ศาลเเพ่งยกคำร้องขอคุ้มครองม็อบ 31 ต.ค.ชี้ข้อเท็จจริงโควิดยังแพร่ระบาดอยู่ในชั้นนี้จึงยังมีความจำเป็นบังคับตามข้อกำหนด
30 ต.ค.2564 - ศาลเเพ่งได้ออกเอกสารข่าว ความว่าตามที่ปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะว่าเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2564 น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุลกับพวกรวม 4 คนยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชากับพวกรวม 2 คนเป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.5080/2564 ของศาลแพ่งขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15) ข้อ3 และประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงฉบับที่ 12 และให้ไม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นและให้จำเลยทั้งสองมีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานภายใต้บังคับบัญชาปฏิบัติการในลักษณะกีดขวางการชุมนุมของโจทก์ทั้ง4 และให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและเสรีภาพของประชาชนพร้อมยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในกรณีฉุกเฉินโดยขอให้ศาลมีคำสั่งให้ระงับการบังคับใช้ข้อกำหนดและประกาศดังกล่าวและห้ามมิให้นำมาตรการคำสั่งหรือการกระทำใด ๆ ที่สั่งการตามประกาศดังกล่าวมาใช้กับโจทก์ทั้งสี่และประชาชนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้น
บัดนี้ศาลแพ่งได้ออกนั่งพิจารณาไต่สวนพยานหลักฐานแล้วมีคำสั่งอันสรุปใจความได้ว่า“ แม้ข้อกำหนดและประกาศตามฟ้องที่มีเนื้อหาห้ามมิให้มีการชุมนุมจะเป็นการกระทบสิทธิเสรีภาพของบุคคลในการแสดงความคิดเห็นหรือการชุมนุม แต่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) เป็นข้อเท็จจริงซึ่งรู้กันอยู่ทั่วไปว่ายังคงมีการแพร่ระบาดอยู่ทั้งได้ความตามคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินของโจทก์ทั้ง4ว่าในวันที่ 31 ต.ค.64 จะมีประชาชนทำกิจกรรมรวมตัวกันไม่น้อยกว่า 10,000 รายอันมีความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะมีการแพร่ระบาดของโรคที่เป็นภัยต่อความปลอดภัยสาธารณะ กรณีจึงยังคงมีความจำเป็นที่ต้องบังคับใช้มาตรการตามข้อกำหนดและประกาศดังกล่าวต่อไปเพื่อป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคและประโยชน์สาธารณะโดยส่วนรวม
ทั้งนี้หากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) เปลี่ยนแปลงไปและส่งผลให้ความปลอดภัยสาธารณะโดยส่วนรวมขึ้นก็อาจจะไม่มีความจำเป็นในการบังคับใช้ข้อกำหนดและประกาศดังกล่าวต่อไป
ในชั้นนี้ตามคำร้องของโจทก์ทั้ง4จึงไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254(2) มาบังคับใช้ให้ยกคำร้อง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เครือข่ายกัญชา' ประกาศเลิกม็อบหน้าทำเนียบฯแล้ว
ความคืบหน้าเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ที่นำโดยนายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายฯ ที่ได้มาปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณเชิงสะ
สวนทาง! สิ่งที่ต้องบังคับคดีมากที่สุดคือ 'นช.ทักษิณ' ต้องอยู่ในเรือนจำ
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีศาลแพ่งมีคำสั่งเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ให้ยุติการชุมนุมหลังศาลมีคำสั่งภายใน 7 วัน
คปท.ลุ้นศาลคุ้มครองชั่วคราว เล็งหาที่ชุมนุมใหม่เอาแม้วเข้าคุก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ บริเวณใกล้ทำเนียบรัฐบาล ถึงความเคลื่อนไหว การชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) และ กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้อง
แกนนำ คปท. เผยเหตุยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งให้เลิกชุมนุม มีข้อเท็จจริงที่ศาลอาจไม่ทราบ
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษา ประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ศาลแพ่งสั่งให้ คปท.เลิกชุมนุม เราเคารพคำสั่งศาลครับ เพียงแต่ว่าข้อเท็จจริงหลายประเด็นผิดจากความเป็นจริง ศาลท่านอาจจะไม่ได้รับทราบ
แกนนำ คปท. เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งให้เลิกชุมนุม
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ เครือข่ายนักศึกษา ประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) ให้สัมภาษณ์หลังศาลแพ่ง มีคำสั่งให้ คปท. และ กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.) ยุติการชุมนุมบริเวณเชิงสะพาน
ศาลแพ่ง สั่ง 'คปท.-ศปปส.' เลิกชุมนุมภายใน 7 วัน
ศาลเเพ่งออกเอกสารข่าวกรณีเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการ