24 มี.ค.2565 - นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กเผยแพร่บทความเรื่อง "ความดีทำยากความเลวทำง่าย" โดยมีเนื้อหาดังนี้ ถ้าเราถือว่า ระบบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เป็นความดีและระบบเผด็จการที่สมบูรณ์เป็นความชั่ว เราก็จะเห็นว่าการสร้างระบบประชาธิปไตยนั้นทำได้ยากมาก แต่การสร้างระบบเผด็จการนั้นทำได้ง่ายกว่าหลายเท่า
เราจึงเห็นได้ว่า โลกนี้จึงไม่มีที่ใดที่มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง แต่เผด็จการที่สมบูรณ์อย่างแท้จริงนั้น กลับเคยมีอยู่มากมาย ทั้งในอดีต ในปัจจุบัน และจะยังคงต้องมีขึ้นอีกเรื่อย ๆ ในอนาคต
ทำไมนะหรือ... ก็เพราะประชาธิปไตยที่สมบูรณ์จะเกิดขึ้นได้จริง ก็ต่อเมื่อ #ผู้ใช้สิทธิทางการเมืองทุกคนต้องเป็นคนที่มีเหตุผลอย่างแท้จริง (rational) ซึ่งก็เหมือนข้อสมมุติฐานในทฤษฎีการค้าอย่างเสรีที่สมมุติว่า ผู้ซื้อทุกคนต้องเป็นคนที่มีเหตุผล คือพวกเขาจะไม่มีวันเลือกซื้อของที่ไม่จำเป็นในราคาที่สูง เพราะพวกเขามีสิทธิเลือกซื้อของที่ดีกว่า ราคาถูกกว่า ซึ่งมีให้เลือกได้อย่างมากมาย (เพราะมีผู้ขายแข่งกัน มีจำนวนมากมาย) เช่นนี้ ระบบผูกขาดที่สามารถกอบโกยกำไรเกินควร ก็ย่อมจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยอย่างเด็ดขาด แต่ตามความเป็นจริงทั้งผู้ซื้อและผู้ผลิตขายก็หาได้มีเหตุผลเช่นนั้นไม่ การผูกขาดและกึ่งผูกขาดจึงมีอยู่ทั่วโลก
ระบบการค้าเสรี (Free Trade) จริง ๆ จึงไม่เคยมีที่ใดในโลกนี้ เฉกเช่นเดียวกับที่โลกก็ไม่เคยมีที่ใดที่มีระบบการเมืองแบบประชาธิปไตยที่แท้จริงเช่นเดียวกัน
ทำไมถึงว่า #คนส่วนใหญ่เป็นคนไม่มีเหตุผลในทางการเมือง นะหรือ... ก็เพราะเราสามารถจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักความแตกต่างระหว่างคำว่า #สิทธิ และ #หน้าที่ ว่ามันต้องใช้คู่กัน #แยกกันไม่ได้เด็ดขาด และคนส่วนใหญ่ก็ยังมีจิตที่ตกเป็นทาสของกิเลส (รัก โลภ โกรธ หลง) คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของชาติและประชาชน (ตามวาทะกรรมที่เสแสร้งพ่นออกมาเพื่อหลอกลวงประชาชน)
เมื่อคนขาดแคลนสิ่งที่ควรจะเป็นอย่างที่กล่าวในวรรคต้น ความหมายของศัพท์ที่สำคัญที่สุดที่ต้องมีในลัทธิประชาธิปไตย คือ #เสรีภาพ และ #ความเสมอภาค จึงถูกประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการเมือง นำไปใช้ในทางที่ผิด ๆ เป็นเหตุให้เกิดระบบประชาธิปไตยจอมปลอมที่รังแต่จะสร้างความฉิบหายและล้าหลังให้เกิดขึ้นกับประเทศทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้
ตัวอย่างเช่น คำว่า #สิทธิ และ #เสรีภาพ ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก จึงหมายถึงเพียงสิทธิเสรีภาพในการจะเลือกกาบัตรให้กับผู้สมัครที่จ่ายเงินให้ตนมากที่สุด โดยละเลย #หน้าที่ เพราะไม่เคยสนใจว่า...
1. การขายเสียงนั้น ผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม (ท่านนะบีโมฮัมหมัดตรัสว่า ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย และผู้เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย จะต้องตกนรกทั้งสามคน เหมือนกรณีติดสินบน)
2. การขายเสียงนั้น ขัดต่อเจตนารมณ์ ของการมีลัทธิประชาธิปไตย ที่หวังพึ่งให้ผู้ใช้สิทธิเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศไม่ใช่สิ่งที่ตนเองได้ประโยชน์สูงสุด
3. และไม่เคยสนใจว่า เงินที่เขาเอามาจ่ายให้ตนนั้น เป็น เงินที่ผู้ซื้อได้มาจากการทำมาหากินที่ผิดกฎหมาย หรือผิดศีลธรรมหรือไม่ หรืออาจจะเป็นเงินที่ได้มาจากการฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงบ้านโกงเมือง ระหว่างดำรงตำแหน่งในทางราชการหรือในทางการเมืองก็ได้
การใช้สิทธิและเสรีภาพแบบผิด ๆ คววคู่กับการละเลยหน้าที่ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากเหล่านี้ ทำให้พวกนักการเมืองเลว ๆ เหล่านั้นสามารถ #สร้างวงจรอุบาทย์ทางการเมือง ขึ้นมา โดยการนำเงินโสโครกขอตนมาซื้อเสียงประชาชนและซื้อนักการเมืองด้วยกัน ก็เพื่อขอให้ตนได้มีอำนาจในการบริหารประเทศ เพื่อที่จะได้ไปโกงกินต่อ สะสมเงินโสโครกไว้ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเก็บไว้เป็นทุนมาซื้อประชาชนและนักการเมืองในครั้งต่อ ๆ ไป ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกเหนือจากที่เป็นการทำเพื่อให้ตนเองได้มีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง ก็อาจจะเป็นการทำเผื่อคนอื่น ๆ ที่เป็นลูกหลาน เผื่อพรรคพวก หรือเผื่อญาติโกโหติกา (ที่ในภายหลังก็ชวนกันเข้ามาช่วยกันกอบโกยโกงกิน)
ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ ก็เพื่อจะได้นำเงินโสโครกเหล่านั้นมาแบ่งกัน แบบที่พูดได้ว่า เรือล่มในหนอง ทอง (โสโครก) ก็จะไม่ไปไหน จะเห็นว่าทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ต่างก็เป็นหุ้นส่วนในการทำลายชาติพอ ๆ กัน
จากตัวอย่างที่ยกไว้ข้างบนนี้ คำว่า #ความเสมอภาค ก็หมายถึงแต่เพียงว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ขายเสียง และนักการเมืองที่ขายตัว ทุกคนล้วนมีความเสมอภาคกันในการทำชั่วและช่วยให้คนเลว ๆ ได้มีอำนาจ มีโอกาสทำลายชาติบ้านเมือง ด้วยการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างที่เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในประเทศไทย
อีกตัวอย่างของระบบประชาธิปไตยจอมปลอม คือการตีความหมายคำว่า #เสรีภาพ ของนักการเมืองส่วนหนึ่ง ที่เลือกจะใช้เสรีภาพในการกระทำสิ่งที่พระห้าม 3 ประการที่เรียกกันว่า #ทุจริต3 ซึ่งก็คือ...
1) กายทุจริต : มีเสรีภาพในการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เช่นการซื้อสิทธิและขายตัว แก่ผู้ที่มีเงินมากกว่าซึ่งเป็นนักการเมืองด้วยกัน
2) วาจาทุจริต : มีเสรีภาพทางวาจาในการกล่าว “คำเท็จ” เพื่อหลอกลวงประชาชน โดยสัญญาว่าจะทำในสิ่งต่างๆแม้จะรู้ดีว่าทำไม่ได้ มีเสรีภาพในการพูดเท็จเพื่อใส่ร้ายคู่ต่อสู้ทางการเมือง มีเสรีภาพในการใส่ร้ายสถาบันต่างๆที่ตนไม่ชอบ และมีเสรีภาพในการสร้างความแตกแยกโดยการใช้คำพูดให้คนเกลียดกัน
3) มโนทุจริต : มีเสรีภาพในการคอยสาปแช่ง ผูกใจอาฆาตมาดร้ายต่อคู่ต่อสู้ทางการเมือง พร้อมจะรู้สึกยินดีเมื่อทราบว่าพวกเขาบาดเจ็บ ป่วยไข้ หรือมีความทุกข์
#สรุป : ตราบใดที่ระบอบประชาธิปไตยกลายเป็นระบอบที่เปิดโอกาสให้คนชั่วคนเลวใช้เงินโสโครก ที่ได้มาจากการฉ้อราษฎร์บังหลวง และทำมาหากินจากอาชีพที่ผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม สามารถนำมันมาซื้ออำนาจทางการเมืองการปกครองได้ โดยผ่านการขายสิทธิ และขายตัวของบุคคลที่เป็นฐานของระบอบประชาธิปไตยได้ (เพราะส่วนใหญ่ยังถูกครอบงำโดยกิเลส จึงขาดเหตุผล เห็นประโยชน์ตนสำคัญกว่าประโยชน์ของส่วนรวม) ระบอบประชาธิปไตยดังกล่าว ก็จะหนีไม่พ้นในการกลายเป็น #ระบอบเผด็จการรัฐสภา (totalitarianism) อันจะเป็นระบอบที่กลับมาสร้างความหายนะให้กับบ้านเมืองได้อีกเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา
ตราบนั้นการรัฐประหารก็คงจะไม่มีใครห้ามได้ อย่านึกว่ามันจะเกิดขึ้นไม่ได้อีกในประเทศไทยเพราะคนอื่นที่ไม่ได้ยึดอาชีพเป็นนักการเมืองเขาก็รักชาติรักประเทศของเขาเป็นเหมือนกันนะครับ
ผมขอเรียนว่าความเห็นที่ลงในเฟซบุ๊ก เป็น #ความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรคปชปแต่อย่างใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.ณัฏฐ์ มองการเมืองไทยปี 68 'รัฐบาลอิ๊งค์' มีเสถียรภาพ อยู่ยาวถึงปี 70
“ดร.ณัฏฐ์” มือกฎหมายมหาชน ชี้การเมืองไทยปี 2568 “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” กุมเสียงข้างมาก รัฐบาลมีเสถียรภาพ แม้เจอโรครุมเร้า นักร้องเรียนรายวัน ยังไม่มีตัวแปรใดล้มรัฐบาล ฟันธง รัฐบาลอยู่ยาวถึงปี 2570
อดีตรองหัวหน้าเพื่อไทย แนะวิธีติดเบรกคนหลงตัวเอง-ลุแก่อำนาจ
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า "คน
'ภูมิธรรม' การันตีไม่มีปัญหาพรรคร่วมเห็นต่าง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานกานณ์ทางการเมือง ที่หลายคนถามรัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่ ว่า หากดูจา
'ภูมิธรรม' เซ็ง 'เอ็มโอยู44' ถูกปลุกปั่นจนออกนอกอวกาศ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงเอ็มโอยู 44 ว่า ตนยังยึดหลักเดิม เพราะควรใช้ความอดทนอดกลั้นและความเข้าใจ เพราะเอ็มโอยู 44 ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร
'อนุทิน' โวรัฐบาลชุดนี้ มีเสถียรภาพมากสุด เชื่ออยู่ครบเทอม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณี
'จตุพร' มองการเมือง 2568 สัมพันธ์อำนาจระแวงบีบกด ฉุดบ้านเมืองเข้ามุมอับ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ส่งท้ายปี 2567 ว่า ในปี 2568 บ้านเมือง