แฟ้มภาพ
30 ก.ย.2565 - เมื่อเวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้านออกแถลงการณ์ เรื่อง ผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อ่านแถลงการณ์ว่า 1.การพิจารณาถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญนั้น นอกจากจะต้องหาความหมายจากถ้อยคำตามลายลักษณ์อักษรแล้ว ต้องพิจารณาจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญด้วย โดยต้องพิจารณาในขณะเมื่อจัดทำรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ว่าได้มีการพิจารณาถึงสาระสำคัญหรือเหตุผลเบื้องหลังของแต่ละมาตราไว้อย่างไร เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามความเห็นของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนแปลงไปตามความคิดและความรู้สึกในแต่ละช่วงเวลาได้ เมื่อในชั้นร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคสี่ ที่ห้ามการดำรงตำแหน่งนายกฯ เกิน 8 ปี โดยมิได้บัญญัติข้อยกเว้นใดๆ ไว้ ได้มีความเห็นของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญปรากฏชัดในบันทึกการประชุม อันเป็นหลักฐานที่ชัดเจนถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ว่าให้นับรวมระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่ดำรงอยู่ก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วย และมาตรา 264 ให้นับความเป็นนายกฯ ต่อเนื่อง จึงไม่อาจแปลความเป็นอย่างอื่นได้เลยว่าการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์นั้น ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.57 เป็นต้นไปเท่านั้น
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า 2.การวินิจฉัยให้เริ่มนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.60 อันเป็นวันที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มีผลใช้บังคับนั้น จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ยังมีสิทธิดำรงตำแหน่งนายกฯ หลังครบวาระในครั้งนี้แล้วอีก 2 ปีจนถึงปี 2568 น่าจะเป็นการตีความที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญตามที่ประชาชนเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว เพราะจะส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์สามารถดำรงตำแหน่งได้รวม 10 ปี ซึ่งเกินกว่า 4 ปี และเกินกว่า 2 วาระปกติของการดำรงตำแหน่งนายกฯ อันผิดไปจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2560 และรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้าที่ต้องการจำกัดวาระและระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ มิให้เกิน 2 วาระ หรือเกินกว่า 8 ปี และยังขัดต่อการรับรู้ทั่วไปของประชาชน และขัดต่อข้อเท็จจริงว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ดำรงตำแหน่งนายกฯ มาตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.57 ซึ่งการตีความในลักษณะนี้ จะมีผลแปลกประหลาดคือ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกฯ อยู่ในวันที่ 6 เม.ย.60 ที่รัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ ระยะเวลา 8 ปีก่อนวันที่ 6 เม.ย.60 กลับไม่นำมานับ แต่หลังจากวันที่ 6 เม.ย.60 กลับนำมานับ ทั้งๆ ที่มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกฯ ฉบับเดียวกัน
“อนึ่ง ในชั้นเริ่มต้นของการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์เมื่อปี 2557 แม้พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ได้เข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ จากความเห็นชอบของสภาฯ ตามมาตรา 158 วรรคสองของรัฐธรรมนูญปี 2560 ตาม แต่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ได้บัญญัติให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่สภาฯ ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติก็ได้ให้ความเห็นชอบให้พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกฯ กรณีนี้จึงถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ย่อมเป็นนายกฯ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่งสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 264” นพ.ชลน่าน กล่าว
นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า 3.เมื่อรัฐธรรมนูญปี 2560 ถูกอ้างความชอบธรรมจากผู้มีอำนาจบ่อยครั้ง ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงและผ่านการลงประชามติของประชาชน การตีความให้พล.อ.ประยุทธ์ได้อยู่ในตำแหน่งเป็น 8 ปีได้ นอกจากขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแล้ว ยังขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยด้วย ถือเป็นการทำลายรากฐานของระบอบประชาธิปไตยอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการผูกขาดการใช้อำนาจ 4.เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ แต่การวินิจฉัยที่ส่อว่าขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเสียเอง ย่อมเป็นการทำลายคุณค่าความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ แม้ผลคำวินิจฉัยจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ได้ประโยชน์ แต่ก็จะเป็นการทำลายบรรทัดฐานทางกฎหมาย และอาจนำมาซึ่งปัญหาความขัดแย้งที่ใหญ่หลวงในสังคม และเกิดการไม่ยอมรับในผลของคำวินิจฉัยได้
ด้านนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า 5.พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า ถึงเวลาที่ประเทศไทยควรมีการปฏิรูปกระบวนการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญเสียใหม่ ให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจที่เหมาะสม เพื่อมิให้มีการอาศัยผลของคำวินิจฉัยที่ผูกพันทุกองค์กร ไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมและไม่คำนึงถึงบรรทัดฐานทางกฎหมายที่ถูกต้องได้ ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าแม้ผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ มีสิทธิดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไปได้ แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญคงมิใช่เป็นการฟอกขาวให้แก่พล.อ.ประยุทธ์โดยประการใดๆ พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าภาพจำของประชาชนที่มีต่อตัวนายกฯ คือผู้ที่พยายามจะสืบทอดอำนาจทุกวิถีทางเท่าที่จะหาวิธีทำให้ได้ ผู้ที่ผิดสัญญากับประชาชนมาตั้งแต่ต้นที่ทำรัฐประหารว่าจะอยู่ไม่นาน ผู้ที่ผิดสัญญากับประชาชนในการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ จนทำให้ประเทศไทยตกขบวนลดชั้นลงไปจากผู้นำในอาเซียน การที่จะอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้อยู่ในอำนาจได้ต่อไป จึงมีแต่ความว่างเปล่าในสายตาของประชาชน และขอให้พี่น้องประชาชนได้ให้บทเรียนกับพล.อ.ประยุทธ์ และองคาพยพของพล.อ.ประยุทธ์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่นายกฯ ต่อไป สามารถทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้นั้น บทบาทของพรรคร่วมฝ่ายค้านในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งเป็นเสียงข้างน้อย ก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลต่อไป โดยช่วงนี้เป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ และจะเปิดประชุมอีกครั้งในวันที่ 1 พ.ย. และปิดสมัยประชุมอีกครั้งในวันที่ 28 ก.พ. ถ้ามีการเปิดสมัยประชุมเราจะทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลการบริหารราชการแผ่นดินให้เข้มข้นอย่างที่สุด ช่วงที่ปิดสมัยประชุม ก็จะมีกรรมาธิการฯ ที่ทำหน้าที่อยู่ หากมีอะไรที่จำเป็นจะต้องใช้บทบาทของกรรมาธิการฯ ฝ่ายค้านจะเสนอผ่านกรรมาธิการฯ ซึ่งเป็นกลไกของสภา ส่วนการให้ข้อเสนอแนะหรือให้ข้อท้วงติงต่างๆนั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านมีวาระการประชุมร่วมกันเป็นประจำทุกสัปดาห์อยู่แล้ว เราจะนำประเด็นต่างๆ มาปรึกษาหารือกัน เพื่อนำเสนอไปยังรัฐบาลในสิ่งที่เราเห็นว่าประชาชนจะได้รับความเสียหายหรือเป็นพิษภัย ไม่เป็นประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง เราจะใช้กลไกที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่สำคัญเราเตรียมเสนอญัตติการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง เสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยเมื่อเปิดสมัยประชุม ก็จะยื่นต่อประธานสภาเพื่อขอเสนอญัตติดังกล่าวทันที
เมื่อถามต่อว่า สถานการณ์การเมืองหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เนื่องจากการชุมนุมเรียกร้อง นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ เราเป็นห่วงประเทศชาติบ้านเมือง เพราะสิ่งที่เราให้เหตุผลในคำร้องของเรา โดยเฉพาะเรื่องการสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ซึ่งรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัด เมื่อคำวินิจฉัยออกมาแบบนี้สถานการณ์เหมือนพายุโนรูเข้าประเทศไทย แต่ประเทศเราไร้ทางออกเช่นกันแต่เป็นโนรูล (rule) ซึ่งเป็นข้อที่เราห่วงใยมาก อยากให้ฝ่ายบริหารโดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์รับฟังข้อเสนอของพี่น้องประชาชนภายใต้ความสงบเรียบร้อย โดยไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการเรียกร้องชุมนุม ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงออกตามข้อเสนอของเขา ต้องให้สิทธิเสรีภาพที่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ต้องไม่สร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงหรือความขัดแย้งเกิดขึ้น ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ควรสละตำแหน่งเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ทุกอย่างก็จบ
ถามอีกว่าการนับวาระของพล.อ.ประยุทธ์ หากได้เป็นนายกฯต่อในการเลือกตั้งตั้งหน้า จะทำหน้าที่ ได้อีกเพียง 2 ปี ว่า การจะอยู่ในวาระได้ต่อไป จะต้องเสนอตัวเข้าสู่ระบบการเลือกตั้ง เช่น เป็นแคนดิเดตนายกฯพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ถ้าพรรคการเมืองนั้นได้รับการเลือกตั้งมากว่าร้อยละ 5 หรือ 25 เสียงขึ้นไปจึงจะมีสิทธิเสนอชื่อ
ถามถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการยุบสภาหลังจากนี้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะยุบสภาถึงร้อยละ 90 จากเดิมที่เคยประเมินไว้ร้อยละ 80 โดยมีสองปัจจัยที่จะทำให้เกิดการยุบสภา คือ หนึ่ง ผู้มีอำนาจเห็นว่าตัวเองได้ประโยชน์ เพราะเตรียมองคาพยไว้หมดแล้ว การจัดระบบทุกอย่างพร้อม รวมถึงเงื่อนไขของกฎหมาย ถ้าเกิดให้อยู่จนครบวาระ ส.ส.จะต้องสังกัดพรรคภายใน 90 วัน และจะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน แต่ถ้าเกิดมีการยุบสภาส.ส.ต้องสังกัดภายใน 30 วัน และจัดการเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน ซึ่งจะเห็นว่ามีเวลาหาเสียงมากกว่าการปล่อยให้อยู่ครบวาระ ด้วยเหตุนี้ผู้มีอำนาจถ้าเลือกได้ก็จะไม่อยู่ครบวาระ
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า สอง ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นมากกว่าเดิม เพราะประชาชนนับเลขเป็น รับรู้ได้ อีกทั้งศาลยังใช้ช่องว่างทางการกฎหมายวินิจฉัย วันนี้จำเลยของสังคมนอกจากพล.อ.ประยุทธ์แล้ว สังคมต้องไปมองที่ศาลรัฐธรรมนูญด้วย เรื่องเหล่านี้จะทำให้เกิดความไม่สงบ อันเนื่องมาจากความเรียกร้องให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน
“ทางที่ดีที่สุดเขาจะต้องคืนอำนาจให้ประชาชน ไม่น่าจะมายึดอำนาจไม่ใช่มาสร้างสถานการณ์ ข้อเรียกร้องของประชาชนไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่าการคืนอำนาจให้ประชาชนโดยการยุบสภา เขาไม่ได้เรียกร้องให้มายึดอำนาจ เพราะฉะนั้นกลไกที่จะทำให้เขามายึดอำนาจ ประชาชนเขาจะไม่ทำ ยกเว้นจะมีคนสร้างสถานการณ์ทำเหตุการณ์ให้สมอ้างกับการทำรัฐประหาร ซึ่งจะทำให้ประเทศล้าหลัง เป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่นอน” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.ณัฏฐ์-นักกม.มหาชน ชี้ชัด 'ล้มล้างการปกครอง' ต้องมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ
มือกฎหมายมหาชน ชี้ “ล้มล้างการปกครอง” สารตั้งต้นนำไปสู่ยุบพรรคเพื่อไทย ต้องมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจน เพียงพอ กำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ
จองเวรเพิ่ม! ร้อง กกต. สอบ 'นายกฯอิ๊งค์' แทรกแซงสื่อ
'เรืองไกร' ตามไล่บี้ต่อ งัดข่าว-คลิปฉุนสื่อยุแยง ร้อง กกต. สอบ 'นายกฯอิ๊งค์' ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 (4) หรือไม่
ลุ้นศาลรับคำร้อง! 'หมอวรงค์' ชี้พฤติการณ์ชั้น 14 มัด 'ทักษิณ-พท.'
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ "ทักษิณจะถือว่าล้มล้างการปกครองหรือไม่?" โดยระบุว่า
'ไทยภักดี' ปลุก ปชช. หนุนเปิดโปง 6 ข้อหาร้ายแรง 'ทักษิณ-พท.'
ดร.กรรญดา ณ หนองคาย หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ถึงเวลาประชาชนลุกขึ้นปกป้องชาติจากภัยคุกคาม: เปิดโปง 6 ข้อกล่าวหาร้ายแรงต่อทักษิณและพรรคเพื่อไทย
'มือกม.เพื่อไทย' ไม่ให้ราคา 'ธีรยุทธ' ข้อหาเกินจริง ซัด 'พปชร.' อยู่เบื้องหลัง
'ชูศักดิ์' ไม่ให้ค่า 'ธีรยุทธ' ฟ้องข้อหาล้มล้างปกครอง ไกลกว่าเหตุไปมาก เนื้อหาคำร้องชี้ชัด พปชร. อยู่เบื้องหลัง พร้อมเป็นหัวหน้าทีมแจงศาล
พท. โต้กลับ! ลุยคุ้ยเส้นทางเงิน 'ธีรยุทธ' บี้ ปปช. สอบ 'บิ๊กป้อม' บินหรูอยู่สบาย
'พร้อมพงศ์' ร้อง ป.ป.ช. สอบ 'บิ๊กป้อม' ปมบินนอกหรูอยู่สบาย โวมีหลักฐานช็อกโลกแน่ จ่อโต้กลับ 'ธีรยุทธ' สอบเส้นทางการเงิน ขู่ 'ไพบูลย์' เตรียมหาพรรคใหม่ ลุยร้องต่ออีก 2 ซีรีส์