เครือข่ายชาวเลอันดามัน ยื่น 3 ข้อ ขอรัฐบาลแก้ไขปัญหา ฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล

28 ต.ค.2567-ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายชาวเลอันดามัน นำโดย นายวิทวัส เทพสง ผู้ประสานงานฯ พร้อมตัวแทน 10 คน ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ  โดยเรียกร้องกรณี

 เมื่อรัฐบาลโอบกอดกลุ่มชาติพันธุ์ ชาวเลถอนสมอคืนถิ่นอันดามัน ผลักดันนโยบายสู่การปฏิบัติเป็นเวลายาวนานถึง 25 วัน ที่เครือข่ายชาวเล อันดามัน ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีการตั้งถิ่นฐานและประวัติศาสตร์ร่วมมาก่อนเป็นรัฐสยาม มีประชากรเครือญาติ 3 เผ่า (ชนเผ่ามอแกน มอแกลนและอูรักลาโว้ย) จำนวนประชากร 14,367 คน เดินทางข้ามน้ำข้ามเกาะกว่าพันกิโลเข้ามากรุงเทพฯ ศูนย์รวมอำนาจทั้งบริหาร ตุลาการและนิติบัญญัติ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งการสูญเสีย ไม่มั่นคงในที่ดินที่อาศัย ที่ทำกินทั้งบนบกและในทะเล พื้นที่ทางความเชื่อและจิตวิญญาณ สุสาน ไร้สิทธิสถานะ ถูกกดทับและอคติทางชาติพันธุ์ เข้าไม่ถึงสวัสดิการและการบริการของรัฐ ยากจน เปราะบางขาดศักยภาพในการร่วมพัฒนาประเทศและถูกมองว่าถ่วงความเจริญ ด้วยการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนและความเป็นสากลของประเทศไทย มีการศึกษาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันของเครือข่ายภาคประชาชน องค์กรเอกชน นักวิชาการ นักกฎหมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเห็นความสำคัญในสิทธิและการดำรงอยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์

จึงร่วมกันเสนอแนวนโยบายการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลต่อคณะรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 มีกลไกทุกกระทรวง ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนแนวนโยบายสู่การปฏิบัติ เป็นคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้งมาทุกรัฐบาล แต่ในยุครัฐบาลนายกฯเศรษฐา ครม.สอง จนถึงรัฐบาลนายกฯแพทองธาร รวมถึงกลไกคณะกรรมการแก้ไขของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ก็ชะงักไป ทำให้เกิดการละเมิด ละเลยนโยบายตามมติ ครม.ชาวเล ทั้งนายทุนและเจ้าหน้าที่รัฐอ้างอำนาจกฎหมาย คุกคาม ฟ้องร้อง แย่งชิงทำลายพื้นที่ชาวเล ทวีความรุนแรงขึ้นจนทนไม่ไหว และเนื่องด้วยรัฐบาล พรรคการเมือง ภาคประชาชน ที่มีการเสนอร่างกฎหมายของแต่ละฝ่ายมีการเสนอตั้งคณะกรรมาธิการ วิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ แต่เมื่อคณะกรรมาธิการฯพิจารณาแล้วเสร็จมีมติผ่านร่างเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร   กลับถูกอภิปรายและให้นางสาวปิยะรัฐ ติยะไพรัช ประธานกรรมาธิการ โดย สส.พรรคเดียวกัน เกิดความกังขาและตั้งข้อเสนอสงสัยว่ารัฐบาล โดยเฉพาะ สส.พรรครัฐบาลกำลังเล่นการเมืองจนหลงลืมชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 6.7 ล้านคนหรือไม่

จึงมาเรียกร้องและปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบ ทั้งร่วมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมตั้งแต่วันที่ 4-22 ตุลาคม 2567 เรียกร้อง 3 ข้อเสนอและผลตามข้อเรียกร้องดังนี้

1. ให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายตาม มติ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 และให้ประธานฯกำหนดวันประชุมเดินหน้านโยบายฟื้นฟูวิถีชีวิต วัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธ์ชาวเล ให้เกิดรูปธรรมและเกิดแนวทางปฏิบัติต่อข้าราชการ ภายใน 3 วัน มีผลที่ได้รับคือ นายกฯแพทองธาร ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและชาวกะเหรี่ยง เกิดกลไกเดินหน้านโยบายต่อไป

 2. ให้นายกฯมีคำสั่งแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่ชาวเลที่กำลังถูกคุกคาม ฟ้องร้อง ขับไล่ เช่น ชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ , ชุมชนชาวเลราไวย์ , บาฆัดเกาะจำ , ชุมชนชาวเลทับปลา-ลำปี , ชุมชนชาวเลเกาะพีพี , ชุมชนชาวเลเกาะพยาม กรณีเอกชนออกเอกสารสิทธิ์ทับนางลาภ หาญทะเล – ขุมเขียว ทับตะวัน , กรณีธนารักษ์ให้ต่างชาติเช่าที่ดินทำโรงแรมทับซ้อนเขตคุ้มครองฯชาวเล หาดไม้ขาว รวมถึงกรณบัตรประชาชน , กรณีชาวเลที่เจ็บป่วยทะยอยเสียชีวิตเข้าไม่ถึงมาตรฐานการรักษาพยาบาล  , ชาวเลเปราะบาง ยากจนไม่ได้รับเงิน 10,000 บาท ผลที่ได้รับคือ นายกฯแพทองธารลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และ คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เกิดกลไกนโยบายและการแก้ไขปัญหาที่ครอบคลุมและตรงจุด

3. เร่งให้มีการออกกฎหมายกฎหมาย คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 70 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่เขียนให้มี พระราชบัญญัติคุ้มครองวิถีชีวิตส่งเสริมสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ ชนเผ่าพื้นเมือง ภายใน ปี 2565 แต่ล่วงเวลามาแล้ว 2 ปี ผลที่ได้รับคือ สส.ของพรรครัฐบาลเข้ายืนยันต่อคณะกรรมาธิการ วิสามัญ พิจารณากฎหมายชาติพันธุ์ว่าไม่ได้ค้านกฎหมายและหารือจนเกิดความเข้าใจร่วม มีแนวทางการพิจารณาปรับปรุงให้สอดคล้องทั้งหลักนิติรัฐและนิติธรรม พร้อม สส.ก็สัญญาพร้อมสนับสนุนในการนำเสนอเข้าสู่สภาฯในครั้งต่อไปและในระดับกระทรวง ชาวเลได้ร่วมกับพีมูฟ มีการเจรจาหารือจนเกิดความเข้าใจและกำหนดแนวทางในการนำสู่การปฏิบัติของข้าราชการภายใต้กระทรวงและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและต้องเกิดการมีส่วนร่วมของชาวเลด้วยแม้ว่ามีข่าวถึงเสถียรภาพของรัฐบาลนี้จะอยู่ได้ไม่นาน แต่การหยุดความสูญเสีย แม้แต่ชั่วโมงเดียวก็สำคัญ รัฐบาลจะพิสูจน์ศักยภาพการบริหาร ดูแล จริงใจกับชาวเลและกลุ่มชาติพันธุ์แค่ไหน บนต้นทุนที่มีนโยบายและการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทุกรัฐบาล ชาวเลและกลุ่มชาติพันธุ์พร้อมให้ความร่วมมือและให้กำลังใจรัฐบาลนี้เช่นกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘สนธิญา’ ยื่น กกต.สอบ ‘ทักษิณ’ ถือสัญชาติไทย-มอนเตฯ หรือไม่ เสี่ยงผิดกม.เลือกตั้งท้องถิ่น

สนธิญา ยื่น กกต.สอบ ทักษิณ ถือสัญชาติไทย-มอนเตฯ หรือไม่ เสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น-พรรคการเมือง-รธน. ห้ามคนต่างชาติเอี่ยวการเลือกตั้งทุกระดับ  พ่วงร้องสอบหาเสียงหยาบคาบ เป็นเท็จ อาจทำเลือกตั้ง อบจ.อดุรฯ โมฆะ 

‘ภูมิธรรม’ มั่นใจนายกฯกลับมาประชุมตั้ง ‘เจทีซี’ เสร็จ ชงเข้าครม.19 พ.ย.ทันที

‘ภูมิธรรม’ ระบุ หากนายกฯกลับมา เรียกถก ตั้ง เจทีซี วันนี้ก็ เข้าครม.ทันพรุ่งนี้ โยน กต.เคาะรายชื่อ ลั่น เกาะกูดไม่จบซํ้ารอยเขาพระวิหารแน่ ยัน ไม่มีเหตุผลต้องยกเลิกเอ็มโอยู 44

เปิดหนังสือ ‘หมอวรงค์’ ร้อง กกต. สอบ 4 ประเด็นใหญ่ ฟัน ‘ทักษิณ’ ปราศรัยอุดรฯเข้าข่ายผิดกม.

ในการปราศรัยที่อุดรที่ผ่านมา จริงอยู่คุณมีสิทธิ์เสรีภาพที่จะพูด อยากจะปราศรัย เป็นเรื่องของคุณ แต่คุณต้องรับรู้นะครับว่า บ้านเมืองมีขื่อมีแป ถ้าคุณทำให้สงสัยได้ว่า มีความเสี่ยงที่ทำผิดกฏหมาย