ครม.มีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงแรงงาน ให้ "นายจ้าง-ลูกจ้าง" ส่งเงินเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ต.ค.68 เป็นต้นไป กำหนด 5 ปีแรก เรียกเก็บฝ่ายละ 0.25% ของค่าจ้าง โดยชดเชยใน 2 กรณี "ออกจากงานหรือตาย"
5 พ.ย.2567 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.) และร่างกฎกระทรวงรวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ได้แก่ พ.ร.ฎ.กำหนดระยะเวลา เริ่มดำเนินการ จัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบทุนกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ.... โดยกำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสม และเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 68 เป็นต้นไป
ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ.... ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.68 เป็นต้นไป โดยกำหนดอัตราเงินสะสมจากลูกจ้างและเงินสมทบจากนายจ้างที่แต่ละฝ่าย จะต้องนำส่งเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ดังนี้ (1) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค 68- 30 ก.ย 73 ลูกจ้างและนายจ้าง ต้องนำส่ง เข้ากองทุนฯ ในอัตราร้อยละ 0.25 ของค่าจ้าง (2) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค 73 เป็นต้นไปลูกจ้างและนายจ้าง ต้องนำส่งเข้ากองทุน ในอัตราร้อยละ 0.5 ของค่าจ้าง
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย พ.ศ. ... ทั้งนี้หากนายจ้างไม่ได้จัดให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และไม่ได้จัดให้มีกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง นายจ้างต้องจัดให้มีการส่งของลูกจ้างตามหลักเกณฑ์ในร่างกฎกระทรวงนี้ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 68 เป็นต้นไป
เนื่องด้วย เศรษฐกิจปัจจุบัน มีความไม่แน่นอน ส่งผลให้สถานประกอบกิจการหลายแห่ง มีการเลิกจ้างลูกจ้าง ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และเป็นหลักประกันในการทำงานให้กับลูกจ้างกรณีต้องออกจากงานหรือตาย จึงต้องมีการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบ เพื่อเป็นเงินสงเคราะห์ลูกจ้างในกรณีดังกล่าว โดยกำหนดให้นายจ้าง หักค่าจ้างลูกจ้าง เพื่อเป็นเงินสะสม และให้นายจ้าง จ่ายเงินสมทบตามอัตรา ที่นายจ้างและลูกจ้างถูกลงทุนไว้ โดยเมื่อลูกจ้างลาออกหรือเกษียณอายุ หรือตกลงเลิกสัญญา ให้นายจ้าง มีหน้าที่คืนเงินสะสม และเงินสมทบพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ลูกจ้าง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ สั่ง 'คลัง-มหาดไทย' ร่วมตั้งคณะทำงานจัดหาที่ดินของรัฐมาสร้างบ้านให้ประชาชน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ว่า ในที่ประชุมนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการให้ที่อยู่อาศัยของประชาชนโดยระบุว่ายังมีประชาชนจำนวนมาก
ครม.อนุมัติงบกลาง 2.5 พันล้าน ฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินแผนงาน
‘สุริยะ’ แจงรถไฟ 3 สนามบิน ยังไม่เข้า ครม.สัปดาห์นี้ รอถก ‘พิชัย’ บ่ายนี้
สุริยะขี้สัมปทานรถไฟ 3 สนามบิน สัปดาห์นี้ยังไม่เข้าที่ประชุม ครม. เพราะต้องไปดูรายระเอียดอีกรอบ
'พิพัฒน์' รมว.แรงงาน ห่วงทายาทพนักงานกวาดถนนเทศบาลนครอ้อมน้อย ประสบเหตุถูกรถกระบะชนเสียชีวิต 2 ราย มอบประกันสังคม จ่ายเงินทดแทนกรณีตายในงาน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยและแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมมอบหมายให้ นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เร่งดำเนินการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิ
"พิพัฒน์" ขออภัย APP SSO PLUS กู้เพื่อที่อยู่อาศัย ล่ม ! สั่งการปลัดฯ เร่งแก้ไข เกาะติดหลังผู้ประกันตนแห่ลงทะเบียน 1 พ.ย.67
1 พฤศจิกายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงโรงงานโดยสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ร่วมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำ “
"พิพัฒน์" แสดงความเสียใจ 4 แรงงานเสียชีวิตในอิสราเอล สั่งการปลัดประสานเอกอัคราชทูต อพยพแรงงานภาคเหนือ ไปทางภาคใต้ของอิสราเอล ด่วน
1 พฤศจิกายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ออกมาแสดงความเสียใจ กรณีแรงงานไทยเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย จากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ว่า