.ระยอง , โรงพยาบาอำนาจเจริญ , จ.อำนาจเจริญ , สน.หาดใหญ่ (ช่องเขา) จ.สงขลา เป็นต้น
นอกจากนี้ Café Amazon for Chance ยังมีสาขาอื่น ๆ ทั้งใน และต่างจังหวัดที่เป็นสาขาเพื่อพัฒนาผู้ด้อยโอกาสอีกหลายแห่งทั้ง Café Amazon for Chance สำหรับผู้พิการทหารผ่านศึก ที่ตั้งอยู่ในนาวิกโยธิน เตยงาม (ทหารผ่านศึกและครอบครัว) จ.ชลบุรี , สำหรับผู้พิการทางเรียนรู้ (กลุ่มออทิสติก) ที่มีทั้งสิ้น 2 สาขา และมีบาริสต้าผู้พิการทางการเรียนรู้ จำนวน 3 คน สาขา ทั้งสาขาสนามลู่ปั่นจักรยานเจริญสุขมงคลจิต (พิการทางการได้ยิน&ออทิสติก) จ.สมุทรปราการ และ Café Amazon สาขา The Office@Central World รวมถึงสาขาสำหรับคนไร้ที่พึ่ง มีทั้งสิ้น 1 สาขา และมีบาริสต้าคนไร้ที่พึ่งจำนวน 2 คน โดยตั้งอยู่ที่ บ้านธัญญพร (ผู้ถูกกระทำ) รวมทั้งสิ้น 60 สาขา
จากจุดเริ่มต้นของ Café Amazon ก้าวเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่มีแนวทางที่ดี เพราะนอกจากจะสามารถเสิร์ฟกาแฟ-เครื่องดื่มให้กับผู้บริโภคได้อย่างมีมาตรฐานแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นว่าการสร้างโอกาสผ่านร้าน Café Amazon ของโออาร์นั้นไม่ใช่แค่เรื่องการจับมือและลงทุนในธุรกิจอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องการสร้างอาชีพให้กับผู้ด้อยโอกาสในสังคมด้วย และเชื่อว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสร้างสังคมความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนไทยได้ในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“น้ำดื่มสิงห์” จับมือ “โออาร์” แจกน้ำฉลากพิเศษปีใหม่ กว่า 4 แสนขวด ร่วมส่งต่อความสดชื่นให้คนไทย เติมพลังใจก่อนกลับบ้าน
“น้ำดื่มสิงห์” ร่วมกับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ “โออาร์” (OR) ส่งต่อความสดชื่นที่ใช่ เติมพลังใจให้ผู้บริโภคก่อนกลับบ้าน
OR คว้าอันดับ 1 ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก
OR ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ปี 2024 ในกลุ่มดัชนีการตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) โดยได้รับคะแนนสูงสุดอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก (Retailing) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจบนรากฐานของความยั่งยืนและได้รับการยอมรับในระดับสากล
‘ดิษทัต’ วางรากฐาน OR เสริมแกร่งธุรกิจรอบด้าน เตรียมพร้อมส่งไม้ต่อ
ดิษทัต’ วางรากฐาน OR เสริมแกร่งธุรกิจรอบด้าน เตรียม ส่งไม้ต่อให้ OR ก้าวต่อไปอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
OR เสริมความแกร่งธุรกิจไลฟ์สไตล์ เปิดร้าน found & found สาขาที่ 5 ณ ศูนย์การค้าแพชชั่น ช้อปปิ้งเดสติเนชั่น ระยอง
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR พร้อมด้วย นายไกรพิท เปรมมณี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์
OR โชว์ศักยภาพดีลเลอร์สุดปัง ! พัฒนาบริการพีทีที สเตชั่น ปั้นเป็นฮีโร่ของชุมชน
สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่ดำเนิงานโดยบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ OR นั้น เชื่อว่าหลายคนต้องเข้าไปเคยใช้บริการอย่างแน่นอน
OR เปิดตัว "OR Space รามคำแหง 129" มิติใหม่ของศูนย์การค้า “พื้นที่ความสุข ครบทุกไลฟ์สไตล์ใกล้บ้านคุณ”
OR Space รามคำแหง 129 มิติใหม่ของศูนย์การค้า พื้นที่แห่งความสุขที่จะเติมเต็มความสุขให้ทุกคน พรั่งพร้อมด้วยสินค้าและบริการที่หลากหลาย