'บิ๊กตู่' ยิ้มร่าโชว์ผลงานหารือผู้บริหารชั้นนำ 'สหรัฐ-ยุโรป'

'บิ๊กตู่' โพสต์ผลหารือผู้บริหารบริษัทชั้นนำสหรัฐ-ยุโรป 2 วันติด เป็นโอกาสทองของไทย เปิดทางสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สะท้อนความเชื่อมั่นภาคธุรกิจระดับโลกต่อไทย

30 พ.ย.2565 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-Chan-o-cha" ระบุว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รัก หลังจากที่ได้พบปะกับคณะผู้บริหารและผู้แทนบริษัทสมาชิกสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน (U.S. - ASEAN Business Council : USABC) ไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (28 พ.ย.65) เมื่อวานนี้ (29 พ.ย.65) ได้มีโอกาสอันดีอีกครั้ง ที่ได้เจรจาด้านการค้า-การลงทุน กับคณะผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ASEAN Business Council : EU-ABC) และ สมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ประเทศไทย (European Association for Business and Commerce: EABC) ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทข้ามชาติจากประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ และเบลเยียม ที่ส่วนใหญ่มีการลงทุนและมีสำนักงานในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายในการหารือและแสวงหาแนวทางการขยายการลงุทน และความร่วมมือใหม่ๆ เพิ่มเติมในประเทศไทย

“การเจรจาหารือทั้งวันนี้และเมื่อวานนี้ ผมได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้แทนสภาธุรกิจ ทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรปว่า เศรษฐกิจของไทยยังคงเติบโตต่อเนื่องเป็นที่น่าพอใจ อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ สัดส่วนหนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับต่ำ ปริมาณเงินทุนสำรองระหว่างประเทศถือว่าอยู่ในระดับที่สูง การปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เหมาะสมกับสถานการณ์ ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ สนับสนุนการปรับตัวของภาคธุรกิจไทยเพื่อลดผลกระทบ ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโลกได้เป็นอย่างดี”

พล.อ.ประยุทธ์โพสต์อีกว่า ประเทศไทยถือว่ามีเสถียรภาพดี รัฐบาลมุ่งมั่นเดินหน้าปฏิรูปประเทศในทุกๆ ด้าน โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส มีการเตรียมความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคม โทรคมนาคม และ 5G รวมทั้งเร่งรัดพัฒนาทรัพยากรมนุษย์-แรงงานทักษะ ให้พร้อมรองรับการยกระดับ 12 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาล ตลอดจนได้ใช้จุดแข็งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งเสริมบทบาทให้ไทยเป็นศูนย์กลางความเชื่อมโยงในภูมิภาค เชื่อมต่อไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศในภูมิภาคเอเชีย ทั้งฝั่งจีนและอินเดีย โดยได้เตรียมพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สำหรับรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อ เป็นแหล่งบ่มเพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย และเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก

ทั้งนี้ EU ถือเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 6 ของไทย และเป็นนักลงทุนอันดับที่ 3 ของไทย มีมูลค่าทางการค้าระหว่างกัน ในปี 2565 นี้ เพิ่มขึ้นประมาณ 5% และในช่วงปี 2560-2564 BOI ได้อนุมัติโครงการการลงทุนจาก EU ไปแล้วถึง 725 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 160,000 ล้านบาท สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีการอนุมัติโครงการการลงทุนจาก EU ไปแล้ว 96 โครงการ มูลค่าการลงทุนประมาณ 27,000 ล้านบาท ซึ่งการพบปะหารือในครั้งนี้เป็นไปด้วยดีอย่างยิ่ง ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นพ้องกันว่าไทยและ EU ยังจะสามารถเพิ่มพูนมูลค่าการค้า-การลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก

“ผมยืนยันว่า รัฐบาลไทยยินดีที่จะส่งเสริมในกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนใน EEC ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น การถือครองที่ดิน การลดหย่อนภาษี การพำนักและทำงานในไทยตามโครงการ Smart Visa การยกเว้นอากรวัตถุดิบนำเข้าสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออก ตลอดจนการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นต้น เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและเท่าเทียม สร้างความคุ้มค่าในระยะยาวที่นักลงทุนต่างชาติในการลงทุน หรือเชื่อมั่นให้ไทยเป็นฐานการผลิตในอนาคต ที่เป็นไปตามหลักการสากล และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามที่รัฐบาลไทยได้ผลักดันในเวทีการประชุมเอเปกที่ผ่านมาด้วย”

พล.อ.ประยุทธ์โพสต์ทิ้งท้ายว่า การพบปะเจรจากับผู้บริหารบริษัทชั้นนำจาก ทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่ผ่านมา 2 วันนี้ เป็นอีกโอกาสทองของไทย ที่จะเปิดทางไปสู่ความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ และยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจระดับโลกต่อเสถียรภาพและศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ท่ามกลางกระแสความผันผวนของโลก ซึ่งเชื่อมั่นเป็นอย่างสูงว่า ความร่วมมือในด้านการค้า การลงทุน การย้ายฐานการผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยี และโอกาสอื่นๆ อีกมาก ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ จะเชื่อมโยงไปสู่พี่น้องประชาชนชาวไทย ทุกสาขาอาชีพ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม และจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างงาน สร้างรายได้ ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก ในทุกภาคการผลิต ตลอดห่วงโซ่ของไทย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลอย่าเสี่ยง! แจงยิบทำไม 'MOU 44' เข้าข่าย รธน. มาตรา 178

นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าเสี่ยงจงใจขัดรัฐธรรมนูญ! MOU 44 ต้องผ่านรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ 60 มาตรา 178

นายกฯ ปลุกทุกภาคส่วน ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านวีดิทัศน์ว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2567

'สุริยะใส' เขย่า 'แจกเงินหมื่น' หอกทิ่มแทง วัดใจจุดเปลี่ยนรัฐบาลแพทองธาร

“สุริยะใส” ชี้จุดสลบใหญ่เรื่องเศรษฐกิจ นโยบายเรือธงอย่างดิจิทัล แจกเงินหมื่นเป็นหอกทิ่มแทง วัดใจจุดเปลี่ยนของรัฐบาลแพทองธาร

'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน

ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

‘ภูมิธรรม’ มั่นใจนายกฯกลับมาประชุมตั้ง ‘เจทีซี’ เสร็จ ชงเข้าครม.19 พ.ย.ทันที

‘ภูมิธรรม’ ระบุ หากนายกฯกลับมา เรียกถก ตั้ง เจทีซี วันนี้ก็ เข้าครม.ทันพรุ่งนี้ โยน กต.เคาะรายชื่อ ลั่น เกาะกูดไม่จบซํ้ารอยเขาพระวิหารแน่ ยัน ไม่มีเหตุผลต้องยกเลิกเอ็มโอยู 44