อดีตรองอธิการฯมธ.ยกเคส'หมอกระต่าย'แนะเลิกพูดเรื่องคนไทยขาดวินัย ไร้จิตสำนึกดูสาเหตุของปัญหาให้ชัด พร้อมเสนอวิธีแก้ 5 ข้อ จี้นายกฯลงมาให้ความสำคัญด้วยตนเอง
26 ม.ค.2565 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
ณ วันนี้ ไม่มีใครที่ไม่พูดถึงกรณีคุณหมอกระต่าย จักษุแพทย์อนาคตไกล ถูกรถจักรยานยนต์ที่มีตำรวจเป็นผู้ขับ ชนขณะเดินข้ามถนนบนทางม้าลายจนเสียชีวิต
ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลก็โจมตีรัฐบาล ผู้ที่ไม่ชอบพลเอกประยุทธ์ก็โจมตีพลเอก ประยุทธ์ คนอื่นๆก็ล้วนออกมาแสดงความเห็นว่าควรทำอย่างโน้น อย่างนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก และแน่นอนว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็มีอย่างน้อย 3 คน ก็ไม่พลาดที่จะแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อ ว่าจะต้องมีมาตรการอย่างไร จึงจะป้องกันอุบัติเหตุเช่นนี้ได้
จังหวัดอุดรธานี รีบออกข่าวว่า ทำทางม้าลายใหม่เป็นสีแดงขาว ซึ่งก็ดูสะดุดตาดี แต่ไม่มีความสวยงามแม้แต่น้อย ตามมาด้วยจังหวัดภูเก็ตซึ่งทำแบบเดียวกัน ต่อมากทม.ก็รีบมาแก้ไขทางม้าลายที่จุดเกิดเหตุ โดยมาเพิ่มลูกระนาดเล็กๆที่ทางม้าลายทั้ง 2 ด้าน เพื่อบังคับให้รถต้องชะลอความเร็วเมื่อใกล้จะถึงทางม้าลาย
ขณะนี้ดูเหมือนว่า คนที่เป็นคนสาธารณะทุกคนล้วนต้องออกมาแนะวิธีแก้ไขต่างๆนาๆ หรือไม่ก็แสดงความรู้สึกต่างๆ ไม่แน่ใจว่าทำเพื่ออะไร ทำไมเพิ่งทำ เป็นเพราะถ้าไม่ทำตัวเองจะดูไม่ดีหรือไม่ แบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกกันว่า
"โหนกระแส"
คำถามคือ ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เห็นมีใครแม้แต่คนเดียว ที่ให้ความสำคัญและออกมาพูดเรื่องนี้ ทำไมต้องรอให้เกิดการสูญเสียที่ทำให้เป็นข่าวเสียก่อน ก่อนหน้านี้ ทั้งนายกรัฐมนตรี ทั้งตำรวจใหญ่ ทั้งว่าที่ผู้สมัครผู้ว่ากทม ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว ที่จะประกาศว่า จะต้องทำให้รถทุกคัน จักรยานยนต์ทุกคัน หยุดให้คนเดินเท้าข้ามถนนบนทางม้าลาย แต่เมื่อเกิดเหตุนี้ขึ้น ต่างก็แย่งกันออกมาแสดงความเห็น ให้คำแนะนำกันไม่เว้นแต่ละวัน
อุบัติเหตุเช่นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพียงแต่จะเป็นไม่เป็นข่าวหรือไม่เท่านั้น
ผมเป็นคนหนึ่งที่หยุดรถให้คนข้ามถนนบนทางม้าลายทุกครั้ง เป็นคนหนึ่งที่หงุดหงิดทุกครั้งที่ต้องข้ามถนนบนทางม้าลาย ผมพูดเรื่องนี้มากว่า 30 ปีแล้ว ทุกครั้งที่ผมหยุดรถให้คนข้ามถนน ก็จะต้องหวาดเสียวทุกครั้งเพราะมีแต่รถที่ตามหลังผมที่ต้องหยุดตาม แต่รถในช่องจราจรข้างๆไม่มีใครหยุด มีแต่เร่งความเร็วเพื่อให้ผ่านไปได้โดยไม่ต้องหยุด เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ผมก็เพิ่งโพสต์เรื่องนี้ใน face book ไม่ทันไรก็เกิดเหตุนี้ขึ้น
นานมาแล้ว มีเครือญาติผม 2 คน เป็นพี่น้องกัน เป็นสุภาพสตรี เป็นโสดและเป็นผู้สูงอายุทั้งคู่ ทั้งสองอยู่บ้านเดียวกัน ไปไหนไปด้วยกัน เรียกว่าไม่เคยแยกจากกัน วันหนึ่งทั้งสองอยากนั่งรถประจำทางเที่ยวในกรุง จึงออกไปด้วยกัน เมื่อรถมาถึงถนนราชดำเนินตรงฝั่งโรงหนังเฉลิมไทยเก่า ทั้งสองก็ลงจากรถ เดินข้ามถนนบนทางม้าลาย เดินผ่านเกาะกลางถนนไปจนเกือบถึงอีกฝั่ง ในขณะที่คนหนึ่งก้าวขึ้นไปบนทางเท้าแล้ว อีกคนกำลังก้าวเท้ากำลังจะขึ้นตาม ทันใดนั้นก็มีรถจักรยานยนต์วิ่งมาด้วยความเร็วสูง เหมือนในกรณีคุณหมอกระต่าย พุ่งชนคนหลังเสียชีวิต เรื่องนี้ไม่เป็นข่าวเพราะผู้เสียชีวิตเป็นเพียงผู้สูงอายุธรรมดาคนหนึ่ง แต่ชีวิตของท่านก็มีค่าไม่น้อยไปกว่าคุณหมอกระต่าย ยังไม่ต้องพูดถึงอีกท่านที่ยังมีชีวิตอยู่ว่าจะลำบากยากเข็ญเพียงใดที่ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
การแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย หากคิดจะแก้ เลิกพูดเรื่องคนไทยขาดวินัย ไร้จิตสำนึก แต่ต้องดูสาเหตุของปัญหาให้ชัด
สาเหตุมี 3 ประการ ประการที่ 1 คือ ผู้ขับรถส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าการไม่หยุดให้คนข้ามถนนบนทางม้าลายเป็นความผิดตามกฎหมาย และเข้าใจผิดคิดว่ารถต้องไปก่อนคน คนข้ามถนนต้องระวังรถเอาเอง
ประการที่ 2 คนเดินเท้าส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบว่าคนเดินเท้าต้องได้สิทธิก่อนรถหากข้ามถนนบนทางม้าลาย แต่ไปเข้าใจว่าคนข้ามถนนบนทางม้าลายต้องรอจนกว่ารถจะว่างจึงข้ามได้ จะสังเกตได้ว่า หากเราหยุดรถให้คนข้ามถนนจะโค้งให้เรา หรือบางคนถึงกับยกมือไหว้ก็มี
ประการที่ 3 ตำรวจเองก็สับสนเกี่ยวกับข้อกฎหมาย และไม่เคยจับปรับผู้ขับรถที่ไม่หยุดให้คนข้ามถนนบนทางม้าลาย ส่วนใหญ่ได้แต่ยืนดู
เมื่อทราบสาเหตุ วิธีแก้ปัญหาก็ไม่ยากแต่ต้องใช้เงิน และใช้ความพยายาม โดยดำเนินการดังนี้
1. จัดทำแคมเปญระยะสั้น และระยะยาว ที่จะให้ความรู้ แก้ความเข้าใจผิดของผู้ใช้รถใช้ถนน งานนี้บริษัทโฆษนาชั้นนำทุกแห่งสามารถทำได้ โดยสื่อทุกชนิดต้องให้ความร่วมมือ
2. ให้การอบรมตำรวจจราจรทุกคนเสียใหม่ ให้ตำรวจให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้มากกว่าการพยายามให้รถไม่ติดเฉพาะในเขตของตัว
3. ติดกล้องวงจรปิดตรงทางม้าลายทุกแห่ง ส่งใบสั่งไปให้เจ้าของรถทุกคันที่ฝ่าฝืน แม้จะไม่สามารถระงับการต่อทะเบียนให้เจ้าของรถที่ไม่ชำระค่าปรับก็ไม่เป็นไร
4. ไม่จำเป็นต้องให้ตำรวจไปยืนเฝ้าทางม้าลายทุกแห่ง แต่หากบังเอิญอยู่ตรงนั้น และเห็นความผิดซึ่งหน้า ต้องจับปรับทันที ไม่ใช่ยืนมองเฉยๆ
5. ปรับปรุงทางม้าลายทุกแห่งให้กว้างขึ้น มองเห็นง่ายขึ้น ให้เหมือนกันหมดทั้งประเทศและคอยบำรุงรักษาอยู่เสมอ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำดังเช่นขณะนี้
หากท่านนายกรัฐมนตรีจะพักเรื่องการเมืองไว้ก่อน ลงมาให้ความสำคัญกับเเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เจียดงบประมาณจากงบกลางมาแก้ไขเรื่องนี้โดยด่วน และให้เห็นเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ไม่ใช่เฉพาะที่กทม. แต่ต้องทำทั่วประเทศ
ถ้าทำได้เช่นนี้ รับรองว่าท่านจะได้รับคำสรรเสริญจากประชาชนทั้งประเทศ และจะส่งผลดีต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน ไม่ว่าท่านจะอยู่พรรคใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เพื่อไทย' ไม่ฟังเสียงต้าน! ดันทุรังเข็น 'กิตติรัตน์' นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า รัฐบาลที่มาจากพรรคเพื่อไทยตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน
จับตา! ปม 'นักโทษเทวดา' จุดตาย 'ทักษิณ-เพื่อไทย'
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เป็นเพราะคุณไพบูลย์ นิติตะวัน โปรโมตเรื่องหมัดเด็ดที่อาจจะทำให้พรรคเพื่อไทยล่มสลายดีเกินไป
ต้องไม่ยอมมัน! อดีตรองอธิการบดี มธ. ปลุกขวางแก้ รธน. ทำลายความถูกต้อง-เป็นธรรม
ความพยายามในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราครั้งนี้ หากทำได้สำเร็จ จะเป็นลดความสำคัญของความซื่อสัตย์สุจริต และมาตรฐานทางจริยธรรม
ผู้ว่าฯธปท.จบจากที่ไหน 'นักวิชาการ' แนะดูคลิปแล้วจะตัดสินได้เองว่าสมควรเชื่อใคร
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า s
หยาม 'มาดามแพ' ไม่ได้เขียนนโยบายเอง ไร้วิสัยทัศน์ มีแต่พรรณนา กังขาผุด 'กาสิโน' ทำเลทอง
'อ.หริรักษ์' เชื่อนโยบายรัฐบาลผู้เขียนคงไม่ใช่ตัว'แพทองธาร' ภาพรวมไม่ต่างรัฐบาลชุดก่อนคือไม่มีวิสัยทัศน์ มีแต่การพรรณนา ชี้ entertainment complex จุดหมายที่แท้จริงคือ casino ในทำเลทอง ส่วนอื่นๆเป็นเพียงส่วนประกอบ 'ดิจิทัลวอลเล็ต'งวด3คงไม่ได้แจกเพราะคงอยู่ไม่ถึง
อดีตรองอธิการบดี มธ. ห่วง ‘ภูมิธรรม’ คุมเหล่าทัพ ตัวเร่งรัฐประหารในอนาคตอันใกล้
การส่งคุณภูมิธรรมไปนั่งเป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพทั้ง 3 เหล่า เหมือนกับเป็นการบอกว่า อำนาจอยู่ที่ฉัน ฉันจะเลือกใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ได้