14 พ.ค.2565 - เมื่อ 13 พ.ค. เวลา 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา ณ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการหารือระหว่างอาหารกลางวัน (Working Lunch) ระหว่างผู้นำอาเซียนกับนางคามาลา เดวี แฮร์ริส (The Honorable Kamala Devi Harris) รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ในประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์อาเซียน – สหรัฐอเมริกา
นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณรองประธานาธิบดีที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงอาหารกลางวันในวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีในการหารือกำหนดทิศทางความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นพ้องกับรองประธานาธิบดีว่า “ประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 21 จะถูกจารึกขึ้นในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก” โดยอาเซียน-สหรัฐฯ ต้องร่วมมือกันอย่างแข็งขันเพื่อก้าวผ่านความท้าทายใหม่ในหลายประการ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การรับมือและฟื้นฟูจากโควิด-19 และการส่งเสริมความมั่นคงด้านสาธารณสุขในระยะยาว เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน โดยเห็นว่า สหรัฐฯ สามารถขยายความร่วมมือกับอาเซียนในด้านการวิจัย การพัฒนายาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น การขยายฐานการผลิตวัคซีนในภูมิภาค รวมถึงการพัฒนาการแพทย์สมัยใหม่ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุขและเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมให้กับภูมิภาค โดยไทยมี “ศูนย์จีโนมิกส์” ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยให้มีประสิทธิภาพและความแม่นยำมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพัฒนาทุนมนุษย์ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งและภูมิคุ้มกันให้กับภูมิภาค โดยเฉพาะในยุค 4IR ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในทุกมิติ โดยสหรัฐฯ สามารถเข้ามาลงทุนและช่วยพัฒนา รวมถึงสนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัลสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการ MSMEs ในอาเซียนได้ ในขณะเดียวกันไทยก็มีพื้นที่ Thailand Digital Valley ใน EECi ด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนความร่วมมือทางทะเล จะเป็นประโยชน์ต่ออาเซียน-สหรัฐฯ ซึ่งเชื่อมโยงกันด้วยมหาสมุทรแปซิฟิก การบริหารจัดการสถานการณ์ทางทะเลให้มีความมั่นคง ปลอดภัย และตั้งอยู่บนกฎกติกา จะทำให้ทุกฝ่ายสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลได้อย่างยั่งยืน ไทยจึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือทางทะเลในภูมิภาคมาโดยตลอด โดยเฉพาะการต่อต้านการประมง IUU นอกจากนี้ ไทยจริงจังในการบังคับใช้กฎหมาย โดยผลักดันให้มีการจัดตั้งเครือข่ายอาเซียนเพื่อการต่อต้านการประมง IUU เพื่อเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลและหารือการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยสหรัฐฯ สามารถมีบทบาทในการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานสากล และถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมง IUU ให้แก่อาเซียน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมประมงที่ยั่งยืนของภูมิภาค และช่วยฟื้นคืนความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อมให้แก่มหาสมุทร
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ความร่วมมือเหล่านี้ล้วนเป็นความร่วมมือที่สร้างสรรค์ โดยจะนำมาซึ่งการพัฒนาและความเจริญเติบโตที่ยั่งยืนในภูมิภาค จึงหวังว่า อาเซียนและสหรัฐฯ จะมุ่งมั่นขับเคลื่อนความร่วมมืออย่างจริงจัง เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ให้ก้าวสู่ยุคใหม่อย่างมั่นคงต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ห่วงคนไทยในแอลเอ เหตุไฟป่าโหมหนัก สั่งกงสุลใหญ่เร่งช่วยด่วน
นายกฯ ห่วงคนไทยในลอสแอนเจลิส กำชับสถานกงสุลใหญ่ ช่วยเหลือเหตุไฟป่า ขอติดตามข่าวจากส่วนราชการใกล้ชิด
นายกฯรวยหมื่นล้าน อิ๊งค์แจงบัญชีทรัพย์สิน ใช้จ่ายส่วนตัวปีละ45ล.
“ป.ป.ช.” เปิดทรัพย์สิน “นายกฯ อิ๊งค์” รวยมโหฬารกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท แบกหนี้กู้เงินญาติพี่น้อง 4.4 พันล้าน สะสมนาฬิกา 75 เรือน มูลค่า 162 ล้านบาท มีกระเป๋า 217 ใบ
'นิพิฏฐ์' ถาม 'อิ๊งค์-อ้วน' เศร้าใจและเสียศักดิ์ศรีที่ชายไทยจนๆ คนหนึ่งเสียชีวิตจากเรือรบของเพื่อนบ้านหรือไม่
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง โพสต์ข้อความหัวข้อ หรือผมจะเป็นชายไทยที่รักชาติต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ผวาหายนะ! บี้ '2พ่อลูกชินวัตร' ทบทวนพฤติกรรม บ้านเมืองไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราข โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ทักษิณ คุณเป็นใคร? หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร