“บิ๊กตู่” ถกคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ชาติเห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 เตรียมเสนอ ครม.พิจารณา คาดประกาศใช้แผนฯ ภายใน ต.ค.65 ย้ำให้ทุกหน่วยงานศึกษา ทำความเข้าใจ เชื่อมโยงสู่แผนระดับ 3 ของหน่วยงาน
21 ก.พ. 2565 - เวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่1/2565 ภายหลังการประชุม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายว่า ปี 2565 เป็นปีที่รัฐบาลแก้ไขปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าและแก้ปัญหาหนี้ต่าง ๆ ทั้งระบบ โดยในการทำงานแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะต้องอาศัยความตั้งใจจริงและความทุ่มเทในการทำงานของทุกคน เชื่อมั่นว่าทุกคนทำได้เพื่อประเทศ ซึ่งจะต้องทำงานแบบไม่หว่านแหทั่วไป ทั้งนี้ ในหลายพื้นที่ คนมีความพร้อมอยู่แล้วแต่อาจเข้าไม่ถึงโอกาส จึงต้องพิจารณาจัดกลุ่มเป็น 3 กลุ่มคือ 1. กลุ่มที่มีความพร้อมอยู่แล้ว สามารถขยายให้โตขึ้นได้ 2. กลุ่มที่มีความพร้อมปานกลาง ให้เสริมเติมเต็มความเข้มแข็งเพิ่มขึ้น 3. กลุ่มที่ต้องให้อยู่รอดให้ได้ ไม่ให้ล้ม โดยต้องทำแผนงาน จัดงบประมาณลงไปตามศักยภาพของพื้นที่ ให้เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากทุกอำเภอ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดประเมินผลการทำงานของข้าราชการ ขณะที่ตัวชี้วัดรายกระทรวง รายหน่วยงาน จะต้องเป็นตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนการดำเนินงานของหน่วยงานในลักษณะเชิงบูรณาการ ซึ่งจะนำมาเป็นข้อพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณของหน่วยงานต่อไปด้วย
นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำถึงการทำงานตามแผนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามห้วงเวลาที่กำหนดในแต่ละปี ว่าขึ้นกับตัวชี้วัด การประเมินผล และความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหา นายกฯ ไม่มีอะไรกับใครทั้งสิ้น ทำงานเพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า สิ่งสำคัญคือตัวเลขเฉลี่ยรายได้ของประชาชน ที่วันนี้ต้องดูตัวเลขความยากจนรายอาชีพ ว่าแต่ละอาชีพควรจะมีรายได้เท่าไร ที่จะสามารถจะดำรงชีพอยู่ได้ ซึ่งจะต้องสอดคล้องกันทั้งหมด โดยการแก้ปัญหาความยากจนที่สำคัญที่สุดคือการแก้ปัญหารายครัวเรือน และรายกลุ่มอาชีพ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมการจัดทำ (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ฯ โดย สศช. ที่ได้จัดทำมาเป็นอย่างดี โดยในการทำงานตามแผนพัฒนาฯ ภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ประชาสังคม ต้องร่วมมือกันทั้งหมดเพื่อให้การดำเนินงานตามแผนได้สำเร็จ พร้อมกล่าวขอบคุณวุฒิที่สภาที่ได้ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
นายธนกร กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯพิจารณาให้ความเห็นชอบเรื่องสำคัญ 2 เรื่องดังนี้
1. เห็นชอบหลักการ แนวทาง และการดำเนินการปรับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สำนักงานฯ) ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ โดยหลักการการปรับแผนแม่บทฯ เป็นการดำเนินการตามพ.ร.บ. การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 10 วรรค 4 บัญญัติให้ในกรณีที่คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเห็นว่ามีความจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมแผนแม่บท ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงหรือความจำเป็นของประเทศ อย่างไรก็ตาม สำหรับการทบทวนยุทธศาสตร์ชาติตามนัยของมาตรา 11 ของ พ.ร.บ. ดังกล่าว สถานการณ์ และการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลต่อวิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ชาติแต่อย่างใด เนื่องด้วยยุทธศาสตร์ชาติเป็นกรอบการพัฒนาประเทศที่มีประเด็นการพัฒนาที่ครอบคลุมในทุกมิติของการพัฒนา มีความยืดหยุ่นตามบริบทการเปลี่ยนแปลงของโลกและประเทศ พร้อมรองรับผลกระทบเชิงลบในมิติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ดังนั้น จะยังคง “เป้าหมาย” ตามยุทธศาสตร์ชาติไว้เช่นเดิม แต่จะมีการปรับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ(Ways) ซึ่งเป็นแผนระดับที่ 2 ที่มีการบูรณาการระหว่างยุทธศาสตร์ชาติด้านที่เกี่ยวข้อง โดยมีการถ่ายระดับเป้าหมายและประเด็นการพัฒนามาจากยุทธศาสตร์ชาติ (Ends) โดยตรง รวมทั้งมีการกำหนดค่าเป้าหมายของแต่ละประเด็นที่จะต้องบรรลุอย่างเป็นรูปธรรมในแต่ละห้วงการพัฒนา ห้วงละ 5 ปี เพื่อที่หน่วยงานของรัฐจะได้นำไปใช้ประกอบการจัดทำแผนระดับที่ 3 และโครงการ/การดำเนินงานให้สอดคล้องกันต่อไป
นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเห็นชอบให้สำนักงานฯ ดำเนินการตามแนวทางการปรับแผนแม่บทฯ ด้วยแล้ว เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินการสามารถบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติได้อย่างเป็นรูปธรรมตามระยะเวลาที่กำหนด สำหรับแนวทางการปรับแผนแม่บทฯ จะดำเนินการปรับเฉพาะเป้าหมายระดับแผนแม่บทย่อยที่อาจไม่ส่งผลต่อเป้าหมายระดับประเด็น ตัวชี้วัด ที่ไม่ได้มีหน่วยงานจัดเก็บ หรือที่ยกเลิกจัดเก็บหรือไม่ได้มีการจัดเก็บที่ต่อเนื่อง ค่าเป้าหมาย เฉพาะบางเป้าหมายที่บรรลเป้าหมายไปแล้ว หรือค่าเป้าหมายที่ยังไม่ได้มีการกำหนด หรือกำหนดไม่ชัดเจน และแนวทางการพัฒนาเฉพาะบางแนวทางที่ยังไม่สะท้อนการบรรลุเป้าหมาย ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ พัฒนา ปรับปรุงข้อมูลให้สามารถนำไปใช้พัฒนาจัดทำตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนการพัฒนาตามเป้าหมายของแผนได้อย่างครอบคลุม ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำในเรื่องการจัดทำตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนการดำเนินงานของหน่วยงานในลักษณะเชิงบูรณาการเพื่อนำไปสู่การจัดสรรงบประมาณของหน่วยงานต่อไป
นายธนกร กล่าวว่า 2. เห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ซึ่งเป็นแผนระดับที่ 2 ที่ระบุทิศทางและเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่ครอบคลุมเฉพาะประเด็นการพัฒนาประเทศที่มีลำดับความสำคัญสูง โดยมีแนวคิดที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1) หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2) การสร้างความสามารถในการ “ล้มแล้ว ลุกไว” มุ่งเน้นการพัฒนาความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ประกอบด้วย การพร้อมรับ หรือ ระดับ “อยู่รอด” การปรับตัว หรือ ระดับ “พอเพียง” และ การเปลี่ยนแปลงเพื่อพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน หรือระดับ “ยั่งยืน” 3) เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิด“ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และ 4) การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียวเพื่อ พลิกโฉมประเทศไทยสู่ “สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน” โดยมีเป้าหมายหลักที่ต้องการบรรลุผล 5 ประการ 1) การปรับโครงสร้างการผลิตสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม 2) การพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่ 3) การมุ่งสู่สังคมแห่งโอกาสและความเป็นธรรม 4) การเปลี่ยนผ่านการผลิตและบริโภคไปสู่ความยั่งยืน และ 5) การเสริมสร้างความสามารถของประเทศในการรับมือกับความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงภายใต้บริบทโลกใหม่ ร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 จำแนกออกเป็น 4 มิติ13 หมุดหมายการพัฒนาฯ เพื่อถ่ายทอดเป้าหมายหลักไปสู่การขับเคลื่อนที่ชัดเจน
ทั้งนี้ หลังจากที่คณะกรรมการฯ เห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 แล้วสำนักงานฯ จะดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภาและนำทูลขึ้นเกล้าฯ โดยคาดว่าจะประกาศใช้แผนฯ ได้ภายในเดือนตุลาคม 2565 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานศึกษาและทำความเข้าใจแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 เพื่อสามารถเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องสู่แผนระดับ 3 ของหน่วยงานในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน และสำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณแบบพุ่งเป้า/บูรณาการให้เกิดการขับเคลื่อนในระดับประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ สั่ง 'คลัง-มหาดไทย' ร่วมตั้งคณะทำงานจัดหาที่ดินของรัฐมาสร้างบ้านให้ประชาชน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ว่า ในที่ประชุมนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการให้ที่อยู่อาศัยของประชาชนโดยระบุว่ายังมีประชาชนจำนวนมาก
ครม.อนุมัติร่างกฎกระทรวงเก็บเงินเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ชดเชย 2 กรณี ลาออก-ตาย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.) และร่างกฎกระทรวงรวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
ครม.อนุมัติงบกลาง 2.5 พันล้าน ฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินแผนงาน
'อุ๊งอิ๊งออนทัวร์' เตรียมบินไปจีนแก้ปัญหาแก๊งเทา ลัดฟ้าไปเปรู ประชุมเอเปค
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าร่
‘เวชระเบียน’หลอนทักษิณ โยนรพ.ตำรวจมอบให้ปปช.
นายกฯ พยักหน้ารับปม "ป.ป.ช." ทวงถามเวชระเบียนรักษาตัว
'อิ๊งค์' แค่พยักหน้า ปม รพ.ตร. ไม่ยอมส่งเวชระเบียน 'พ่อนายกฯ' ให้ ป.ป.ช.
'นายกฯอิ๊งค์' ปฏิเสธตอบคำถาม ปม รพ.ตำรวจ ไม่ส่งเวชระเบียนรักษาตัว 'ทักษิณ' หลัง ‘ป.ป.ช.’ ทวงแล้ว 3 ครั้ง ทำแค่พยักหน้ารับทราบ