พลังจิตอาสาสร้างแรงบันดาลใจ ปลุกฝันชุมชนดีมีรอยยิ้ม@ปราจีนบุรี

มีคำกล่าวว่า “งานจิตอาสา” คือ งานแห่งการให้ความดีงามทั้งปวงแก่เพื่อนมนุษย์ โดยเต็มใจ สมัครใจ อิ่มใจ ซาบซึ้งใจ ปีติสุข ที่พร้อมจะเสียสละเวลา แรงกาย และสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์ ในการทำกิจกรรม หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน และมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น

แตกต่างจากงานในหน้าที่ ซึ่งต้องทำด้วย “ความรับผิดชอบ” หรือจำเป็นต้องปฏิบัติตามภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย

แต่จะดีมากยิ่งขึ้นไหม? หากเราสามารถผนึกงานจิตอาสากับงานในหน้าที่ให้เป็นเนื้อเดียวกันอย่างกลมเกลียว สมัครสมานสามัคคี ซึ่งบทสรุปสุดท้ายก็เป็นเส้นทางเดียวกันนั่นคือ ความสำเร็จที่ได้มาจากกำลังใจของทุกฝ่าย

คำถามนี้มีคำตอบ และตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้วเมื่อได้มีโอกาสไปเยือน “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลลาดตะเคียน” ของอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี  ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพด้านการทำเกษตรอินทรีย์ และมีความตั้งใจในการพัฒนากลุ่มให้เป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยในชุมชน ภายใต้โครงการ “ชุมชนดีมีรอยยิ้ม ปราจีนบุรี”

โอกาสที่ได้เปิดหูเปิดตา และพบคำตอบว่า ภารกิจในหน้าที่ความรับผิดชอบสามารถร่วมด้วยช่วยกันผสานพลังของจิตอาสาให้เกิดผลสัมฤทธิ์สร้างประโยชน์สุขแก่ชุมชนได้อย่างน่าประทับใจนั้น.. เป็นวันที่ โครงการ ไทยเบฟ...ร่วมสร้างชุมชนดีมีรอยยิ้ม ภายใต้ โครงการพัฒนาชุมชน โดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติก จำกัด เครือข่ายพันธมิตร พร้อมด้วย คณะผู้บริหารและพนักงานจิตอาสากว่า 200 คน ลงพื้นที่ทำกิจกรรมพัฒนาชุมชน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี นั่นเอง

“โครงการพัฒนาชุมชน” จัดตั้งขึ้นเพื่อต่อยอดแนวคิดการพัฒนาแบบยั่งยืนด้วยความเชื่อมั่นว่า “การสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต” คือรากฐานที่จะนำไปสู่ความยั่งยืน ตามปณิธานของ คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดยมีเป้าหมายคือ ต้องการสร้างชุมชนต้นแบบในด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม สร้างเครือข่ายพันธมิตรเพื่อร่วมกันพัฒนา เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ สถาบันวิชาการที่สำคัญต้องการยกระดับชุมชนให้เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม สร้างเศรษฐกิจ...ปฏิเสธไม่ได้ว่า คือพันธสัญญาในหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานดังกล่าว

การนำพนักงานเข้าไปเป็นจิตอาสา จึงเป็นการทำงานในหน้าที่กับงานเพื่อสังคมได้อย่างกลมกล่อม และมีพลัง นอกจากนั้นยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจ 

ทั้งนี้ความในใจจาก นางดารา เข้มกำลัง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ เป็นสิ่งยืนยันได้ โดยเธอเล่าว่า “ตั้งแต่พนักงานจิตอาสาของไทยเบฟเข้ามาช่วยพัฒนาพื้นที่ของเรา ทำให้สมาชิกมีกำลังใจกลับมารวมตัวอีกครั้ง และยังมีเจ้าหน้าที่จากไทยเบฟมาคอยให้คำปรึกษากับเราตลอดเวลา ตั้งแต่กระบวนการคิด การจัดตั้งและบริหารกลุ่มสมาชิก การตลาดและการวางแผนการปลูกด้วยวิธีคิด “เอาตลาดนำการผลิต” เราจะผลิตสินค้าตามความต้องการของตลาด ทำให้สมาชิกทุกคนมีรายได้ กลับมามีกำลังใจและยิ้มได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง”

ในขณะที่ นายนิกร ไชยวรรณา เปิดเผยว่า “ผมเป็นคนลำปาง แต่ได้ย้ายมาสร้างครอบครัวที่นี่ ผมรักชุมชนแห่งนี้ จึงมีความตั้งใจที่จะพัฒนาชุมชนแห่งนี้ให้กลายเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวของภาคตะวันออก ในอีก 3 ปีข้างหน้า ด้วยการทำเกษตรแบบวนเกษตร เมื่อก่อนรอบข้างชุมชนมีแต่การใช้สารเคมีในการปลูกพืชไร่พืชสวน ทำให้อากาศที่เราหายใจเข้าไปมีแต่สารเคมี จึงมีความคิดที่อยากจะขยายพื้นที่สีเขียวจึงได้รวมตัวกันตั้งกลุ่มเกษตรอินทรีย์ขึ้น เพื่อพัฒนาชุมชนของเรา และก็ได้จิตอาสาของไทยเบฟมาช่วยขับเคลื่อนการดำเนินการของกลุ่มด้วย ดีใจที่ไทยเบฟเข้ามาช่วยส่งเสริมให้ความรู้แก่ชุมชนในทุก ๆ อย่าง ทำให้ผมเริ่มมองเห็นว่า เราจะเดินหน้ากลุ่มวิสาหกิจชุมชน ตลาดตะเคียนไปได้เร็วขึ้น”

ปัจจุบัน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลลาดตะเคียน มีสมาชิกจำนวน 40 คน ได้ดำเนินกิจกรรมกลุ่มด้วยหลักสัมมาชีพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีความมุ่งหวังที่จะพัฒนาชุมชนและขยายผลสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมีพื้นที่ปลูกผักอินทรีย์ จำนวน 15 ไร่ ดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

กิจกรรมจิตอาสานับเป็นจุดเริ่มต้นและจุดประกาย เติมพลังให้ชุมชนมีกำลังใจในการร่วมกันพลิกฟื้นพื้นที่แห้งแล้งให้กลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง ซึ่งกระบวนการทำงาน ตั้งต้นจากการวิเคราะห์ปัญหาร่วมกับคนในชุมชน จัดระบบการบริหารจัดการกลุ่มการทำแผนธุรกิจ วางแผนการดำเนินงานเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของตลาด อีกทั้งเชื่อมโยงความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดปราจีนบุรี อาทิ สำนักงานพลังงานจังหวัดปราจีนบุรี  ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในการทำเกษตรช่วงฤดูแล้ง ได้แก่ ปั๊มน้ำและแผงโซล่าเซลล์ และตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ และ บริษัท จินหลง คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้มอบศาลาเอนกประสงค์ให้แก่ชุมชน เป็นต้น

ผลความสำเร็จที่เกิดขึ้นทำให้กลุ่มพัฒนาเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยของชุมชนและเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการทำเกษตรอินทรีย์สำหรับชุมชน สามารถขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าชุมชนได้มากขึ้น สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้มากถึง 153,190 บาท  สามารถพัฒนาศักยภาพสมาชิกให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน Organic Thailand จำนวน 6 ราย สนับสนุนสมาชิกเข้าอบรมเกษตรกรรุ่นใหม่ ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ (Young Smart Farmer) จำนวน 3 ราย

ชุมชนดีมีรอยยิ้มปราจีนบุรี และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลลาดตะเคียน ยังมีเป้าหมายขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ในระดับตำบลไปในทุกครัวเรือน จัดตั้งเป็นกองทุนเมล็ดพันธุ์เพื่อสนับสนุนสมาชิกพร้อมให้ความรู้อย่างใกล้ชิด และส่งเสริมช่องทางการตลาดแก่สมาชิกทุกคนให้มีรายได้จากการขายผลผลิต และพร้อมพัฒนาศูนย์เรียนรู้ฯ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเกษตรอินทรีย์เพื่อยกระดับให้เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมในอนาคต

นับเป็นความมุ่งมั่นของภาคเอกชนที่จะร่วมมือร่วมใจกับภาครัฐในการผลักดันสร้างประโยชน์และความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง ตามปณิธานที่ของผู้บริหารไทยเบฟฯที่กล่าวไว้ว่า “แรงบันดาลใจจากทุกคน เพื่อชุมชนที่ยั่งยืน”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไทยเบฟ ส่งพลังน้ำใจช่วยน้ำท่วม

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมส่งพลังน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบอุกภัยน้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นยางิ ในโซนภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ด้วยการส่งน้ำดื่ม และของใช้จำเป็นต่างๆ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ประกอบด้วย

จากเคมีสู่เกษตรอินทรีย์ล้านเปอร์เซ็นต์ ที่ตำบลเขาไม้แก้ว “ความเปลี่ยนแปลงจากเกษตรเคมีสู่แหล่งผลิตอาหารปลอดภัย”

สุนทร คมคาย เกษตรกรหนุ่มใหญ่วัยเกือบ 50 ปี คนในพื้นที่เรียกกันติดปาก “เกษตรแหลม” แกนนำกลุ่มเกษตรอินทรีย์เขาไม้แก้ว เล่าให้ฟังว่า ผมเรียนจบปริญญาตรีด้านเกษตร สาขาไม้ผล

'Young Designer' พัฒนาดินเผาบ้านเชียง

เปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ร่วมออกแบบและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ มาผลิตของที่ระลึกโดยไม่ลืมอัตลักษณ์โดดเด่นของชุมชน เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ชุนชนบ้านเชียงให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มีสไตล์