“โลก” กำลังเปลี่ยนวิสัยทัศน์การดำเนินงานใหม่ ให้เข้าใจและดูแลด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยกำหนดเป็นแนวทาง Net Zero หรือการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งอันดับแรกคือ การสร้างการรับรู้ และทำให้ทุกภาคส่วนบนโลกยอมรับจนมีความคิดเห็นในแนวทางเดียวกัน โดยที่ผ่านมาหลายประเทศและหลายกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในโลกได้เริ่มประกาศแผนเดินหน้าให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอนแล้ว พร้อมเตรียมแผนการที่จะผลักดันให้เทรนด์ดังกล่าวไปสู่ภาคอื่นๆ เพื่อให้ภาระนี้ไม่ไปกระจุกอยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง
เป้าหมายสู่ Net Zero นี้ หากมองในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่นั้นจะแบ่งออกมาได้เป็น 2 ทางคือ ลดการใช้พลังงาน และเลือกใช้พลังงานที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ ซึ่งในมุมมองของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นั้นก็ได้มีการเข้าใจถึงกระแสและผลกระทบที่เกิดขึ้นจนนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จึงได้ทำการปรับวิสัยทัศน์ให้เข้ากับบริบทใหม่ ที่เน้นการขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต หรือ “Powering Life with Future Energy and Beyond” โดยสร้างจุดยืนที่สำคัญให้กับองค์กร มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและบูรณาการความร่วมมือกันในระหว่างกลุ่ม ปตท. เพื่อประกาศแผน Net Zero ให้เร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อช่วยผลักดันค่าเฉลี่ยที่เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งถือว่า ปตท. ที่เป็นองค์กรใหญ่หากมีการปรับเปลี่ยนที่เร็วขึ้นก็จะไปช่วยดึงค่าเฉลี่ยจากกลุ่มเอกชนรายเล็กๆ ที่ยังต้องการเวลาปรับตัวอยู่ได้อย่างดีที่สุด โดย ปตท. เริ่มดำเนินการแผนงานดังกล่าวผ่านกลยุทธ์ที่สำคัญอย่าง “3P”
P แรกได้แก่ Pursuit of Lower Emissions ที่มีเป้าหมายว่า ปตท. ต้องใช้พลังงานอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด โดยมีการตั้งเป้าว่าจะต้องลดการใช้พลังงานปีละ 0.5% พร้อมกับที่เดินหน้าให้ทุกหน่วยงานในกลุ่ม ปตท. นำพลังงานทดแทนมาใช้เป็นพลังงานหลัก โดยตั้งเป้าลดคาร์บอน 1 ล้านตันคาร์บอนในปี 2030 และยังมีการดำเนินงานในส่วนของพลังงานสะอาด ที่มองไปที่ตัว ไฮโดรเจน โดยโปรเจกต์เป็นรูปธรรมแล้ว 1.2 แสนตันต่อปี ซึ่งจะนำไฮโดรเจนมาใช้ประโยชน์ควบคู่กับการใช้ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน (CCS) ที่ปล่อยมาจากหน่วยผลิตของกลับมาเก็บไว้ใต้ผิวอากาศ ซึ่งในส่วนนี้บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เป็นแม่งานในการดำเนินการ
โดยใช้หลุมผลิตปิโตรเลียมเดิมในแหล่งอาทิตย์ที่บริษัทเป็นเจ้าของสัมปทาน มาใช้กักเก็บคาร์บอนเบื้องต้นประมาณ 4 - 5 หลุม ตั้งเป้าเฟสแรกจะสามารถกักเก็บคาร์บอนในแหล่งอาทิตย์ได้ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบวิศวกรรมเบื้องต้น (Pre-FEED study) คาดว่าจะเริ่มใช้เทคโนโลยี CCS ในโครงการได้ ภายในในอีก 4 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันได้ประเมินว่าในอ่าวไทยสามารถนำหลุมปิโตรเลียมที่ไม่ได้ผลิตแล้วมาใช้ทำการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึงระดับ 40 ล้านตันเลยทีเดียว
P ที่สอง ได้แก่ Portfolio Transformation ที่กลุ่ม ปตท. ได้ปรับพอร์ตธุรกิจ ที่ผ่านมาพลังงานทั้งโลกที่คนไทยใช้อยู่คือ ฟอสซิล ถ่านหิน และก๊าซฯ เมื่อปัญหาโลกร้อนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น จึงต้องปรับธุรกิจฟอสซิล ซึ่งล่าสุด ปตท. ได้ยกเลิกการใช้พลังงานจากถ่านหินแล้ว
ขณะที่เชื้อเพลิงอื่นๆ อาทิ โรงกลั่นน้ำมันจะไม่มีการขยายเพิ่ม แต่จะหันมาใช้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ การผลิตน้ำมันสู่มาตรฐานยูโร 5 ส่วนที่เป็นก๊าซธรรมชาตินั้นยังมองว่าเป็นตัวเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ และเกี่ยวข้องกับความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ซึ่ง จึงยังมีการขยายสัดส่วนและกำลังการผลิตอยู่ และนอกจากนี้จะมุ่งเน้นไปที่พลังงานทดแทนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ 12 กิกะวัตต์ ซึ่ง ปตท. จะใช้ประมาณกว่า 30% ของงบลงทุนทั้งหมดเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและทำได้จริง
และ P สุดท้ายได้แก่ Partnership with Nature and Society โดยการเข้าไปเป็นหุ้นส่วนกับพาร์ทเนอร์ ควบคู่กับการทำธุรกิจ ปตท. เช่น 10 กว่าปีที่ผ่านมา ปตท. ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 1 ล้านไร่ ใน 54 จังหวัด ซึ่งก็ได้ทะลุเป้าหมายไปแล้ว โดย ปตท. ได้ร่วมมือกับมหาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าไปประเมินตัวเลขป่าปรากฏว่าป่าที่ปลูก 1 ล้านไร่ สามารถดูดซับคาร์บอนได้ 2.1 ล้านตันต่อปี และปล่อยออกซิเจนสู่บรรยากาศ 1.7 ล้านตันต่อปี และ ปตท. ได้มีแผนจะปลูกเพิ่มป่าอีก 2 ล้านไร่ และคาดว่าจะสามารถดูดซับได้ประมาณ 4 ล้านตันต่อปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
GC จับมือ Honeywell ศึกษา พัฒนาเทคโนโลยีดักจับและใช้ประโยชน์จากคาร์บอนอย่างคุ้มค่า เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero มุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต และ Honeywell
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดสวน “เปรมประชาวนารักษ์” แลนด์มาร์กสีเขียวแห่งใหม่ริมคลองเปรมประชากร พระราชทานแก่ประชาชน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ “เปรมประชาวนารักษ์”
'พีระพันธุ์' สั่ง ปตท. ระดมน้ำมัน-ก๊าซเข้าภาคใต้ป้องกันขาดแคลน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ขณะนี้ กระทรวงพลังงานไม่ได้นิ่งนอนใจ และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุอยู่ขณะนี้
กลุ่ม ปตท. และกลุ่มฯ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ส.อ.ท. พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไทย ด้วยพลังงานสะอาด และคาดการณ์ราคาน้ำมันในปี 68
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า งานสัมมนา The Annual Petroleum Outlook Forum