ใครว่ามีแต่คนรุ่นใหม่ๆ ที่ทำงานเก่ง เพราะมีตัวอย่างชาวบ้านที่บ้านโนนชาด ต.หนองอิเฒ่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะสตรีสูงวัยก็พัฒนาชุมชนเก่งไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การทอผ้า การผลิตสินค้าโดดเด่น หรือจะเป็นการขายสินค้าชุมชนผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมปรับตัวและเปิดรับคำแนะนำดีๆ ที่เกิดประโยชน์ต่อชุมชนให้สามารถลุยทุกปัญหา ทำให้เกิดธุรกิจชุมชน สร้างงาน สร้างรายได้ เงินสะพัดในพื้นที่ ที่สำคัญปลุกพลังในการสืบสานงานทอผ้ามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยไม่ให้สูญหายไป
เส้นทางการพัฒนาชุมชนแห่งนี้จนประสบผลสำเร็จ ขับเคลื่อนผ่านโครงการชุมชนดีมีรอยยิ้ม ภายใต้โครงการพัฒนาชุมชน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่เข้ามาดำเนินงานร่วมกับกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมบ้านโนนชาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อปี 2561 จนถึงทุกวันนี้ ช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้และระดมสมองวางแผนงาน เพื่อให้การพัฒนาครบเครื่องมากกว่าเดิม ปัจจุบันนางบัวลา ภูหลักถิ่น เป็นประธานกลุ่ม มีสมาชิก 22 คน ทำงานเป็นเครือข่ายผ้าทอและแปรรูปจากผ้าตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ สู่ปลายน้ำ ชีวิตชาวบ้านสบายขึ้นเยอะ
สำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชนดีมีรอยยิ้มยางตลาดที่มัดใจคนที่หลงใหลในผ้าไทยและสีสันจากธรรมชาติ มีสินค้ามากมายให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ใส่แล้วสวยเก๋ ไปจนถึงสินค้าใหม่ผ้าพื้นสำหรับนำไปตัดชุดแฟชั่นผ้าไทย อินเทรนด์ผ้าไทยใส่สนุก ซึ่งผลิตภัณฑ์ชุมชนได้รับเสียงตอบรับที่ดี ช่วยกระตุ้นแรงใจในการพัฒนาชุมชนทอผ้าแห่งนี้ไม่ให้หยุดนิ่งอีกต่อไป
นางสาวธิตาภรณ์ ภูโอบ เจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจชุมชนอาวุโส โครงการชุมชนดีมีรอยยิ้มยางตลาด กล่าวว่า เดิมกลุ่มทำกิจกรรมทอผ้าไหมพื้นบ้านและผ้าฝ้ายเป็นหลัก เช่น ผ้าถุง ผ้าสไบ ผ้าแถบ ผ้าไหมัดหมี่ ผ้าโสร่ง ฯลฯ ยังไม่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ทอเพื่อใช้เอง และขายบ้างในชุมชน ไม่รู้จักการตลาด การคิดคำนวณต้นทุน กลุ่มมีความต้องการจะพัฒนาตนเอง เพื่อให้สามารถสร้างรายได้ให้เกิดได้จริง จึงร่วมกับชุมชนดีมีรอยยิ้มเมื่อ 4 ปีก่อน มีการทำงานและกิจกรรมร่วมกับกลุ่มจนถึงปัจจุบัน
จากการลงพื้นที่วิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มชุมชน พบข้อมูลที่น่าสนใจและเกิดประโยชน์ในการวางแผนพัฒนากลุ่มร่วมกันระหว่างชุมชนดีมีรอยยิ้มและชุมชน นางสาวธิตาภรณ์ กล่าวว่า จุดแข็งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่หัวไว ใจสู้ อดทน และพร้อมเรียนรู้เพื่อปรับแก้ไขให้ดีขึ้น จุดอ่อนผลิตภัณฑ์ชุมชนไม่มีคุณภาพและไม่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ตรานกยูงทองพระราชทาน เครื่องหมายรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย และการคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) นอกจากนี้ ชุมชนจำหน่ายราคาสูงเกินไป
“ การพัฒนากลุ่มใช้วิธีพาสมาชิกไปเรียนรู้ตลาดนอกพื้นที่ ได้เห็นของจริง ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มอื่นๆ หลากหลายกว่าและสวยกว่า ผ่านการรับรองมาตรฐาน รวมถึงฝึกการออกร้าน มีส่วนร่วมกิจกรรมต่างๆ เมื่อมีโอกาส ฝึกการเป็นนักการตลาด คิดคำนวณต้นทุน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเครือข่ายชุมชนผู้ผลิต OTOP นำมาสู่การบริหารจัดการกลุ่ม เกิดผลิตภัณฑ์หลากหลาย มีการจัดทำราคาปลีกส่ง เพื่อให้เป็นธุรกิจชุมชนของกลุ่มเอง และขายสินค้าได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์และแพจเก็จต่อเนื่องที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น ปัจจุบันชุมชนมีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ “ นางสาวธิตาภรณ์ ให้ภาพการทำงานร่วมกับชุมชน
การพัฒนาทักษะด้านงานทอผ้าเป็นอีกมิติที่น่าสนใจ เจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจชุมชนอาวุโส บอกว่า เน้นสร้างการเชื่อมโยงการทำงานระหว่างกลุ่มทอผ้าเป็นเครือข่ายทอผ้า เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้ ทักษะงานทอ รวมถึงสร้างความร่วมมือระหว่างกลุ่มงานผ้าและกลุ่มแปรรูปผ้าในพื้นที่ จนตอนนี้เป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมบ้านโนนชาด ภายใต้ชุมชนดีมีรอยยิ้ม ที่ทำงานเป็นเครือข่ายตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ สามารถสร้างรายได้ให้คนในชุมชนได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนมีโอกาสเข้าถึงงบประมาณโครงการจากหน่วยงานในพื้นที่ ขณะนี้ของบประมาณสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการจัดตั้งศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อให้การบริหารจัดการครบวงจรยิ่งขึ้น
ด้านความคิดสร้างสรรค์ก็ไม่ต้องเป็นห่วง ชุมชนดีมีรอยยิ้มยางตลาดพร้อมเติมเต็มไอเดียและความสนุกในการทำงานผ้าไทยทุกวันให้มีสีสัน ไม่จำเจ นางสาวธิตาภรณ์ กล่าวว่า ปี 2564 โครงการ Creative Young Designers ร่วมกับโครงการ Education Institue Support Activity มหาวิทยาลัยศิลปากร และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมบ้านโนนชาด ซึ่งมีเป้าหมายนำความรู้ความสามารถด้านการออกแบบการแปรรูปให้กับชุมชนจากไอเดียใหม่ๆ ทั้งการดีไซน์ ลายผ้า จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างนักศึกษาม.ศิลปากรและชุมชน ชุมชนได้รับลายผ้าใบชาดที่มีอัตลักษณ์ชุมชน แพทเทิร์นการออกแบบ ชาวบ้านที่นี่ไม่หยุด นำไปใช้พัฒนาต่อยอด จนเกิดสินค้าใหม่ อาจารย์และนักศึกษาต้องกลับมาเรียนรู้และทดลองกับชุมชนโนนชาดอีกครั้ง อนาคตมหาวิทยาลัยจะปรับแผนให้มีการเรียนกับชุมชนจริงด้วย
สำหรับชุมชนดีมีรอยยิ้มยางตลาด ถือเป็นโมเดลต้นแบบการพัฒนาชุมชนที่สามารถนำไปประยุกต์และขยายผลในพื้นที่อื่นๆ โดยนางบัวลา ภูหลักถิน ประธานกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมบ้านโนนชาด กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่โครงการพัฒนาชุมชนของไทยเบฟเข้ามาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือของกลุ่มชุมชน การที่มีเจ้าหน้าที่ลงมาทำงานในพื้นที่ก็เปรียบเสมือนการมีที่ปรึกษาที่เป็นลูกหลานในบ้านเกิดมาช่วยกันพัฒนาอย่างเต็มกำลัง ทำให้ชุมชนมีสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผลิตภัณฑ์กลุ่มชุมชนมีการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้น เกิดการเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับกลุ่มอื่นๆ นอกพื้นที่ เกิดผลงานชิ้นใหม่และองค์ความรู้แลกเปลี่ยนกันระหว่างสมาชิกกลุ่มกับเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดการพัฒนาผ้าทอและชุมชนอย่างต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โครงการ ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว สานต่อปณิธานแห่งการ “ให้” ปีที่ 25 “มากกว่าความอบอุ่น คือสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืน”
จากความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งภัยพิบัติรุนแรงหลายรูปแบบที่ต้องเผชิญในยุคของ Global Boiling (สภาวะโลกเดือด) กระทบต่อหลายพื้นที่ตอนบนของประเทศไทยในแถบภาคเหนือ
4 CEO ชั้นนำ เปิดแนวคิดฝ่าความท้าทายอนาคตที่ยั่งยืน บนเวที SX2024
ความพยายามของประชาคมโลกที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs 2030 (Sustainable Development Goals) ในอีก 6 ปีข้างหน้า
ไทยเบฟขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนสู่ PASSION 2030
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (“ไทยเบฟ” หรือ “กลุ่ม”) เผยแผนงาน PASSION 2030 ซึ่งต่อยอดการดำเนินงานของกลุ่มในการเสริมความแข็งแกร่งสถานะผู้นำที่
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ 'บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่'
1 ต.ค.2567 - เวลา 9.04 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงาน เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ Bangkok Art Biennale 2024 (BAB 2024) ภายใต้แนวคิด "รักษา กายา
งานศิลป์จาก'ขยะ' เพิ่มมูลค่า ดีต่อโลก
การเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ให้กลายเป็นงานศิลปะหรือของใช้สร้างสรรค์เป็นแนวทางการทำงานที่พบเห็นได้ของศิลปินร่วมสมัยชื่อดังไทยและต่างประเทศ รวมถึงเป็นเทรนด์ที่มาแรงในสังคมไทย เพื่อกระตุ้นให้เกิดไอเดียศิลปะจากสิ่งของเหลือใช้ที่หลายคนมองไม่เห็นคุณค่า
โครงการ ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว ก้าวสู่ปีที่ 25 พร้อมสานต่อปณิธานแห่งการ “ให้” “มากกว่าความอบอุ่น คือสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืน”
จากความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งภัยพิบัติรุนแรงหลายรูปแบบที่ต้องเผชิญในยุคของ Global Boiling (สภาวะโลกเดือด) กระทบต่อหลายพื้นที่ตอนบนของประเทศไทยในแถบภาคเหนือ