ธาริตจ๋อย! ศาลปกครองชี้ชัดพฤติการณ์ร้ายแรงไล่ออกชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้องคดีธาริตขอเพิกถอนมติชี้มูลร่ำรวยผิดปกติ ชี้ชัดพฤติการณ์ร้ายแรงมาก แม้คืนเงินที่ทุจริตแล้วก็ไม่เป็นเหตุให้ลดหย่อนโทษ คำสั่งไล่ออกชอบด้วยกฎหมาย

09 มี.ค.2565 – ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ฟ้องขอให้เพิกถอนมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ชี้มูลความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติ และคำสั่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 3 เม.ย.2560 ที่ลงโทษไล่นายธาริตออกจากราชการ

โดยศาลเห็นว่า เมื่อพิจารณาจากการที่ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงและพิจารณาวินิจฉัยมีมติว่านายธาริตเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอร่ำรวยผิดปกติโดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ และมีหนี้สินลดลงมากผิดปกติทั้งที่อยู่ในชื่อของนายธาริต นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ นายสนชัย ศรีทองกุล บริษัท ปิยธนวรรษ จำกัด และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ รวมมูลค่า 346,652,588.52 บาท แต่เนื่องจากทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติบางส่วนได้มีการโอน ยักย้าย แปรสภาพหรือซุกซ่อนทรัพย์สิน คงเหลือทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติที่ ป.ป.ช.มีคำสั่งอายัดไว้เป็นการชั่วคราวจำนวน 90,260687.40 บาท จึงเหลือทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติจำนวน 256,391,901.12 บาท แล้วเห็นได้ว่าพฤติการณ์แห่งการกระทำของนายธาริตมีความร้ายแรงเป็นอย่างมาก แม้จะอ้างว่ารับราชการมานาน ไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสีย หรือเคยกระทำความผิดใดๆ มาก่อน มีผลงานในการป้องกันปราบปรามการทุจริตและกระทำผิดในคดีสำคัญของบ้านเมืองเป็นที่ประจักษ์แก่สังคม ควรนำมาพิจารณาประกอบการกำหนดโทษตนเองด้วยนั้น ก็ไม่เป็นเหตุที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบเพื่อลดหย่อนการกำหนดโทษนายธาริตเป็นปลดออกจากราชการ

อีกทั้งก่อนที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้กำหนดโทษนายธาริต ก็ได้พิจารณาประกอบกับมติ ครม.แจ้งตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ นร.0205/ว234 ลงวันที่ 24 ธ.ค.2536 กำหนดแนวทางการลงโทษผู้กระทำผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการเป็นความผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งควรลงโทษเป็นไล่ออกจากราชการ การนำเงินที่ทุจริตไปแล้วมาคืน หรือมีเหตุอันควรปรานีอื่นใด ไม่เป็นเหตุให้ลดหย่อนโทษ เป็นการปลดออกจากราชการ และไม่ปรากฏว่าสํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประกอบกับในระหว่างการพิจารณาของศาล ปรากฏว่าศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติมูลค่า 341,797,811.58 บาทพร้อมดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติตามรายการ 49 รายการตกเป็นของแผ่นดิน ดังนั้นการที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งจากประธาน ป.ป.ชแล้วมีคำสั่งสํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่ 47/2560ลงวันที่ 3 เม.ย.2560 ลงโทษไล่นายธาริตออกจากราชการจึงชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 80 วรรคหนึ่ง(4)พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534

ส่วนที่นายธาริตโต้แย้งว่าสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีควรรอคำพิพากษาศาลปกครอง ศาลแพ่ง ที่ได้ยื่นฟ้องกรณี ป.ป.ช.ชี้มูลก่อนจะมีคำสั่งไล่ออกจากราชการ ศาลเห็นว่าไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดกำหนดให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรอคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลก่อนออกคำสั่งลงโทษ หรือกรณียกคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีหมายเลขดำที่อม.209/2561 หมายเลขแดงที่อม. 258 /2562ขึ้นมาแล้วเทียบเคียงว่าการชี้มูลข้อกล่าวหาที่มาจากการไต่สวนซึ่งมีอำนาจจำกัดแต่เฉพาะการบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของนายธาริตที่ได้มาในระหว่างการดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ตามที่ระบุไว้ในคำสั่งเท่านั้นจึงต้องถือเป็นการชี้มูลความผิดนายธาริตในขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอและถือเป็นการไต่สวนนายธาริตในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งสูงตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.2542 นั้น ศาลเห็นว่าคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยถึงอำนาจการไต่สวนของ ป.ป.ช. และกรณีที่จะต้องบังคับแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้นไม่อาจตีความคำพิพากษาดังกล่าวเช่นที่นายธาริตสรุปได้ข้อกล่าวอ้างของนายธาริตจึงไม่อาจรับฟังได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดชื่อผู้สมัคร ป.ป.ช. 3 เก้าอี้ คนดังเพียบ ผู้พิพากษา อัยการ บิ๊กทหาร-ตำรวจ อดีตผู้ว่าฯ

สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรณีแทนตำแหน่งที่ว่าง (พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.

'ดีเอสไอ'​ แจ้งเพิ่มข้อหา 18 บอส 'ดิไอคอน' คดีแชร์ลูกโซ่-​ขายตรง

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 115/2567 และคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณีการดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก

พยาน 20 คน ฝั่งดิไอคอน ให้ปากคำดีเอสไอ ทนายขอให้สอบพยานเพิ่มอีกกว่า 2 พันคน

นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ผู้ต้องหาคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป พาพยาน 20 คน ในฝั่ง "ดิไอคอน" เข้าพบ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ “กองคดีฮั้วประมูล” ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำยืนยันว่าดำเนินธุรกิจขายสินค้าบริษัทฯ จริง

'อิ๊งค์' แค่พยักหน้า ปม รพ.ตร. ไม่ยอมส่งเวชระเบียน 'พ่อนายกฯ' ให้ ป.ป.ช.

'นายกฯอิ๊งค์' ปฏิเสธตอบคำถาม ปม รพ.ตำรวจ ไม่ส่งเวชระเบียนรักษาตัว 'ทักษิณ' หลัง ‘ป.ป.ช.’ ทวงแล้ว 3 ครั้ง ทำแค่พยักหน้ารับทราบ

‘ผู้การจ๋อ’ ส่งทนายยื่นหนังสือ ‘ผบ.ตร.’ ยัน ป.ป.ช.ไม่ชี้มูล คดี ‘อัจฉริยะ’ ร้องเรียน

ทนายความของ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำมติ ป.ป.ช.ที่ไม่ชี้มูลความผิด กรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้องทุกข์กล่าวโทษ