นักวิชาการ มธ. จับตา 'สหรัฐ-ไทย' ความเสี่ยงกับ 2 นโยบาย 'ทรัมป์'

นักวิชาการธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ผลพวงสงครามการค้าสหรัฐฯ ชี้ ‘ไทย’ ยังไม่ได้รับกระทบจาก โดยตรง เหตุ “ทรัมป์” พุ่งเป้าไปที่ประเทศปัญหา ‘ยาเสพติด-เข้าเมืองผิดกฎหมาย’ เป็นลำดับแรก แต่ในทางอ้อมการขึ้นภาษีสินค้าจีน 10% อาจทำให้คำสั่งการผลิตในไทยลดลงได้ แนะจับตาอีก 2 มาตรการที่ยังไม่ประกาศ “ขึ้นภาษีสินค้าจากประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ – มาตรการกีดกันการค้าจากสหรัฐฯ” หากใช้จริง ไทยอาจตกเป็นเป้าหมายด้วย

10 ก.พ.2568 - จากนโยบายการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่เตรียมขึ้นภาษีสินค้าจาก 3 ประเทศ ได้แก่ จีน 10% และแคนาดา เม็กซิโก 25% โดยสองประเทศหลังนี้ ยังชะลอออกไปก่อนนั้น

ดร.ปองขวัญ สวัสดิภักดิ์ อาจารย์สาขาการระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า หากพิจารณาแค่ในบริบทของการประกาศขึ้นภาษีสินค้าจาก 3 ประเทศ ตามที่ทรัมป์ประกาศ พบว่าไทยคงยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากไทยยังไม่ใช่เป้าหมายของการขึ้นกับแพงภาษีของทรัมป์ในรอบนี้

ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงเป้าหมายในการขึ้นภาษีสินค้าในรอบนี้ คือพิจารณาคำสั่งฝ่ายบริหารอย่างละเอียดแล้ว จะพบว่าทรัมป์ให้ความสำคัญไปที่ปัญหาคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและยาเสพติดมากกว่า โดยมีการกล่าวถึงความเสียเปรียบจากการค้ากับประเทศอื่นๆ ไม่มากนัก ดังนั้น ถ้ามองว่าในระยะแรกทรัมป์ให้ความสำคัญกับเรื่องคนเข้าเมืองและยาเสพติด มากกว่าเรื่องการค้าและการสร้างการผลิตในประเทศ ประเทศไทยก็อาจจะยังไม่ได้อยู่ในกลุ่มเป้าหมายในระยะแรก

อย่างไรก็ตาม การขึ้นภาษีสินค้ากับจีน 10% ที่ไม่ได้ถูกยืดเวลาออกไปเช่นในกรณีของภาษีต่อแคนาดาและเม็กซิโก อาจจะส่งผลต่อไทยโดยอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าของจีนที่อาจมีห่วงโซ่การผลิตอยู่ในไทย เนื่องจากเมื่อความสามารถในการส่งออกของจีนมีน้อยลง ก็อาจจะส่งผลต่อคำสั่งการผลิตในไทยในไทยได้

ดร.ปองขวัญ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยอาจจะต้องตามดูความเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างใกล้ชิด ที่กล่าวเช่นนี้เนื่องจากว่ารัฐบาลทรัมป์มีลักษณะคาดการณ์ได้ยาก แม้ว่าเราอาจจะรู้คร่าวๆ ถึงนโยบายที่ทรัมป์น่าจะประกาศใช้ แต่เราไม่มีทางรู้ได้ว่าทรัมป์จะประกาศใช้ในช่วงใด และในลักษณะใด ก่อนหน้านี้มีสิ่งที่ทรัมป์ประกาศอยู่ 2 เรื่องที่อาจจะกระทบกับไทยโดยตรง นั่นคือทรัมป์จะขึ้นภาษีสินค้าจากประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ และมีมาตรการกีดกันการค้าจากสหรัฐฯ และทรัมป์จะขึ้นภาษีสินค้าของบริษัทจีนแม้ว่าจะผลิตและส่งออกจากประเทศอื่น ทั้งสองกรณีนี้ ถ้าทรัมป์ประกาศใช้จริง ไทยก็อาจตกเป็นเป้าหมายได้

แต่ทั้งนี้ที้ทั้งนั้น เนื่องจากเราเห็นตัวอย่างจากกรณีของแคนาดาและเม็กซิโกแล้วจะพบว่า ทรัมป์ยังคงเชื่อในการเจรจา ดังนั้น หากเรารู้ว่าการขึ้นกำแพงภาษีนั้นมีเป้าหมายจริงๆ เป็นเรื่องอะไร ก็อาจเจรจากับสหรัฐฯ ในลักษณะยื่นหมูยื่นแมวได้ ในระยะยาว ไทยอาจจะต้องพยายามกระจายกระส่งออกไปยังประเทศต่างๆ มากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพิงการส่งออกไปยังสหรัฐฯ

ดร.ปองขวัญ กล่าวอีกว่า ทรัมป์มองว่าตัวเองเป็นนักเจรจา ดังนั้นในกรณีการชะลอการขึ้นภาษีสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเป็นตัวอย่างชัดเจน สำหรับทรัมป์ การจะประสบความสำเร็จในการเจรจา จำเป็นจะต้องใช้เครื่องมือที่ทำให้ตัวเองได้เปรียบมากที่สุด ในกรณีแคนาดากับเม็กซิโก ภาษีเป็นเครื่องมือสร้างความได้เปรียบของสหรัฐฯ ในการกดดันในทั้งแคนาดาและเม็กซิโกเอาจริงเอาจังในเรื่องคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและยาเสพติดมากขึ้น เนื่องจากทั้งสองประเทศนี้พึ่งพาทั้งการส่งออกและนำเข้าจากสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก และเมื่อทรัมป์บรรลุเป้าหมายทำให้ทั้งสองประเทศนี้สัญญาว่าจะรับผิดชอบในเรื่องคนเข้าเมืองและยาเสพติดมากขึ้น ทรัมป์จึงชะลอการขึ้นภาษีสินค้าออกไปก่อน

สำหรับการดำเนินนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐฯ ที่มีขึ้นในช่วงเวลาที่ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน และหารือกับ นายสี จิ้นผิง จะมีผลต่อรัฐบาลไทยหรือไม่นั้น นักวิชาการธรรมศาสตร์รายนี้ ระบุว่า ท่าทีที่ใกล้ชิดกับจีนมากเกินไปอาจเรียกความสนใจจากสหรัฐฯ ให้ตระหนักถึงการเกินดุลการค้าของไทยกับสหรัฐฯ และการเป็นฐานการผลิตให้กับสินค้าของจีน

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่อยากให้กังวลในเรื่องท่าทีของไทยต่อจีนมากเกินไป ทั้งนี้ เนื่องจากถ้าดูลักษณะการดำเนินนโยบายต่างประเทศของทรัมป์ จะพบว่าทรัมป์แทบจะไม่ดำเนินนโยบายกดดันประเทศที่เป็นมิตรหรือใกล้ชิดประเทศที่เป็นเป้าหมายโดยตรง แต่จะใช้มาตรการที่จัดการประเทศที่เป็นเป้าหมายโดยตรงมากกว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะทรัมป์เองก็ไม่เคยมองว่าความเป็นพันธมิตรหรือเพื่อนในสังคมระหว่างประเทศมีความสำคัญและจีรังยั่งยืน

นอกจากนี้ การที่ทรัมป์ให้ความสำคัญกับการเจรจาที่เป็นแบบยื่นหมูยื่นแมวหรือ transactional อาจทำให้ไทยยังคงเจรจากับสหรัฐฯ ได้โดยเอาผลประโยชน์ โดยเฉพาะผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจเป็นที่ตั้ง ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะมีท่าทีอย่างไรกับสีจิ้นผิง

“ท่ามกลางแรงกดดันทั้งจากสหรัฐและจีนในขณะนี้ ภาคธุรกิจอาจจะต้องจับตาปฏิกิริยาระหว่างทั้งสองประเทศนี้อย่างใกล้ชิด หากสหรัฐฯ ยังไม่ได้มีมาตรการขึ้นภาษีสินค้าจีนที่ผลิตและส่งออกจากประเทศอื่นด้วย ไทยก็อาจจะยังได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตจากจีนอยู่ อย่างไรก็ดี ในระยะยาวไทยอาจจะต้องมองหาตลาดอื่นๆ นอกจากสหรัฐฯ และจีนเอาไว้ด้วยเช่นกัน” ดร.ปองขวัญ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'วราวุธ' สรุปผล ร่วมประชุม กมธ.ว่าด้วยสถานภาพสตรี ที่ UN แลกเปลี่ยนประสบการณ์ หลายประเทศชื่นชม พม.-ขอนำตัวอย่างไปขยายผล

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยถึงผลการนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรีสมัยที่ 69 (Commission on the Status of Women) หรือการประชุม CSW 69 ซึ่งปี 2568 เป็นวาระครบรอบ 30 ปี ปฏิญญาปักกิ่ง ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ (UN) นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

นักวิชาการ มธ. เห็นด้วย 'หวยเกษียณ' แนะเพิ่มเงินรางวัลจูงใจ ปชช.เก็บออม หนุนเปิดให้ถอนเงินได้เมื่อจำเป็น

  นักวิชาการธรรมศาสตร์ เห็นด้วยโครงการ ‘หวยเกษียณ’ เพื่อให้ ปชช. มีเงินออม แต่ ‘เงินรางวัล’ ยังไม่จูงใจเมื่อเทียบสลากรางวัลอื่นๆแนะเพิ่มเงินรางวัลจูงใจ-ปรับเงื่อนไขให้ถอนเงินได้เมื่อจำเป็น ชี้เพื่อประสิทธิภาพ-ความโปร่งใส ควรเพิ่มสัดส่วนภาคประชาสังคมเป็น ‘บอร์ดกองทุน กอช.’

กมธ.ความมั่นคง แนะรัฐบาลหาทางช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชายแดน หวั่นเกิดปัญหาเป็นลูกโซ่

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการฯ

อดีตรมว.คลัง เปิด ภูมิรัฐศาสตร์จะกระทบเศรษฐกิจโลก ไม่น่าเชื่อ 'อุ๊งอิ๊ง' เอาแต่แจกเงินละลายแม่น้ำ

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อ

นักวิชาการ เตือน ครม. หากเห็นชอบ ‘กาสิโน' เสี่ยงโดนร้องผิดมาตรฐานจริยธรรม

ยังต้องลุ้น คลัง เอาร่างกม.กาสิโนเข้าครม.พรุ่งนี้หรือไม่ นักวิชาการเตือน หากเห็นชอบ เสี่ยงโดนร้องเอาผิดมาตรฐานจริยธรรมฯ ชี้พฤติกรรมเข้าข่ายองค์ประกอบความผิด พบพรรคพท.ไม่เคยแจ้งนโยบายเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์กับกกต.-ไม่ได้จัดให้มีการศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน ก่อนเปิดบ่อนถูกกฎหมาย 

‘อดีตพระยันตระ’ เสียชีวิตในวัย 73 ปี ที่วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย  

เฟสบุ๊กเพจของวัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย ได้โพสต์รูปและข้อความเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2025 ว่าพระยันตระ หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ ประธานสงฆ์ของทางวัด ได้เสียชีวิตแล้ว