ป.ป.ช. เปิดตัว “ศูนย์ป้องปรามการทุจริตแห่งชาติ " คอยรับแจ้งเบาะแสทุกช่องทาง-วิเคราะห์ข้อมูลก่อนเข้าเตือนป้องกันราชการเสียหาย ลั่น หากพบกระทำผิดสำเร็จแล้ว ลุยสอบต่อทันที
19 ม.ค.2565 - ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี มีการแถลงข่าวเปิดตัว “CDC ป้องปรามทุจริต มิติใหม่” โดยนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นผู้แถลง พร้อมด้วย 2 ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. คือ นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล และนายนิติพันธุ์ ประจวบเหมาะ
นายนิวัติไชย กล่าวว่า ศูนย์ป้องปรามการทุจริตแห่งชาติ (CDC) เกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 63 โดยรัฐต้องมีมาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสการทุจริต ทั้งนี้ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. สร้างบทบาทภาคีเครือข่าย ทั้งประชาชน เอกชน เจ้าหน้าที่รัฐ ชี้ช่องเบาะแสเข้ามา เมื่อมีกลุ่มภาคีเครือข่ายที่จัดตั้งแล้วทั่วประเทศ ต้องสร้างช่องทางการชี้ช่องเบาะแสให้เขา กลุ่มภาคีฯมีการตื่นตัวมาก หากสังเกตในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่สามารถแชร์ข้อมูลในระบบสารสนเทศ เป็นช่องทางใหม่ให้ผู้แจ้งเบาะแสส่งข้อมูล ประเด็นการพบเห็นความไม่ชอบมาพากลของเจ้าหน้าที่รัฐมาให้กับ ป.ป.ช. ได้ เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ ตรวจสอบขยายผล
นายนิวัติไชย กล่าวว่า เมื่อมีการแจ้งหลายช่องทาง รวมทั้งหน่วยงานของรัฐ ศูนย์ดำรงธรรม ตู้ ปณ.100 ก็ตาม อาจก่อให้เกิดความซ้ำซ้อน การรับรู้ร่วมกัน จึงเกิดแนวความคิด CDC เพื่อรวมเครือข่ายทั้งหมด และเฝ้ามอนิเตอร์เครือข่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข่าว หรือประเด็นต่าง ๆ ในสถานการณ์ปัจจุบัน หากพบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. จะเข้าไปตรวจสอบเบื้องต้นก่อน โดยกระจายไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดต่าง ๆ โดยศูนย์ CDC จะเฝ้ามอนิเตอร์ทั้งหมดว่ามีข้อมูลข่าวสารอะไร และมีการนำเสนอไปยังส่วนกลาง และมีศูนย์ปฏิบัติการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร ก่อนสั่งการไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.ทั่วประเทศ
เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ส่วนการทำงานในเชิงป้องปราม เมื่อ ป.ป.ช. มีเหตุอันควรสงสัยว่า การกระทำผิดอาจเกิดขึ้น แต่ไม่สำเร็จผล เช่น เมื่อมีโครงการก่อสร้าง มีการร้องเรียนเข้ามา ก่อสร้างไม่ถูกต้อง เครือข่ายสมาชิกแจ้งเบาะแสมาในช่องทางข้างต้น ปรากฏว่า ป.ป.ช. รับทราบ และลงพื้นที่ตรวจสอบ ให้ข้อแนะนำหน่วยงานราชการว่า ก่อสร้างไม่ถูกต้อง ขอให้ปรับปรุงแก้ไข ขณะเดียวกันหน่วยงานรัฐแก้ไขตามข้อแนะนำของ ป.ป.ช. มาโดยตลอด เป็นเหตุให้ไม่มีการกระทำผิด ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐถูกกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. ทางราชการไม่ได้รับความเสียหายจากการกระทำ เพราะมีการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง เป็นต้น
“เป็นมิติใหม่ของ ป.ป.ช. จะชูนโยบายในการป้องปราม หากเหตุการณ์กระทำผิดเกิดขึ้นสำเร็จไปแล้ว จะเข้าสู่โหมดการปราบปราม ป.ป.ช. จริง ๆ ไม่อยากจะเข้าโหมดนี้ เพราะคดีแต่ละวันเยอะมาก เพราะต้องใช้ระยะเวลา 1-3 ปี เพื่อไต่สวนคดีให้แล้วเสร็จ มีคนรับผิด ราชการเสียหาย ดังนั้นแนวคิด CDC จะคอยมอนิเตอร์ข้อมูลข่าวสารทุกอย่าง มีการวิเคราะห์ เพราะไม่ใช่ทุกเรื่องเป็นอำนาจหน้าที่ ป.ป.ช. แต่มีการประสานหน่วยงานข้างเคียงด้วย เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย” นายนิวัติไชย กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปปช.เปิดทรัพย์สิน 'ก่อแก้ว' สุดอู้ฟู่รวย 263 ล้านบาท
เปิดเซฟ 'ชัยธวัช ตุลาธน' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล 19.3 ล้านบาท 'อภิชาติ' อดีตเลขาธิการพรรค 13.2 ล้านบาท 'ก่อแก้ว' อู้ฟู่ 263 ล้าน
ป.ป.ช.สะดุ้ง! ยก 6 เหตุผลปราบคอร์รัปชันไร้ประสิทธิภาพ คนโกงจึงเหิมลำพอง
สาเหตุที่การป้องกันและปราบปรามการทุจริตไม่ได้ผลไร้ประสิทธิภาพและพวก คนโกงคนชั่วหรือเหิมลำพอง อยู่ได้ก็เพราะ
'ผู้พิพากษา-อัยการ-บิ๊กสีกากี' แห่สมัคร! ชิง 3 เก้าอี้ ป.ป.ช.
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะหน่วยธุรการ เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
เอาแล้ว! ศาลฯ รับคดีไว้ไต่สวน หลัง 'วีระ' ฟ้อง ป.ป.ช.ไม่เผยสำนวนนาฬิกาหรูบิ๊กป้อม
นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำเร็จไปอีกขั้น วันนี้ศาลอาญาคดีทุจริตแ
ส่องฐานะ 2 อดีตผู้นำเหล่าทัพ 'พล.อ.เจริญชัย-พล.ร.อ.อะดุง' หลังพ้นเก้าอี้ สว.
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 130 ราย ประกอบด้วย กรณีเข้ารับตำแหน่ง 60 ราย และกรณีพ้นจากตำแหน่ง 70 ราย โดยมีรายชื่อที่น่าสนใจ
เปิดทรัพย์สิน อดีต สว. 'พล.อ.ปรีชา-วันชัย-สมชาย'
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 130 ราย ประกอบด้วย กรณีเข้ารับตำแหน่ง 60 ราย