สร้างโอกาสสร้างคนฝ่าวิกฤตโควิด ด้วยโครงการ ชุมชนดีมีรอยยิ้ม

สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของทุกคนในสังคมไทย เป็นลูกโซ่ เป็นวงกว้างในทุกภาคส่วน และเป็นระลอกแล้วระลอกเล่าอย่างต่อเนื่อง จวบจนวันนี้ นับเข้าปีที่สามแล้ว ซึ่งคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ความเดือดร้อนจาก “สงครามโรค” เสมอภาคกันทั่วทุกมุมโลก แต่อีกด้านหนึ่งถือเป็นแรงกระตุ้นเตือนและผลักดันให้เราเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนและพัฒนาตนเองให้ก้าวผ่านวิกฤตเพื่ออยู่ให้รอดอยู่ให้เป็นกับโลกใบใหม่

สำหรับประเทศไทยแล้ว เรามองข้ามความจริงไม่ได้ว่า วิกฤตจากโควิด-19!! กลายเป็นโอกาสสำคัญทำให้คนส่วนใหญ่ได้หันกลับมาเข้าถึงเข้าใจใน “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” นั่นคือการรู้จักพึ่งพาตนเอง

ด้วยแนวคิดการเรียนรู้จักพึ่งพาตนเองตามหลักของเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้คนไทยเกิดแรงบันดาลใจ สามารถเสริมสร้างกำลังใจ “เททิ้ง” ความหมดอาลัยตายอยาก และเลิกตีโพยตีพาย โทษดินฟ้าอากาศหรือแม้แต่โยนความผิดให้ “โควิด” เป็นแพะรับบาป ทั้งนี้สามารถพิสูจน์ทราบได้จาก “รอยยิ้ม” ที่ระบายเต็มหน้าของชาวบ้านที่อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี

สำหรับรอยยิ้มที่ยังมี ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจอันเป็นผลพวงจากไวรัสโควิด-19 นั้น คงต้องยกความดีความชอบให้กับ โครงการ ไทยเบฟ...ร่วมสร้างชุมชนดีมีรอยยิ้ม ภายใต้โครงการพัฒนาชุมชน ตามแนวคิดและนโยบายของผู้บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่ระลึกอยู่เสมอว่า “เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นคง ยั่งยืน ให้ชุมชนสังคมเติบโตควบคู่กับธุรกิจของเรา” ซึ่งแรงบันดาลใจจากทุกคน เพื่อชุมชนที่ยั่งยืน

แนวคิดและนโยบายการพัฒนาชุมชนรอบโรงงานของไทยเบฟ จึงเป็นพันธกิจที่มีการลงมือสร้าง และส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้มาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลายาวนานมากกว่า 15 ปี  โดยใน จ.สุราษฎร์ธานี ภายใต้โครงการชุมชนดีมีรอยยิ้ม ชาวบ้านที่รวมตัวกัน และมี “โค้ชจิตอาสา” จากไทยเบฟ สามารถสร้างรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทุกวันนี้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านบาท โดยมีจำนวนสมาชิกผู้ได้รับผลประโยชน์ 429 ราย ผ่านโครงการที่ขับเคลื่อนจำนวน 3 โครงการ ได้แก่

โครงการผักดีชุมชนดีที่ท่าฉาง” มุ่งเน้นการสร้างช่องทาง  การตลาดผักและผลไม้ปลอดภัยให้แก่เกษตรกรใน อ.ท่าฉาง โดยการจัดทำ MOU ระหว่างชุมชนและผู้รับซื้อโดยตรง พร้อมทั้งยกระดับผลผลิต โดยการขอรับรองมาตรฐาน GAP ในผักและผลไม้กว่า 16 ชนิด เช่น แตงกวา ฟักเขียว ฟักทอง ผักบุ้ง มะนาว เป็นต้น สนับสนุนให้มีการหันมาบริโภคผักและผลไม้ปลอดภัยมากขึ้น อีกทั้งยังส่งเสริมให้เกษตรกรมีทักษะการผลิต การคัดเลือก การบรรจุและขนส่งผลผลิตอย่างมีคุณภาพก่อนส่งตรงถึงมือผู้บริโภค นับเป็นการสร้างรายได้โดยตรงให้กับเกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางและยังเตรียมขยายพื้นที่ไปสู่อำเภออื่นๆ ในอนาคตอีกด้วย

โครงการผลิตเห็ดครบวงจร” ผลักดันให้เกิดศูนย์การเรียนรู้การผลิตเห็ดครบวงจรในพื้นที่ อ.ท่าฉาง สนับสนุนให้ชุมชนจัดตั้งคณะทำงานและการรวมกลุ่มอย่างเป็นระบบ พร้อมเชื่อมโยงหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมพัฒนาศักยภาพให้ชุมชน ผ่านการสร้างองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการกลุ่ม เพิ่มทักษะการผลิตก้อนเชื้อเห็ดและการเพาะเห็ดเพื่อจำหน่าย การคำนวณต้นทุน ราคาจำหน่าย ซึ่งไทยเบฟได้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างโรงบ่มก้อนเชื้อเห็ดและโรงเพาะเห็ดชุมชน โดยขณะนี้มีโรงเพาะเห็ดขนาดเล็กในชุมชนแล้ว จำนวน 6 โรงเรือน

โครงการชุมชนรอบโรงงานในกลุ่มโรงงานเครือไทยเบฟพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี” พัฒนาแปลงเพาะปลูกผักปลอดภัย และร่วมพัฒนายกระดับมาตรฐานการแปรรูปสินค้าเครื่องแกงก้อนกึ่งสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ “ครัวขึ้นเครื่อง” โดยมีการบริหารจัดการและวางแผนงานร่วมกันระหว่างชุมชนดีฯ โรงงาน และชุมชน ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงงานกับชุมชนในพื้นที่ สร้างรายได้เสริมให้เกิดแก่ชุมชนรอบโรงงาน

ทั้งนี้คำบอกเล่าด้วยความปลื้มปีติของชาวบ้าน น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีเยี่ยม “เดิมกลุ่มปลูกผักเพื่อขายในชุมชน ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง จนเมื่อไทยเบฟเข้ามาดำเนินโครงการชุมชนดีมีรอยยิ้มร่วมกับทางกลุ่ม เข้ามาให้คำปรึกษาในการวางแผนการเพาะปลูกและช่วยหาตลาดเพื่อรองรับผลผลิตให้กลุ่ม ทำให้สมาชิกบางส่วนที่เลิกปลูกผัก หันกลับมาปลูกผักอีกครั้ง ส่งเสริมให้กลุ่มผลิตก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้า และเตรียมพัฒนาให้กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้การผลิตเห็ดครบวงจรในปีนี้ ทำให้กลุ่มสามารถลดต้นทุนลงได้มากและเพิ่มรายได้ให้แก่สมาชิกได้อย่างทั่วถึงค่ะ” เสียงสะท้อนจาก นางสุภาภรณ์ ไกรวงศ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผักปลอดภัยบ้านเสวียด

ตอกย้ำด้วยความในใจจาก นายสมพร ใจชื่น ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรตำบลท่าโรงช้าง ที่ระบุว่า “รู้สึกดีใจที่ไทยเบฟเห็นความสำคัญของการสร้างงาน สร้างอาชีพในชุมชน มาช่วยชุมชนสร้างโรงผักกางมุ้ง เพื่อให้เราได้ปลูกผักปลอดสารไว้ใช้กิน ใช้ขาย และยังเปิดโอกาสให้ทางชุมชนนำสินค้าของสมาชิกกลุ่มต่างๆ เข้าไปจำหน่ายให้กับพนักงานในโรงงานในเครือไทยเบฟ อีกทั้งเข้ามาช่วยดูในเรื่องการบริหารจัดการกลุ่ม การทำบัญชี ช่วยเป็นที่ปรึกษาด้านต่างๆ และยังช่วยเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยพัฒนาชุมชนของผม ทำให้ชุมชนมีรายได้และความสุขเพิ่มขึ้น อยากให้ไทยเบฟทำโครงการดีๆแบบนี้ต่อไปครับ”

สิ่งที่น่าสนใจคือ ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการจัดจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงาะโรงเรียนนาสาร ในพื้นที่ อ.บ้านนาสาร ทางโครงการพัฒนาชุมชนของไทยเบฟ ก็ได้เข้าไปช่วยพัฒนาช่องทางตลาดออนไลน์ เพื่อแก้ปัญหาเงาะโรงเรียนนาสารขาดช่องทางจัดจำหน่าย สร้างยอดขายได้มากถึง 6,000 กิโลกรัม ในระยะเวลาเพียง 1 เดือน

เรื่องดีๆอันเป็นชีวิตจริงไม่ได้อิงนิยาย ที่เกิดขึ้นในชุมชนห่างไกลเมืองหลวงนั้น เป็นสิ่งสะท้อนบอกได้ชัดเจนว่า ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างและพัฒนาชุมชนดีมีรอยยิ้มมีความเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  ยังมี “ไทยเบฟ” เป็นกำลังใจเคียงข้างชุมชนแห่งนี้ และพร้อมยืนหยัดว่า ท่ามกลางวิกฤตต่างๆ จะยังคงเดินหน้าสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับชาวบ้าน พร้อมผลักดัน “ชุมชนดีมีรอยยิ้มสุราษฎร์ธานี” ให้พึ่งพาตนเองได้ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมศักยภาพของชุมชน สืบสานและส่งต่อองค์ความรู้ ภูมิปัญญา เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนที่ยั่งยืนต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สุราษฎร์ธานี จัดงานวันที่อยู่อาศัยโลกปี67 ย้ำชุมชนต้องเป็นแกนหลักในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยคนจน

UN – HABITAT หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’ กำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมทุกปีเป็น ‘วันที่อยู่อาศัยโลก’ หรือ ‘World Habitat Day’

โครงการ ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว สานต่อปณิธานแห่งการ “ให้” ปีที่ 25 “มากกว่าความอบอุ่น คือสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืน”

จากความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งภัยพิบัติรุนแรงหลายรูปแบบที่ต้องเผชิญในยุคของ Global Boiling (สภาวะโลกเดือด) กระทบต่อหลายพื้นที่ตอนบนของประเทศไทยในแถบภาคเหนือ

ไทยเบฟขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนสู่ PASSION 2030

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (“ไทยเบฟ” หรือ “กลุ่ม”) เผยแผนงาน PASSION 2030 ซึ่งต่อยอดการดำเนินงานของกลุ่มในการเสริมความแข็งแกร่งสถานะผู้นำที่

กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ 'บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่'

1 ต.ค.2567 - เวลา 9.04 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี      เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงาน เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ  บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ Bangkok Art Biennale 2024 (BAB 2024) ภายใต้แนวคิด "รักษา กายา

งานศิลป์จาก'ขยะ' เพิ่มมูลค่า ดีต่อโลก

การเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ให้กลายเป็นงานศิลปะหรือของใช้สร้างสรรค์เป็นแนวทางการทำงานที่พบเห็นได้ของศิลปินร่วมสมัยชื่อดังไทยและต่างประเทศ  รวมถึงเป็นเทรนด์ที่มาแรงในสังคมไทย เพื่อกระตุ้นให้เกิดไอเดียศิลปะจากสิ่งของเหลือใช้ที่หลายคนมองไม่เห็นคุณค่า