ศาลปกครองกลางชี้ 'ผู้ว่าฯกทม.' ละเลยต่อหน้าที่ปล่อยสร้างคอนโดฯ ไมชอบกฎหมาย

24 พ.ย.2565 - ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาคดีที่สยามสมาคม ในพระบรมราชูปถัมป์ ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสำนักโยธา กทม. และผู้อำนวยการเขตวัฒนา กรณีออกใบอนุญาตให้บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ผู้ดำเนินโครงการก่อสร้างโครงการอาคารคอนโดมิเนียม แอชตัน – อโศก ถ.สุขุมวิท21 (อโศกมนตรี) เขตวัฒนา กทม. โดยไม่ชอบด้วยพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่กำหนดให้อาคารก่อสร้างที่มีพื้นที่ใช้สอย 30,000 ตารางเมตรขึ้นไปต้องติดถนนสาธารณะที่มีความกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร และการก่อสร้างโครงการดังกล่าวยังทำให้เรือนคำเที่ยง ซึ่งเป็นเรือนไทยอนุรักษ์ ของสยามสมาคมฯ ได้รับความเสียหาย ว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่า ขณะที่ได้มีหนังสือร้องเรียนว่า โครงการก่อสร้างอาคารแอชตัน - อโศก ไม่เป็นไปตามออกตามความในพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522ในการก่อสร้างอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษที่ต้องดำเนินการเกี่ยวกับระยะระหว่างอาคารกับถนน ทางเท้าหรือที่สาธารณะ รวมทั้ง มีหนังสือร้องเรียนถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการก่อสร้างโครงการที่ทำให้ตัวอาคารที่ทำการสยามสมาคมฯ รั้วคอนกรีต รวมทั้งเรือนคำเที่ยง ได้รับความเสียหาย ถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.2559 แต่ทั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสำนักโยธา กทม. และผู้อำนวยการเขตวัฒนามิได้ตรวจสอบตามข้อร้องเรียนของสยามสมาคม ฯ จนกระทั่ง บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ก่อสร้างโครงการอาคารแอชตัน – อโศก จนแล้วเสร็จจึงเป็นการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสำนักโยธา กทม. และผู้อำนวยการเขตวัฒนา ละเลยต่อหน้าที่ตามที่ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 กำหนดให้ต้องปฏิบัติในการออกคำสั่งให้บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัดต้องระงับการก่อสร้างหรือรื้อถอนอาคารโครงการดังกล่าว

แต่เนื่องจากปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้มีการโอนขายให้แก่ประชาชนไปแล้วจำนวน 668 ห้อง จากการก่อสร้างห้องพักอาศัยจำนวนทั้งสิ้น 783 ห้อง หากศาลจะมีคำบังคับดังกล่าว โดยไม่ได้ให้โอกาสแก่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสำนักโยธา กทม. และผู้อำนวยการเขตวัฒนา หาวิธีการเยียวยาแก้ไขความเดือดร้อนและเสียหายให้แก่นิติบุคคลอาคารชุดแอชตัน-อโศกเจ้าของร่วม ที่ได้ซื้อห้องชุดในโครงการดังกล่าว เป็นบุคคลภายนอกที่ต้องได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ จากการละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายควบคุมอาคารของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม จึงสมควรที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม. ผู้อำนวยการเขตวัฒนา บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยจะได้ไปร่วมปรึกษาหาวิธีการแก้ไขให้ที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของโครงการดังกล่าวมีด้านหนึ่งด้านใดของที่ดินยาวไม่น้อยกว่า 12เมตร โดยการจัดหาที่ดินด้วยวิธีใด ๆอันชอบด้วยกฎหมาย เพื่อทำให้ที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของอาคารพิพาทเป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่ได้กำหนดไว้

จึงพิพากษาให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และหรือ ผู้อำนวยการเขตวัฒนา ใช้อำนาจตามมาตรา 40 มาตรา41 และ มาตรา42 พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 แล้วแต่กรณี ดำเนินการต่อบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ผู้ดำเนินโครงการก่อสร้างโครงการอาคารคอนโดมิเนียม แอชตัน – อโศก ถ.สุขุมวิท21 (อโศกมนตรี) เขตวัฒนา กทม. สำหรับกรณีที่ต้องใช้อำนาจตามมาตรา 42ในการออกคำสั่งให้รื้อถอนอาคารโครงการแอชตัน – อโศก ดังกล่าว ก็ให้ดำเนินการเฉพาะแต่ส่วนของอาคารที่ได้ก่อสร้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เฉพาะในส่วนของอาคารที่สูงเกินกว่าความกว้างของทางจำเป็น6.40เมตร ให้แล้วเสร็จ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม. ผู้อำนวยการเขตวัฒนา บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งอาคารพิพาทกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

ด้านนายพิสุทธิ์ รักวงษ์ ทนายจากนิติบุคคลอาคารชุดแอชตัน กล่าวว่า พอใจกับคำพิพากษาบางส่วน เพราะลูกบ้านจำนวน 600 กว่าห้องได้เข้าไปอาศัยในคอนโดแล้ว ถ้าไม่เปิดโอกาสให้หน่วยงานราชการร่วมกับผู้พัฒนาโครงการ ตลอดจนการรถไฟแห่งประเทศไทยไปจัดการ (รฟม.) ก็จะไม่เกิดความเป็นธรรมกับลูกบ้านทั้งหมด ซึ่งจะเกิดความเดือดร้อนเสียหายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทั้งนี้ตั้งแต่ผลการพิพากษาในคดีของสมาคมลดโลกร้อน ทำให้ลูกบ้านประสบปัญหาในเรื่องของการทำรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงิน และทำรีเทนชั่นกับธนาคาร ซึ่งจะต้องรับภาระการจ่ายดอกเบี้ยที่แพง อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าศาลควรจำหน่ายคดีนี้ไปออกจากสารระบบ และให้ไปพิจารณาในประเด็นหลัก ทั้งนี้ตนจะได้นำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับเจ้าของร่วม ว่าจะยื่นอุทธรณ์ตามระยะเวลากรอบกฎหมายกำหนดหรือไม่ อันนี้ยอมรับว่าคำพิพากษาของศาลในครั้งนี้ส่งผลดีต่อต่อลูกบ้านเพราะไม่ต้องรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างไปแล้ว

เมื่อถามว่าหากในระหว่างนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 ฝ่าย ได้มีการหารือในทางคู่ขนานเพื่อหาทางออก ระหว่างที่รอการยื่นอุทธรณ์จะดีหรือไม่ นายพิสุทธิ์ กล่าวว่า ถ้ามีการเร่งรัดดำเนินการก็จะเป็นการดี เพราะลูกบ้านจะได้รับการเยียวยาแก้ไขปัญหาไปในคราวเดียวกัน เพราะหากรอให้คำพิพากษาถึงที่สิ้นสุดจะกินระยะเวลายาวนานหลายปี ดังนั้นการแก้ไขเร็วที่สุด ก็อาจจะแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพราะจะเป็นปัญหาที่กระทบต่อโครงการที่อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งหมดที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร

ด้านตัวแทนจากบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด เปิดเผยว่า คดีนี้ต้องรอคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดอีกทีหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ลูกบ้านยังดำเนินธุรกรรมได้ตามปกติเพราะคำพิพากษาของศาลปกครองกลางไม่ได้มีผลผูกพันใช้บังคับ และยังไม่ถึงที่สุด จึงถือว่าใบอนุญาตเป็นไปตามกฏหมายอยู่ ส่วนที่ศาลให้หารือกันเพื่อหาทางออกนั้นคงต้องรอทางทีมงานก่อนว่าจะตัดสินอย่างไรและต้องไปศึกษาคำพิพากษาด้วยก่อน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ศรีสุวรรณ' จ่อฟ้องศาลปกครองสั่งระงับดิจิทัลวอลเล็ต

นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีโดยกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10000 บาท ผ่าน Digital Wallet กำลังขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล 10000 บาทใ

ดั๊บเบิ้ล เอ จับมือศุภาลัย ชวนทำดีมอบสมุดให้โรงเรียนกทม. ในโครงการ Hero Zero เพื่อสิ่งแวดล้อมและการศึกษา

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) และ นายกิตติพงษ์ ศิริลักษณ์ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด

กทม.เปิดแผนรับมือน้ำท่วม ใช้ AI พร้อมรางระบายน้ำรูปแบบใหม่

พร้อมรับมือหน้าฝน กทม. เปิดแผนปฎิบัตารป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในทุกมิติ พร้อมนำ AI เจาะจุดเสี่ยง เลี่ยงน้ำท่วม ขุดลอกคลองเปิดทางน้ำไหล