นายกฯ มอบนโยบาย กอ.รมน. เน้น 3 ประเด็น ‘ปราบยาเสพติด-แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์-หนี้นอกระบบ’ กำชับองค์กรต้องปรับตัวยุคโลกเปลี่ยนผ่าน ย้ำกำลังพลต้องกระทัดรัดคล่องตัว ทำงานต้องมีKPI ขอยึดปชช. ปกสถาบัน พร้อมเผยอบอุ่น คุ้นเคยทหารนานแล้ว
23 ธ.ค.2567 - ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) เป็นประธานในงานสรุปผลการปฏิบัติงานประจำปี 2567 และแถลงแผนการปฏิบัติงาน ประจำปี 2568 ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าร่วม
น.ส.แพทองธาร กล่าวมอบนโยบายว่า การแถลงผลงานประจำปีของกอ.รมน.ถือเป็นทิศทางที่ดี และได้ทราบถึงผลงานที่ผ่านมาด้วยว่ากอ.รมน.มีส่วนช่วยในเรื่องไหนบ้างและเป็นตัวหลักในเรื่องไหนบ้าง เพื่อทำงานร่วมกับรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต ซึ่งความจริงแล้วมีหลายนโยบาย สำหรับรัฐบาลเองถือเป็นวาระแห่งชาติไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยาเสพติด ปัญหาไซเบอร์ต่างๆที่ตอนนี้มีผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนอย่างมาก ก็ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย อย่างปีนี้เองจะเห็นได้ชัดว่าปัญหาภัยพิบัติธรรมชาติ น้ำท่วม ต้องใช้ความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน และขอบคุณ กอ.รมน.ที่ ซัพพอร์ตเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยลง
นายกฯ กล่าวว่า ในฐานะผอ.รมน.จะมอบภารกิจสำคัญเพิ่มเติมให้กับ กอ.รมน. สำหรับปีงบประมาณ 2568 คือ ด้านความมั่นคงทางทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ประชาชนประสบภัยพิบัติต่างๆ นำความเสียหายมาให้ประชาชนและเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก และอีกไม่นานเราจะต้องรับมือของฝุ่น PM 2.5 ซึ่งต้องการความช่วยเหลือจากทุกฝ่าย ดังนั้นขอให้กอ.รมน.และจังหวัดร่วมเป็นด้านหน้าในการช่วยป้องกันเฝ้าระวังการลักลอบการตัดไม้ การเผาป่า เผาพืชทางการเกษตรที่จะก่อให้เกิดปัญหา PM 2.5 รวมถึงเฝ้าระวังการลักลอบกำจัดหรือฝังกลบกากอุตสาหกรรมหรือของเสียที่เป็นภัย โดยขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างเข้มข้น รัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนอย่างเข้มข้น ด้านความมั่นคงทางสังคม จะต้องดูแลชีวิตประจำวันของประชาชน จึงขอมอบหมายให้ กอ.รมน. ให้ความสำคัญใน 3 ประเด็น คือ 1. ปัญหายาเสพติด เป็นวาระแห่งชาติ ขอให้กอ.รมน. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)ตำรวจและฝ่ายปกครอง สกัดกั้นเส้นทางการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศ การปราบปรามยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด และค้นหาผู้เสพในชุมชนให้เข้ากระบวนการบำบัดรักษา และสร้างอาชีพไม่ให้กลับเข้าสู่วงจรของยาเสพติดอีกครั้ง
นายกฯ กล่าวต่อว่า 2.เรื่องการป้องกันและปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติและรับมือกับภัยร้ายต่างๆ ขอให้กอ.รมน.บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด และ3.เรื่องหนี้นอกระบบ ขอให้กอ.รมน.ร่วมมือกับฝ่ายปกครองร่วมลงพื้นที่แก้ปัญหาให้กับประชาชนที่ประสบปัญหานี้ ส่วนหนี้ในระบบรัฐบาลมีเรื่องนโยบายอยู่แล้วที่จะช่วยให้ประชาชนสามารถฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งพึ่งประกาศนโยบายออกไป รวมถึงการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ามีบทบาทสำคัญมาโดยตลอด โดยเฉพาะงานข่าวกรอง งานมวลชนที่เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. ไปรณรงค์ปลูกฝังในชุมชนขอให้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สร้างเอกภาพในการทำงานกับหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งมีจำนวนมาก เพื่อเพิ่มประสิทธิผลให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ทั้งนี้ขอมอบให้ นายภูมิธรรม ปฏิบัติภารกิจดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการพัฒนาประสิทธิภาพขององค์กร ปัญหาด้านความมั่นคงในปัจจุบันอย่างที่ทราบกัน มีความซับซ้อนมากกว่าเดิมในภัยคุกคามที่เกิดขึ้นทางด้านเทคโนโลยี ขอให้กอ.รมน.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กร โดยระบบการทำงานต้องทันสมัย ด้านเทคโนโลยีต้องเน้นย้ำให้ปรับตัวทันกับโลกและเปลี่ยนผ่านไปสู่ราชการที่ทันสมัย เป็นระบบดิจิทัลมากขึ้น ตรวจสอบได้ และโครงสร้างของ กอ.รมน .กำลังพลจะต้องกระทัดรัดคล่องตัว สามารถปรับตัวได้ง่าย สายการบังคับบัญชาต้องสั้นลง การทำงานต้องมีเป้าหมาย นอกจากมีเป้าหมายแล้วก็ต้องมีตัวชี้วัดผล(KPI) ที่ชัดเจนให้มากขึ้น บุคลากรที่มีความสามารถต้องได้รับความเจริญก้าวหน้า สนับสนุนต่อไปในอนาคต ทั้งหมดที่กล่าวมาขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ว่าฯที่ทำหน้าที่เป็นซีอีโอในบทบาทของ ผอ.รมน.จังหวัด โดยมีรองผอ.รมน.จังหวัดเป็นผู้ช่วย ขอให้ผอ.รมน.จังหวัดบูรณาการกำลังเข้ากับส่วนงานหลักที่รับผิดชอบในพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนงาน และการปฏิบัติของกอ.รมน.จังหวัด ที่มีผลงานให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
นายกฯ กล่าวตอนท้ายด้วยว่า โอกาสนี้ขออวยพรให้ปีใหม่นี้เป็นอย่างที่รัฐบาลพูดไว้ คือเป็นปีแห่งโอกาส ขอให้ทุกท่านในองค์กรให้โอกาสซึ่งกันและกัน พร้อมสนับสนุนซึ่งกันดูแลกัน เพราะประเทศจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ต้องอาศัยความสามัคคีของทุกฝ่าย เพื่อที่จะให้ประชาชนมีความสุข ประเทศชาติมีความสุข เราก็จะทำหน้าที่ของแต่ละคนอย่างเต็มที่ ขอให้ทุกท่านมีแรงกายแรงใจ ช่วยกันดูแลปกป้องประเทศของเรา พี่น้องประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้ช่วยกันอย่างเต็มที่ ขอให้ปีหน้าเป็นปีที่สดใส ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง หวังว่าจะได้ร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิดกับทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น และทำงานแบบบูรณาการมากยิ่งขึ้นต่อไป
จากนั้นนายกฯเยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า โดยมี ผบ.ทบ.เดินมาส่ง เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามนายกฯว่าอยู่ท่ามกลางความมั่นคงอบอุ่นหรือไม่และคุ้นกับทหารหรือยัง นายกฯหันมาตอบว่า “อบอุ่นมาก และคุ้นเคยนานแล้ว ตั้งแต่เรียนมินิ วปอ.”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ทักษิณ' อวย 'แพทองธาร' เก่งกว่าตัวเองสมัยเริ่มต้น ปัดเขียนสคริปต์ให้
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง ที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้กับรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บุตรสาว ว่า สงสัยสื่อมวลชนเห็นว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.)
สภาสูง ยั๊วะ รัฐบาล ข้ามหัว เทตอบ 5 กระทู้ ‘ยุคล’ ตั้งฉายา ‘นายกฯนินจา’ หนีสภา
‘สภาสูง’ ยั๊วะ รบ.ข้ามหัว เทตอบ 5กระทู้ ‘ยุคล’ ตั้งฉายา ‘นายกฯ นินจา’ หนีสภา ‘หมอเปรม’ อาลัย ‘แพทองโพย’ ไร้รับผิดชอบ แขวะใส่ชุดนอนตรวจทหาร หิ้วผัวใต้ออกงาน
'อนุทิน' ขอบคุณสื่อตั้งฉายา ภูมิใจทำประโยชน์บ้านเมือง ปัดขวางใคร อุ้ม 2 รมต.โลกลืม
'อนุทิน' น้อมรับฉายาสื่อทำเนียบฯ ลั่นภูมิใจทำประโยชน์ให้บ้านเมือง ไม่ได้คิดขวางใคร อวย 'แพทองธาร' ตั้งใจทำงาน แจงแทน 2 รมต.โลกลืม 'เพิ่มพูน' พูดน้อยแต่ผลงานอื้อ
‘แพทองธาร’ ยันพรรคร่วมไร้ปัญหา หลังภาพ 'ทักษิณ-อนุทิน' ออกรอบตีกอล์ฟด้วยกัน
ความจริงแล้วตนและนายอนุทิน ก็คุยกันอยู่แล้ว ถึงจะมีปัญหาอะไรก็คุยกันเคลียร์กันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆถึงเวลาถ้ามีอะไรก็คุย
ข่าวดี มท.รับรอง บัตรปชช. แอปฯ ThaID ใช้เช็กอินแทนบัตรจริงแล้ว
นายกฯ ขอบคุณ ส่วนราชการเร่งดำเนินการนโยบาย“รัฐบาลดิจิทัล”ลดขั้นตอนยุ่งยากให้ ปชช.ล่าสุด มท.รับรอง บัตร ปชช.จากแอปฯ ThaID สามารถโชว์รูปบัตรเช็กอินในประเทศโดยไม่ต้องใช้บัตรตัวจริงได้แล้ว
เหลียวหลังแลหน้า การเมืองไทย จาก 2567 สู่ 2568 ส่องจุดจบ ระบอบทักษิณภาค 2
รายการ"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด"สัมภาษณ์ นักวิชาการ-นักการเมือง สองคน เพื่อมา"เหลียวหลังการเมืองไทยปี 2567 และแลไปข้างหน้า