'พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค' เฉ่ง 'ชัยเกษม' สวมเสื้อพรรคการเมืองแล้วสีน้ำเงินมันหายไปจริงๆ เผยไม่มี “นักโทษทางความคิด” ในคุกไหนทั้งนั้น ใครไม่เอามาตรา 112 ไม่เอามาตรา 116 ก็แล้วแต่ แต่ผมเอา และจะปกป้องทั้งสองมาตรานี้ตลอดไป
2 พ.ย.2564 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อดีตรมว.ยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ระบอบประชาธิปไตยมิใช่มีเพียงแค่การมีสิทธิเสรีภาพเท่านั้น แต่ระบอบประชาธิปไตยต้องมีขอบเขตและมีกฎกติกาของการใช้สิทธิเสรีภาพด้วย โดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพในการคิดและการพูด มิฉะนั้น ก็จะทำให้เกิดข้อพิพาทวุ่นวายกันทั้งประเทศจนหาข้อยุติไม่ได้ นำไปสู่ความเสื่อมศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยในที่สุด การเคารพกฎกติกาจึงเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันในระบอบประชาธิปไตย นั่นคือการเคารพกฎหมาย กฎหมายจึงเป็นสิ่งจำเป็นในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นกฎกติกาของการใช้สิทธิเสรีภาพให้อยู่ใน “กรอบของความพอดี” ไม่ใช่ใช้สิทธิเสรีภาพเกินเลยจนไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น หรือทำร้ายผู้อื่น หรือทำให้บ้านเมืองเสียหาย
เรามีสิทธิเสรีภาพที่จะไม่เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ของกฎหมาย และลำพังแต่ “ความคิด” ไม่เห็นด้วยนี้ ไม่อาจทำให้เรามีความผิดและตกเป็นนักโทษตามกฎหมายได้ แต่ถ้าเราลงมือกระทำในสิ่งที่กฎหมายกำหนดเป็นความผิดเมื่อใดแล้ว นั่นคือการทำลายกติกาทำลายประชาธิปไตย ที่ทำให้เราต้องตกเป็นนักโทษและต้องรับโทษตามกฎหมาย นี่เป็นกฎกติกาของระบอบประชาธิปไตยในทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งหลักความรับผิดทางอาญาต้องมีองค์ประกอบครบ 3 ประการ คือ
1) คิดว่าจะกระทำการที่กฎหมายบัญญัติเป็นความผิด
2) ตกลงใจว่าจะกระทำตามที่คิดนั้น และ
3) ลงมือกระทำการนั้น
เพราะฉะนั้น เพียงแค่คิดแต่ไม่มีการลงมือกระทำ ก็ไม่มีความผิดอาญาและไม่มีโทษตามกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มี “นักโทษทางความคิด” ในคุกไหนทั้งนั้น
“นักโทษทางความคิด” ที่อยู่ในคุกจึงไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการอุปโลกน์ดัดจริตเล่นสำนวนขององค์กรต่างชาติและนักการเมืองสั่วๆ ที่คิดเป็นแค่สร้างกระแสโหนกระแสเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตนเองโดยไม่มีความรับผิดชอบต่อศักดิ์ศรีและความเสียหายของชาติบ้านเมือง
กฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116 เป็นกฎหมายที่เป็นกฎกติกาเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ ซึ่งแต่ละประเทศทั่วโลกก็ล้วนมีกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐเช่นนี้ด้วยกันทั้งสิ้น ต่างกันก็แต่ในรายละเอียดและวัฒนธรรมประเพณี เช่น สเปน สวีเดน เดนมาร์ก บรูไน มาเลเซีย ภูฏาน หรือแม้แต่อังกฤษ และอีกหลายๆ ประเทศที่มีระบบกษัตริย์ ก็ล้วนแต่มีกฎหมายคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์เช่นเดียวกับมาตรา 112 ของไทยทั้งนั้น
สำหรับประเทศที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แต่ใช้ระบบประธานาธิบดี เช่น สหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศในแถบยุโรป ก็มีกฎหมายที่เอาผิดจำคุกคนที่ดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายประธานาธิบดีของเขาเช่นกัน และในบางคดีก็มีโทษมากกว่าโทษตามมาตรา 112 ของเราเสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมไม่เห็นมีการเรียกร้องกล่าวหาของประชาชนในสหรัฐอเมริกาและในหลายๆ ประเทศเหล่านั้นว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นการจำกัดความคิดเห็นทางการเมือง ไม่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักความยุติธรรมของประเทศ ต้องยกเลิกให้หมด องค์กรต่างชาติที่เข้ามาวุ่นวายในบ้านเราก็ไม่เคยเช้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องนี้ในประเทศเหล่านั้น แล้วทำไมถึงต้องเข้ามาวุ่นวายแต่กับประเทศไทย ประเทศที่มีวันนี้ได้เพราะบรรพกษัตริย์และบรรพบุรุษนักรบของเราแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต
สำหรับมาตรา 116 ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐโดยตรง ความผิดตามมาตรา 116 มี 3 ประการ คือ ต้องเป็นการกระทำเพื่อ
1) ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย
2)ทำให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และ
3) ทำให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
หากใครกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้นจนบ้านเมืองย่อยยับแต่คนทำไม่มีความผิด บ้านเมืองจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร คงไม่มีประชาชนที่เป็นพลเมืองดีและเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประเทศคนไหนอยากให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ เพราะฉะนั้น อย่าอ้างสั่วๆ ว่าประชาชนเรียกร้อง เพราะมาตรา 112 และมาตรา 116 ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการเมืองหรือความคิดทางการเมืองเลย
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ ประชาชนคนทั่วไปก็เข้าใจได้ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นคนที่อยู่ในวงการกฎหมายหรือรับราชการจนได้ดิบได้ดีได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นอัยการสูงสุดหรือตำแหน่งสูงสุดทางราชการใดๆ จึงจะเข้าใจได้ แต่แปลกที่บางคนตั้งแต่เรียนกฎหมายจนสอบได้เนติบัณฑิต ก็เข้าใจและไม่เคยเห็นแย้งกับหลักกฎหมายนี้ พอมารับราชการจนได้ดิบได้ดีเป็นใหญ่เป็นโตก็ยึดปฏิบัติตามหลักกฎหมายนี้ ไม่เคยพูดไม่เคยแสดงความคิดเห็นสักแอะว่าหลักกฎหมายนี้มันจำกัดความคิดเห็นทางการเมือง สร้างผลกระทบให้ประชาชน ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม ทำให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศเสียหาย ไม่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักความยุติธรรมของประเทศ ต้องยกเลิกให้หมด ก็ถ้าคิดสั่วๆ แบบนี้จริงๆ แล้วทำไมก่อนหน้านี้ตอนเรียนกฎหมาย ตอนอยู่ในตำแหน่งราชการ จึงไม่แสดงความเห็นออกมา ไม่เสนอให้ยกเลิกมาตรา 112 มาตรา 116 เสียตั้งแต่ตอนนั้นล่ะ ทำไมต้องรอมาจนอายุปูนนี้ หรือว่าเมื่อสวมเสื้อพรรคการเมืองแล้วสีน้ำเงินมันหายไปจริงๆ
ใครไม่เอามาตรา 112 ไม่เอามาตรา 116 ก็แล้วแต่ แต่ผมเอา และจะปกป้องทั้งสองมาตรานี้ตลอดไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ยันไร้แผนปรับครม. ตอนนี้พรรคร่วม-รมต.ไม่มีใครดื้อ ไม่เสียใจ 'ทักษิณ' พูดนำก่อน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายปรับลดค่าไฟตรงนี้ถือเป็นหลักประกันเก้าอี้ของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานด้วยหรือไม่ ว่า อันนี้ไม่ทราบเลยว่าทำไม
'พีระพันธุ์' แจงปลดล็อกโซลาร์รูฟท็อป ลดภาระประชาชน ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับใคร
ในการประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พิจารณาตั้งกระทู้ถามทั่วไป ของนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ถาม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงา
‘หมอวรงค์’ ข้องใจหลักคิด ‘ชัยเกษม’ ปม ‘ยิ่งลักษณ์’ บอกเป็นถึงอดีตอัยการสูงสุด
หลักคิดของคุณชัยเกษม ไม่อยากจะพูดว่า เป็นถึงอดีตอัยการสูงสุด ผมเอาประเด็นสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้อง กับน.ส.ยิ่งลักษณ์มาให้พิจารณา
‘อลงกรณ์’ หนุน ‘พีระพันธุ์’ ขจัดผูกขาดพลังงาน ลั่น ‘You will never walk alone’
'อลงกรณ์'หนุน'พีระพันธุ์'ขจัดผูกขาดพลังงาน โพสต์วาทะดัง'คุณไม่ได้เดินเดียวดายคนเดียว-You will never walk alone'
ไม่กลัวทุนผูกขาด! ‘พีระพันธ์ุ’ ลุยลดราคาพลังงานซัดขบวนการใส่ร้าย
“พีระพันธุ์” สุดทน โพสต์ร่ายผลงานปี 2567 พร้อมยกแผนปี 2568 โชว์ บอกทำงานสายตัวแทบขาดแต่ถูกกลุ่มเสียประโยชน์ปั้นข่าวใส่ร้าย เสี้ยมพรรคเพื่อไทย-นายกฯ
'พีระพันธุ์' ลั่นไม่กลัววิชามาร! แฉขบวนการปั้นข่าวรุมถล่ม หลังพรรคใหม่ทุนหนาเปิดตัว
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ