เผยขั้นตอนลงทะเบียนรับเงิน 'สงเคราะห์บุตร' 1,000 บาท สำหรับผู้ประกันตน

3 ม.ค.2568 - นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรของผู้ประกันตน เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 เป็น 1,000 บาทต่อเดือดต่อบุตร 1 คน จากเดิม 800 บาท ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ผู้ประกันตนที่มีบุตรสามารถยื่นขอรับเงินสงเคราะห์บุตร 1,000 บาท ได้ ซึ่งจะโอนเข้าบัญชีผ่านระบบพร้อมเพย์ทุกๆ สิ้นเดือน โดยมีรายละเอียดดังนี้

ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39 ,จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน สิทธิที่ท่านจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 800 บาทต่อบุตรหนึ่งคน ,ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้น บุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น ,อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน เว้นแต่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์

นายคารม กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนยื่นขอรับเงินสงเคราะห์บุตรผ่านเว็บไซต์ประกันสังคม 6 ขั้นตอน ดังนี้ 1.เข้าไปที่เว็บไซต์ประกันสังคม www.sso.go.th

2.ใส่รหัสเพื่อเข้าสู่ระบบ/หรือสมัครสมาชิก (หากยังไม่เคยสมัครสมาชิก) กรอกรหัสผู้ใช้งาน (เลขบัตรประจำตัวประชาชน) กรอกรหัสผ่านผู้ใช้งาน

3.หลังเข้าระบบสำเร็จ ให้ผู้ประกันตนเลือกไปที่เมนูยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนด้วยตนเอง (e-Self Service) 4.จากนั้นให้ผู้ประกันตนเลือกไปที่เมนู "ขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุน" 5.จากนั้นผู้ประกันตนเลือก "สงเคราะห์บุตร " 6.ให้ผู้ประกันตนกรอกข้อมูลตามที่ระบบระบุไว้ให้ถูกต้องครบถ้วน รวมถึงอัปโหลดเอกสารลงในระบบได้เลย

นายคารม กล่าวว่า ส่วนขั้นตอนยื่นด้วยตัวเองที่สำนักงานประกันสังคม ดังนี้ 1.ผู้ประกันตนต้องกรอกแบบ สปส.2-01 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา หรือยื่นขอรับทางไปรษณีย์โดยมีหลักฐานครบถ้วน (กรณีผู้ประกันตนยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตร 3 คน ในคราวเดียวกันสามารถใช้แบบคำขอฯ ชุดเดียวกันได้)

2.เจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานและพิจารณาอนุมัติ 3.สำนักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา และ4.พิจารณาสั่งจ่าย จ่ายเป็นรายเดือนโดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน

นายคารม กล่าวว่า หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร

1.แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)

2.กรณี ผู้ประกันตนเคยยื่นใช้สิทธิแล้ว และประสงค์จะใช้สิทธิสำหรับบุตรคนเดิม ให้ใช้หนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน จำนวน 1 ฉบับ

3.กรณีผู้ประกันตนหญิงใช้สิทธิ
3.1สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย) จำนวน 1 ชุด

4.กรณีผู้ประกันตนชายใช้สิทธิ
4.1 สำเนาทะเบียนสมรส หรือสำเนาทะเบียนหย่าพร้อมบันทึกแนบท้ายของผู้ประกันตนหรือสำเนาทะเบียนรับรองบุตร หรือสำเนาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1 ชุด
4.2 สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย จำนวน 1 ชุด)

5.กรณีเปลี่ยนชื่อ ชื่อ - สกุล ให้แนบสำเนาเอกสารใบเปลี่ยนชื่อ ชื่อ - สกุลด้วย จำนวน 1 ชุด

6.กรณีผู้ประกันตนต่างชาติขอรับประโยชน์ทดแทนให้ใช้สำเนาบัตรประกันสังคม และสำเนาหนังสือเดือนทาง (passport) หรือสำเนาหนังสือเดินทางชั่วคราวหรือเอกสารรับรองบุคคลที่ทางราชการออกให้ จำนวน 1ชุด

7.สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ จำนวน 1 ฉบับ

8.เอกสารประกอบการยื่นคำขอฯ ที่เป็นสำเนาให้รับรองความถูกต้องของสำเนาทุกฉบับ และแสดงเอกสารที่เป็นต้นฉบับเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ กรณี เอกสารหลักฐานสำคัญต่อการพิจารณาเป็นภาษาต่างประเทศให้จัดทำคำแปลเป็นภาษาไทยและรับรองความถูกต้องให้ครบถ้วน

9.ยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขาที่สะดวก (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)

นายคารม กล่าวว่า ทั้งนี้ ผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 สามารถยื่นเรื่องรับสิทธิภายในระยะเวลา 2 ปี นับแต่วันที่มีสิทธิ และได้รับถึงเมื่อบุตรอายุ 6 ปีบริบูรณ์เท่านั้น โดยต้องส่งเงินสมทบไม่ต่ำกว่า 12 เดือน ตลอดระยะเวลา 36 เดือนก่อนคลอด จึงจะได้รับสิทธิ กรณีผู้ประกันตนชายมาตรา 33 และ 39 ประกันสังคมให้สิทธิ รับสิทธิประโยชน์เงินสงเคราะห์บุตรแทนภรรยาที่ไม่ใช่ผู้ประกันตน โดยคุณพ่อที่จดทะเบียนสมรสกับภรรยา หรือจดทะเบียนรับรองบุตรว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย และจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน สามารถขอรับเงินสงเคราะห์บุตร 1,000 บาทได้ ตั้งแต่บุตรแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปีบริบูรณ์ สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการหมดสิทธิรับเงินสงเคราะห์บุตร มีดังนี้ บุตรอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ตัวบุตรเสียชีวิต ,ได้ยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น และสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตน

“หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันสังคมได้ที่ www.sso.go.th หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง” นายคารม กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวดี ! ผู้ประกันตนรับเงินสงเคราะห์บุตรเพิ่มเป็นหนึ่งพันบาทต่อบุตรหนึ่งคน มีผลบังคับใช้มกราคม 68

นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เผยว่าตามที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมศึกษาการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร เพื่อส่งเสริมการมีบุตรให้กับผู้ประกันตน ด้วยสาเหตุจากประเทศไทยมีอัตราการเกิดของประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง

ประกันสังคม ดูแลผู้ประกันตนทุกช่วงวัย โชว์ความสำเร็จการดำเนินงาน ปี 67

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้เปิดการแถลงข่าว ผลการดำเนินงานสำนักงานประกันสังคม ประจำปี 2567

ประกันสังคม ย้ำสิทธิการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยพลาสมาคุณภาพสูง เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ประกันตนทุกช่วงวัย

นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน (สปส.) กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค พร้อมมุ่งพัฒนาสิทธิการรักษาพยาบาลให้กับผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่อง

ผู้ประกันตนอย่าลืม เช็กสิทธิประกันสังคม “ทำฟัน” ก่อนหมดปี 67

นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน (สปส.) กล่าวเตือนผู้ประกันตนอย่าลืมไปใช้สิทธิกรณีทันตกรรม ก่อนหมดสิ้นปี 2567 สำนักงานประกันสังคม ให้สิทธิผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 สามารถทำฟัน โดยการถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูนและผ่าตัดฟันคุด

ประกันสังคม เปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนเปลี่ยน รพ. ปี 68 ผ่าน 4 ช่องทาง เริ่ม 16 ธ.ค.67 นี้

นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน แจ้งว่า สำนักงานประกันสังคม แจ้งให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาลประจำปี 2568 ได้ ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 ผ่าน 4 ช่องทาง คือ 1.