'ญี่ปุ่น' ช็อกโลกเชือด 'สเปน' จบแชมป์กลุ่มคว้าตั๋วน็อกเอาท์ 'เยอรมนี' ร่วงรอบแรก

ศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ คืนวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา เกมนัดสุดท้ายของกลุ่ม E “ซามูไรบลู” ทีมชาติญี่ปุ่น ลงสนามพบ “กระทิงดุ” ทีมชาติสเปน

ฮาจิเมะ โมริยาสึ กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นจากเกมก่อนบางตำแหน่ง เล่นในระบบ 3-4-3 วันนี้ส่ง ไดเซน มาเอดะ เป็นกองหน้าตัวเป้า โดยมี ไดอิชิ คามาดะ, ทาเคฟุสะ คุโบะ เป็นหน้าต่ำ

ขณะที่ สเปน ภายใต้การคุมทัพของ หลุยส์ เอ็นริเก เปลี่ยนแปลงผู้เล่นเกมรุกเล็กน้อย ส่ง อัลบาโร โมราตา ประสานงานกับ ดานี ออลโม และนิโก วิลเลียมส์ ส่วน เปา ตอร์เรส ได้คุมแนวรับร่วมกับ โรดรี

สเปน ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นฝ่ายได้ประตูออกนำ ญี่ปุ่น ไปก่อน 1-0 จากการยิงของ อัลบาโร โมราตา ตั้งแต่นาทีที่ 11 ของการแข่งขัน และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง ญี่ปุ่น แก้เกมด้วยการส่ง ริตสึ โดอัน และคาโอรุ มิโตมะ ลงสนาม และก็เป็น ริตสึ โดอัน ที่สวมบทซูเปอร์ซับยิงประตูให้ทีมไล่ตามตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 48

เท่านั้นยังไม่พอ ญี่ปุ่น ที่โหมบุกอย่างหนักเพื่อทำประตูขึ้นนำให้ได้ และความพยายามก็มาสำเร็จในนาทีที่ 51 จากการยิงของ เอโอะ ทานากะ “ซามูไรบลู” แซงนำ 2-1

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำสกอร์กันเพิ่ม หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที ญี่ปุ่น สร้างเซอร์ไพรส์พลิกล็อกเอาชนะ สเปน 2-1 มี 6 แต้ม จาก 2 นัด คว้าตั๋วรอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม และเป็นการตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2 สมัยติดต่อกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยจะเข้าไปฟัดกับ โครเอเชีย

ส่วน สเปน ถึงแม้จะพ่ายแพ้แต่ก็ยังเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม ด้วยการมี 4 แต้ม จากลูกได้เสียที่ดีกว่า เยอรมนี ซึ่งจะเข้าไปดวลกับโมร็อกโก ขณะที่ผลการแข่งขันอีกหนึ่งคู่ เยอรมนี ชนะ คอสตาริกา 4-2 ถึงแม้ “อินทรีเหล็ก” จะมี 4 คะแนนเท่ากับ “กระทิงดุ” แต่พวกเขาต้องตกรอบแรก 2 สมัยติดต่อกัน จากลูกได้เสียที่เป็นรอง