อดีตรองอธิการมธ. ลากไส้ขบวนการล้มล้างสถาบัน รับงานใครมา ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหลายต่างรู้อยู่แก่ใจ

ที่ชอบพูดกันว่า “กษัตริย์ไม่ใช่เจ้าของประเทศ ประชาชนต่างหากคือเจ้าของประเทศตัวจริง” อยากรู้เหมือนกันว่าบรรพบุรุษของคนที่พูดมาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อใด ส่วนใหญ่ปู่ ย่า ตา ทวด ของคนที่พูดล้วนมาจากที่อื่น เข้ามาอาศัยพึ่งพระบรมโพธิสมภารอยู่ในประเทศไทย

26 เม.ย.2565 – รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้เห็น fb ของผู้ที่ใช้ชื่อว่า “ซาว ไซย่า” ได้โพสต์ภาพที่ตัดต่อนำพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มาใส่ในภาพคนอื่นที่ไม่ใช่พระองค์ และเขียนบรรยายภาพด้วยข้อความที่ทุกคนที่มีใจเป็นธรรมเห็นแล้วไม่อาจรับได้ด้วยประการทั้งปวง

การที่คนพวกนี้กระทำเช่นนี้ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เชื่อว่า ไม่ได้ทำเพราะเกิดนึกสนุกขึ้นมา ไม่ได้ทำเพราะเกิดความแค้นจนไม่อาจไม่แสดงออกเพื่อตอบโต้ได้ เพราะพระองค์ไม่เคยสร้างความแค้นให้กับใคร การใช้นามแฝงใน fb แสดงว่าเป็นการเตรียมการ ทำเป็นขบวนการ มีวาระ มีจุดหมาย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 คือจุดแข็ง จึงต้องกัดเซาะให้คนเสื่อมความนิยมในสถาบันพระมหากษัตริย์ลงเรื่อยๆ และพวกนี้ไม่มีวันเลิก จนกว่าจะไปถึงจุดหมายนั่นคือ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และเปลี่ยนการปกครองประเทศให้เป็นแบบสาธารณรัฐในที่สุด

ที่ชอบพูดกันว่า “กษัตริย์ไม่ใช่เจ้าของประเทศ ประชาชนต่างหากคือเจ้าของประเทศตัวจริง” อยากรู้เหมือนกันว่าบรรพบุรุษของคนที่พูดมาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อใด ส่วนใหญ่ปู่ ย่า ตา ทวด ของคนที่พูดล้วนมาจากที่อื่น เข้ามาอาศัยพึ่งพระบรมโพธิสมภารอยู่ในประเทศไทย และส่วนใหญ่จะรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ แต่ครั้นมีลูก มีหลาน มีเหลน พวกเขากลับลืมที่มาของบรรพรุษของตนเสียสิ้น ทึกทักเอาว่า ฉันนี่แหละคือเจ้าของประเทศตัวจริง ทั้งที่ตัวเองเพียงได้เกิดในประเทศไทย ถือสัญชาติไทย มีสิทธิถือครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ แม้ปัจจบันเราจะมีการปกครองในระบอบปรชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย แต่ต้องไม่ลืมว่า พระมหากษัตริย์ทรงก่อตั้งประเทศ หากไม่มีพระมหากษัตริย์ก็ไม่มีประเทศสยาม ไม่มีประเทศไทย

ชอบพูดกันนักว่า “ภาษีกู” กูจะทำอะไรก็ได้ ก็เมื่ออาศัยอยู่ในประเทศไทย เมื่อมีรายได้ก็ต้องเสียภาษี เพื่อนำเงินไปรวมกันเป็นเงินของแผ่นดิน นำไปเป็นงบประมาณแผ่นดินเพื่อใช้จ่ายในการจัดสร้างสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และใช้จ่ายเพื่อให้ส่วนรวมทั้งหมดสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และได้รับการดูแลตามสมควร แต่การเสียภาษี ไม่ได้หมายความว่าผู้เสียภาษีจะสามารถทำอะไรกับสิ่งที่สร้างขึ้นมาจากเงินงบประมาณแผ่นดินก็ได้ตามใจชอบ เพราะทุกอย่างมีกติกา มีกฎเกณฑ์ เพื่อประโยขน์สุขของส่วนรวม จึงไม่มีใครสามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างไม่มีขอบเขต

ใครก็ตามที่ประกาศว่า สนามหลวงเป็นของประชาชน ประชาชนต้องใช้ประโยชน์อย่างไรก็ได้ หากที่คนพูดเกิดมีวาสนาได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครขึ้นมาจริงๆ โดยตรรกะเดียวกัน ก็น่าจะต้องประกาศด้วยว่า สำนักงานกทม และห้องทำงานของผู้ว่าฯ ก็เป็นของประชาชน ดังนั้นประชาชนจะเข้ามาทำอะไรก็ได้ในสำนักงาน หรือในห้องทำงานผู้ว่าฯ โดยไม่มีข้อห้ามใดๆ

สถาบันพระมหากษัตริย์ก็อยู่คู่กับประเทศไทยมาช้านาน และยังคงเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ทำให้ประเทศอยู่รอดพ้นภัยมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า สถาบันพระมหากษัตริย์จึงยังคงมีความสำคัญต่อประเทศไทย การดำรงอยู่หรือไม่ดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์จึงควรเป็นไปตามกาลเวลา ตามสภาพ หากพระมหากษัตริย์พระองค์ใดไม่ครองแผ่นดินโดยธรรม ไม่ทรงทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน มิพักต้องเอ่ยถึงการกดขี่ประชาชนซึ่งเป็นไปไม่ได้ในยุคปัจจุบัน และหากเป็นเช่นนั้น สถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะเกิดความเสื่อมโดยตัวเอง และจะดำรงอยู่ไม่ได้ในที่สุด แต่ในปัจจุบันยังไม่ใช่เวลานั้น ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย

ไม่เข้าใจว่าทำไมใจร้อน อยากรีบล้มล้างกันเหลือเกิน ประหนึ่งว่าไปรับงานใครมา จึงต้องทำให้บรรลุเป้าหมายตามกำหนดเวลา มิฉะนั้นจะต้องตกงาน เปลี่ยนให้ทีมอื่นมาทำงานแทน ใช่หรือไม่ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหลายต่างก็รู้อยู่แก่ใจ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตรองอธิการบดี มธ. สะกิดคนผิดหวังการเมือง อย่าเพิ่งท้อ หมากรุกต้องมองหลายชั้น

เมื่อมีข่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี หลายคนดีใจ และแสดงความยินดี แต่หลายคนก็รู้สึกหมดแรง ท้อแท้ สิ้นหวัง ตัดพ้อว่าประเทศไทยเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ก็ขอบอกว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็คือปรากฏการณ์ของระบอบประชาธิปไตยของไทยที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อดีตรองอธิการบดี มธ. ทิ้งปริศนา จับตาถึงสิ้น ก.ย. อาจได้นายกฯมือสะอาด ที่ไม่ใชนักการเมือง

รัฐบาลที่จะสามารถแก้ปัญหาในระยะยาวได้ต้องเป็นรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีเป็นคนมือสะอาดอย่างแท้จริง ซึ่งหมายความว่าต้องไม่ใช่นักการเมือง ต้องมีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ และมีความสามารถในการบริหาร เข้าใจเรื่องแผนยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง

อึ้ง! ‘อุ๊งอิ๊ง’ แค่ ‘รองปธ.ซอฟต์พาวเวอร์’ ปาฐกถาเหมือนเป็นนายกรัฐมนตรี

อดีตรองอธิการบดี มธ. ชี้การปาฐกถาพิเศษของคุณแพทองธารก็คือ คุณแพทองธารคือ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีบทบาทในรัฐบาลก็คือเฉพาะเรื่อง soft power แต่แสดงปาฐกถาเสมือนหนึ่งว่าตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี

'อดีตรองอธิการ มธ.' รวมความแปลกประหลาดพิลึกพิลั่นของรัฐบาลชุดนี้ ไม่เหมือนประเทศใดในโลก

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ระบุว่า รัฐบาลแห่งประเทศไทยชุดนี้เป็นรัฐบาลที่แปลกประหลาด พิลึกพิลั่น ไม่เหมือนรัฐบาลใดๆในโลก