ครม. ไฟเขียวหลักเกณฑ์เร่งรัดแก้ปัญหาสัญชาติกว่า 4.8 แสนคน

29 ต.ค. 2567 - นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนออนุมัติหลักเกณฑ์ เพื่อเร่งรัดให้มีการแก้ไขปัญหาสัญชาติ, สถานะของกลุ่มบุคคลที่อพยพเข้ามาในไทยเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย

โดยปัจจุบัน มีกลุ่มผู้อพยพเข้ามาเป็นเวลานาน ที่มีการสำรวจตั้งแต่ พ.ศ. 2527-2542 ประมาณ 120,000 คน และเป็นอีกหนึ่งกลุ่มอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน ซึ่งมีการสำรวจตั้งแต่ปี 2548-2554 มีประมาณ 215,000 คน กลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรของชนกลุ่มน้อย 29,000 คน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรของบุคคลที่ไม่มีสถานะตามทะเบียนประมาณ 113,000 คน รวมทั้งหมดประมาณ 483,000 คน

การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันนี้ เพื่อเป็นการลดขั้นตอนมอบสัญชาติให้กับบุคคลเหล่านี้ ที่ต้องใช้ระยะเวลาถึง 44 ปี เนื่องจากปัจจุบันการให้สัญชาติไทยให้กับบุคคลข้างต้น จะเป็นการยกเลิกขั้นตอนต่างๆ จำนวนมาก ซึ่งมีข้อสังเกตจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ หากให้สัญชาติไทยกับบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานาน ว่าจะเกิดผลกระทบใดตามมาหรือไม่ ประมาณ 2-3 ข้อ

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่ สภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และส่งให้กระทรวงมหาดไทย ประกาศบังคับใช้ในรายละเอียดไม่น้อยกว่า 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน

ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจำนวนกว่า 400,000 คนที่อยู่ในไทยอยู่แล้ว เป็นบุคคลที่อยู่มานาน และมีบ้านอาศัย สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งการที่ทำให้ถูกต้องบุคคลเหล่านี้ จะสามารถสัญจรไปมาได้ กระตุ้นเศรษฐกิจได้ และรู้ถิ่นฐานที่อยู่ของบุคคลเหล่านี้ได้ ซึ่งที่ประชุมของคณะรัฐมนตรี เล็งเห็นว่าเป็นประโยชน์ และมีการสอบถามความรอบคอบจากหลายหน่วยงานมาก่อนแล้ว

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติในหลักการตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เสนอ คือหลักเกณฑ์การเร่งรัดแก้ไขปัญหาสัญชาติ และสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มที่เกิดในราชอาณาจักร ที่ปัจจุบันมีชนกลุ่มน้อย กลุ่มชาติพันธุ์ อยู่ในไทยจำนวนทั้งสิ้น 825,635 ราย โดยคงเหลือบุคคลที่รอการพิจารณากำหนดสถานะ จำนวน 483,626 ราย สมช.จึงขออนุมัติหลักเกณฑ์ ซึ่งยึดกรอบตามหลักเดิม แต่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหลักเกณฑ์เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เช่น การปรับระยะเวลาในการดำเนินงานในภาพรวม จากเดิมต้องใช้เวลา 270 วัน เปลี่ยนเป็น 5 วัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการที่หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องพิจารณา และหามาตราการป้องกันในทุกประเด็นตามกฎหมาย 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โฆษกฯ ฝากเตือนลูกหลานช่วยกลุ่มเปราะบางที่โอนเงินหมื่นไม่สำเร็จ

“ จิรายุ ”ฝากลูกหลานช่วยเตือนญาติผู้ใหญ่คนใกล้ชิด 4 หมื่นกว่าคนที่รัฐโอนเงินหมื่นให้ไม่ได้ เหตุไม่ได้ทำพร้อมเพย์ แนะอย่าปล่อยให้เสียโอกาส โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและคนพิการ หลังรัฐจะปิดโอนหมดสิทธิ 19 ธ.ค. นี้

คปท.บุกทำเนียบฯ ยื่น นายกฯ-ครม. ค้าน ‘กิตติรัตน์’ นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ

คปท. ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี คัดค้านการเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ บอร์ดแบงก์ชาติ

‘ภูมิธรรม’ มั่นใจนายกฯกลับมาประชุมตั้ง ‘เจทีซี’ เสร็จ ชงเข้าครม.19 พ.ย.ทันที

‘ภูมิธรรม’ ระบุ หากนายกฯกลับมา เรียกถก ตั้ง เจทีซี วันนี้ก็ เข้าครม.ทันพรุ่งนี้ โยน กต.เคาะรายชื่อ ลั่น เกาะกูดไม่จบซํ้ารอยเขาพระวิหารแน่ ยัน ไม่มีเหตุผลต้องยกเลิกเอ็มโอยู 44

นายกฯอิ๊งค์ลั่นประเทศไทยต้องยืนหนึ่งบนเวทีโลก

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า “ก่อนการเดินทางกลับประเทศไทยช่วงเวลา 18 นาฬิกาของวันนี้ (วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน) ตามเวลาเปรู ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 27 ชั่วโมง โดยจะถึงประเทศไทยในวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน ประมาณ 11 นาฬิกา ตามเวลาในประเทศไทย นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สรุปภาพรวมภารกิจ การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 และการประชุมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ดังนี้

ครม. ไฟเขียวร่างพ.ร.ฎ. 2 ฉบับ แก้ปัญหาที่ดินทำกินในเขตป่าอนุรักษ์ ยันไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบทบทวนร่างพระราชกฤษฎีกา โครงการอนุรักษ์ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ มาตรา 64

'เผ่าภูมิ' เผย ครม.อนุมัติโครงการสินเชื่อสร้างอาชีพ 1.5 หมื่นล้าน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กระทรวงการคลังได้เสนอ 2 เรื่องเข้าสู่ที่ประชุม โดยเรื่องที่ 1.เป็นเรื่องสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ เป็นโครงการของธนาคารออมสิน ยอดวงเงิน 15,000 ล้านบาท