12 มี.ค.2565 - สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสมาน ตรีคุณา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลอุทัย อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กับพวก 3 ราย ประกอบไปด้วย นางสาวอารีวรรณ ตรีคุณา , ว่าที่ร้อยตรี สวณัฐ ทองลมุล และนายสมประสงค์ นิลพฤกษ์ เบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเลขานุการนายกเทศมนตรีตำบลอุทัย ทั้งที่มิได้มาปฏิบัติงาน
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 147 , 157 ประกอบมาตรา 83 และ 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2564 ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ มีคำพิพากษาแก้ คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่พิพากษาว่า นายสมาน ตรีคุณา จำเลยที่ 1 ว่าที่ร้อยตรี สวณัฐ ทองลมุล จำเลยที่ 3 และ นายสมประสงค์ นิลพฤกษ์ จำเลยที่ 4 มีความผิดตามมาตรา 147 ประกอบ 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คงจำคุกคนละ 50 ปี
นางสาวอารีวรรณ ตรีคุณา จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 147 ประกอบมาตรา 86
จำคุก 26 ปี 208 เดือน และปรับ 104,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
เป็น "ให้ยกฟ้อง ว่าที่ร้อยตรี สวณัฐ ทองลมุล จำเลยที่ 3 และ นายสมประสงค์ นิลพฤกษ์ จำเลยที่ 4 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น"
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เฉพาะจำเลยที่ 1
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ส่วนนางสาวอารีวรรณ ตรีคุณา จำเลยที่ 2 ในคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า มีสถานะเป็นบุตรสาวของ นายสมาน ตรีคุณา อดีตนายกเทศมนตรีตำบลอุทัย อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดยได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการนายสมานในขณะดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลอุทัย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2557 ตามคำสั่งเทศบาลตำบลอุทัยที่ 158/2547 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2547 ซึ่งในขณะนั้น นางสาวอารีวรรณ กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ไม่สามารถมาปฏิบัติงานที่เทศบาลตำบลอุทัยในเวลาราชการเต็มเวลา แต่มีการตั้งฎีกาเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนในตำแหน่งเลขานุการฯ จำนวน 26 ฎีกา ตั้งแต่ช่วงปี 2548 ให้จนถึงช่วงต้นปี 2551 รวมจำนวนเงินที่จำเลยทั้ง 4 ราย ร่วมกันยักยอกไปเป็นจำนวน 200,561 บาท
ขณะที่เหตุผลที่ศาลฯ มีคำสั่งให้รอลงโทษ จำคุก 26 ปี 208 เดือน เป็นเวลา 2 ปี แก่ นางสาวอารีวรรณ ตรีคุณา นั้น เป็นเพราะไม่ปรากฎว่าเคยรับโทษจำคุกมาก่อน และบางช่วงของการกระทำความผิดนั้นยังเป็นนักศึกษาอยู่ และได้คืนเงินให้แก่เทศบาลฯ ครบถ้วนแล้ว สมควรให้โอกาสแก่นางสาวอารีวรรณได้กลับตัวเป็นพลเมืองดี จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี
ขอบคุณข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
10 กรณีคอร์รัปชันแห่งปี 2567 ป่วยทิพย์ชั้น 14 ‘โกงซ้อนโกง’
ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โพสต์ข้อความว่า 10 กรณี คอร์รัปชันแห่งปี 2567
อดีตบิ๊กข่าวกรองฝาก ป.ป.ช.เร่งปมป่วยทิพย์ชั้น 14 บอกเป็นการคอร์รัปชันที่รุนแรงที่สุด
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ตั้งป้อมชน 'ระบอบทักษิณใหม่' ประเดิม 18 ธ.ค. บุก ป.ป.ช. หึ่งล็อบบี้หนักล้มคดีชั้น 14
วงหารือฝ่ายต้านรัฐบาล ตั้งป้อมชน 'ระบอบทักษิณใหม่' นำร่อง 18 ธ.ค. บุกตึก ป.ป.ช. หลังได้กลิ่นล็อบบี้หนัก 3 กรรมการฯ ล้มคดีชั้น 14
‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ซัดคอร์รัปชันเลวร้าย นักการเมืองตัวดี โกงกินแสนล.ติดคุกไม่กี่ปีออกแล้ว
นันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง 'ใครจะกล้ามา'
ชี้จุดตาย 'รัฐบาลแพทองธาร' โกงกินมูมมาม ม็อบจุดติดแน่
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ทุจริตคือจุดตายของรัฐบาล