ชัดเจน! อดีตผู้พิพากษา กางกฎหมายคลี่ปมร้อน การนับเวลาตำแหน่งนายกฯของ 'บิ๊กตู่'

3 ส.ค.2565 - นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng เกี่ยวกับการนับระยะเวลาการดำรงแหน่ง นายกรัฐมนตรีของพลเอประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน

.....มาตรา ๑๕๘ พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกินสามสิบห้าคน ประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน

.....นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๕๙

.....ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

.....นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตําแหน่ง

.....บทบัญญัติในมาตรา ๑๕๘ วรรคสี่ ที่ว่า นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้นั้น ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๕๘ วรรคสอง ที่ว่า นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๕๙

.....มาตรา ๑๕๙ ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๖๐ และเป็นผู้มีชื่ออยู่ ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา ๘๘ เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรค การเมืองที่มีสมาชิก ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

.....การเสนอชื่อตามวรรคหนึ่งต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

.....มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องกระทําโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย และมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

.....พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา ๑๕๘ วรรคสอง โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ คิดถึงปัจจุบันเป็นเวลาเพียง ๓ ปี ๑ เดือน ๖ วันเท่านั้น

.....การเป็นนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ก่อนวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ มิได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา ๑๕๘ วรรคสอง จึงนำเวลามารวมกันตามมาตรา ๑๕๘ วรรคสี่ ไม่ได้

.....การอ่านและตีความกฎหมายในกรณีที่มีหลายวรรคนั้น ต้องพิจารณาประกอบกันทุกวรรค มิใช่นำมาพิจารณาใช้เพียงวรรคเดียวโดยมิได้นำวรรคอื่นมาพิจารณาประกอบด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตผู้พิพากษา เล่าประสบการณ์พิจารณาพิพากษาคดีที่มีเอกสารจำนวนมาก

นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊กว่า.....ข่าวเรื่องดิไอคอนที่มีผู้เสียหายไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วมีจำนวนเป็น 10,000 คน ถ้าเฉลี่ยคำให้การคนละ 3-4

อดีตผู้พิพากษาฯ ชี้ 2 หมื่นคนได้ประโยชน์จากแก้รธน.ครั้งนี้ อีก 66 ล้านคนจะได้รับความเสียหาย

นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาระบุ.....ในขณะที่ประชาชนไทยหลายล้านคนกำลังได้รับความเดือดร้อนมีความทุกข์ทั้งกายและจิตใจอย่าง

ซ่อมสส.พิษณุโลกชักวุ่น! อดีตผู้พิพากษา ถามกกต. 'โพล์ค' เป็นสมาชิกพรรคถึง 90 วันหรือไม่

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา ๙๗ บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

'เศรษฐา' บอก 'ลุงตู่' แนะให้อดทน แซว 'รทสช.' มีใครดื้อบ้าง

“เศรษฐา” เผย “ลุงตู่” เมตตาให้กำลังใจ แนะให้อดทน รู้ทำงานหนัก พร้อมบอกให้ รทสช.ช่วยทำงาน แซวมีใครดื้อบ้างหรือไม่  เผยถ้ามีโอกาสพิเศษก็พร้อมคุยเรื่องบ้านเมือง