ชงตั้ง 'ผู้จัดการภัยพิบัติ' สู้ 'เฟกนิวส์' แนะรัฐผนึก Google ตรวจจับแรงสั่นสะเทือน ใช้แอนดรอยด์ 2,000 ล. เครื่องเป็น sensor

นักวิชาการธรรมศาสตร์ แนะรัฐบาลเร่งจัดตั้งผู้จัดการภัยพิบัติ ทำหน้าที่สื่อสารสังคม-ประชาชน สร้างความชัดเจนข้อมูลแผ่นดินไหว ป้องกันประชาชนตระหนก เสนอผนึก Google ใช้ ‘แอนดรอยด์’ กว่า 2,000 ล้านเครื่อง ทำหน้าที่เป็น sensor ตรวจจับแรงสั่นสะเทือนขนาดเล็ก

1 เมษายน 2568 - รศ. ดร.อัจฉรา ชลายนนาวิน คณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า ในสถานการณ์วิกฤตและภัยพิบัติมักจะพบการเผยแพร่และส่งต่อข้อมูลที่ขาดความน่าเชื่อถือจนทำให้เกิดความตื่นตระหนัก รวมถึงพบการสื่อสารที่กระจัดกระจายของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะให้ข้อมูลหรือข่าวสารตามภารกิจส่วนงานของตัวเองเท่านั้น ทั้งหมดสะท้อนถึงการขาดเอกภาพในการบริหารจัดการข้อมูล ทั้งที่องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการจัดการภัยพิบัติคือการสื่อสาร ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง ไม่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก และไม่ทำให้เกิดการไหลบ่าของข้อมูลข่าวสารอย่างไร้ทิศทาง

รศ. ดร.อัจฉรา กล่าวว่า ในสถานการณ์หรือภาวะวิกฤต ภาครัฐควรมีการกำหนดหรือจัดตั้ง “ผู้จัดการภัยพิบัติ” ทำหน้าที่สื่อสารกับสังคมและประชาชน ใช้วิธีการสื่อสารระบบทางเดียว (One-way Communication) เพื่อป้องกันความสับสน โดยผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการภัยพิบัตินั้นอาจจะแปรผันไปตามความรุนแรงของเหตุการณ์หรือผลกระทบ หากอยู่ในระดับจังหวัดก็ควรให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น หากผลกระทบกว้างขวางในระดับประเทศก็ควรเป็นนายกรัฐมนตรีเป็น ส่วนในสถานการณ์ฟื้นฟูเยียวยารวมถึงช่วงเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติ ควรใช้วิธีการสื่อสารระบบสองทาง (Two-way Communication) แทน

สำหรับวิธีการป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่กระจัดกระจายผ่านทางออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย รัฐซึ่งเป็นผู้จัดการภัยพิบัติควรเชิญสื่อมวลชนประชุมทำความเข้าใจว่าให้เผยแพร่ข่าวอย่างเป็นทางการผ่านช่องทางของผู้จัดการภัยพิบัติเท่านั้น เช่น กรณีผู้ว่าฯ หมูป่า ท่านบอกกับสื่อเลยว่าห้ามไปฟังข่าวจากที่ไหน ต้องฟังข้อมูลจากศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เท่านั้น ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

นอกจากนี้ รัฐต้องทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงอาสาสมัครต่างๆ ด้วย เพราะบ่อยครั้งเราจะเห็นว่าคลิปวิดีโอเหตุการณ์ต่างๆ มักได้รับการถ่ายทอดจากเจ้าหน้าที่ หรืออาสาสมัครจนอาจทำให้คนเกิดความเข้าใจผิด และมีผู้ไม่หวังดีอาจนำรูปหรือคลิปไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องจนก่อให้เกิดการตื่นตระหนกในท้ายที่สุด

“เมื่อรัฐจัดตั้งช่องทางการสื่อสารผ่านผู้จัดการภัยพิบัติอย่างชัดเจนแล้ว ก็ควรจะมีการเพิ่มความถี่ในการสื่อสารให้มากขึ้น เพื่อป้องกันและต่อสู่กับเฟคนิวส์ที่แพร่กระจายอยู่ในโซเชียลมีเดียอย่างไม่ขาดสาย เพราะสถานการณ์ในรอบหนึ่งวันอาจเกิดเหตุการณ์ได้ต่างๆ มากมาย การรวบรวมสถานการณ์ตลอดทั้งวัน แล้วเผยแพร่เพียงครั้งเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชน ที่ติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา” รศ. ดร.อัจฉรา กล่าว

รศ. ดร.อัจฉรา ยกตัวอย่างกรณีของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้ข้อตกลงความช่วยเหลือด้านการจัดการภาวะฉุกเฉิน (EMAC) เมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ EMAC จะทำหน้าที่เป็นองค์กรหลักในการแจ้งเตือนและส่งข่าว รวมไปถึงการมีอำนาจเต็มเพื่อบริหารจัดการเรื่องภัยพิบัติในมิติต่างๆ การมีองค์กรหลักเพียงองค์เดียว ที่ทำหน้าที่ทั้งบริหารจัดการภัยพิบัติ และทำหน้าที่สื่อสารให้กับประชาชนได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีความเป็นเอกภาพในการทำงาน

รศ. ดร.อัจฉรา กล่าวอีกว่า เพื่อความรวดเร็วในการแจ้งเตือนแผ่นดินไหว รัฐบาลควรจะขอความร่วมมือไปยังบริษัทกูเกิล (Google) เพื่อขอเปิดการใช้งานระบบการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวผ่านระบบแอนดรอยด์ (Android Earthquake Alerts) อย่างเป็นทางการเพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับข้อมูลแผ่นดินไหวที่ทันเวลา เพราะระบบมีศักยภาพในการแจ้งเตือนล่วงหน้าหลายวินาทีก่อนเกิดแรงสั่นสะเทือน ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถหนีไปยังที่ปลอดภัยได้ในที่สุด

นั่นเพราะ Google สามารถใช้มือถือของผู้ใช้เองเป็นเซ็นเซอร์ โดยใช้วิธีการตรวจจับแบบ crowdsourcing ซึ่งอาศัยข้อมูลจากโทรศัพท์ที่ใช้ระบบแอนดรอยด์ (Android) ทุกเครื่องทั่วโลก โดยภายในมีเซ็นเซอร์วัดความเร่ง (accelerometers) ที่สามารถตรวจจับแรงสั่นสะเทือนได้ ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าแผ่นดินไหวกำลังเกิดขึ้น การใช้โทรศัพท์ Android มากกว่า 2,000 ล้านเครื่องทั่วโลก ให้ทำหน้าที่เป็น sensor หรือ เครื่องตรวจจับแผ่นดินไหวขนาดเล็ก (mini-seismometers) เพื่อสร้างเครือข่ายตรวจจับแผ่นดินไหวที่ใหญ่ที่สุดในโลก โทรศัพท์จะตรวจจับแรงสั่นและความเร็วของแรงสั่น แล้วแจ้งเตือนผู้ใช้ Android ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างถูกต้อง

นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากผ่านพ้นภัยพิบัติในครั้งนี้ผ่านพ้นไป สิ่งที่ทุกภาคส่วนควรตระหนักและถอดบทเรียนร่วมกันคือการบริหารจัดการก่อนเกิดภัยพิบัติ ซึ่งจะเป็นการวางแผนล่วงหน้า เพื่อทำให้ทุกคนรับรู้ว่าตนเองควรจะปฏิบัติตนอย่างไรเมื่อเกิดภัยพิบัติ รวมไปถึงความเข้าใจในการเลือกรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง จากหน่วยงานที่เชื่อถือได้
/////

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์กระแสเลือกตั้ง ชี้ผลโพล ‘คนกรุงเกือบครึ่งยังลังเล’ พบได้ไม่บ่อย

นักวิชาการธรรมศาสตร์ ระบุพบไม่บ่อย กรณีโพลสะท้อนกระแสการเมือง “คนกรุง” เกือบครึ่งยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใคร-พรรคใด เชื่อจุดตัดสำคัญอยู่

ยังไม่ใช่เวลาเจรจาสันติภาพ นักวิชาการ มธ. ชี้ต้องปกป้องอธิปไตยก่อน แนะวิธีสื่อสารเชิงรุกสู้กัมพูชา

นักวิชาการธรรมศาสตร์ ระบุขณะนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพูดคุยเจรจาสันติภาพกับกัมพูชา แต่ปลายทางคือต้องเจรจาบนโต๊ะ ชี้ไทยต้องปกป้องอธิปไตยไปจนสถานการณ์กลับสู่ปกติก่อนแล้ว

สภาสูงอวยรัฐบาลแก้น้ำท่วมไม่ล่าช้า! แต่ติดใจเงินเยียวยา 9 พันบาท

'สว.ภิญญาพัชญ์' ชี้รัฐบาล ควรจัดศูนย์ One Stop Service บริการ ปชช. เร่งจ่ายเงินเยียวยา ถามให้ 9,000 เท่าเทียมหรือไม่ มองรัฐบาลทำงานไม่ล่าช้า ลงพื้นที่รวดเร็ว

‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ เราจะไปอยู่ไหนดี จังหวัดที่ฝุ่นน้อย ภัยพิบัติไม่ค่อยมี

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัย