'พีมูฟ'สุดทนรัฐบาลเบี้ยวข้อตกลงผ่านมาเกือบ1ปียังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ซัดรัฐบาลและขรก.ยังคงใช้ลมปากหลอกลวง นัดชุมนุมหน้าองค์การสหประชาชาติ 20 ม.ค.เป็นต้นไป จี้ขอความชัดเจนและมีหลักประกัน 12 ข้อ
19 ม.ค.2565- ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ออกแถลงการณ์ เรื่อง พีมูฟทวงสิทธิ สร้างอำนาจกำหนดชีวิตประชาชน มีเนื้อหาดังนี้
เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีภายหลังการชุมนุมครั้งสุดท้ายของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) เมื่อเดือนมีนาคม 2564 ขณะนั้นพวกเราได้ต่อสู้เรียกร้องจนได้บันทึกข้อตกลงการแก้ไขปัญหารายกระทรวง ที่ดูเหมือนจะเป็นความหวังนำไปสู่การแก้ไขปัญหารายกรณีและเชิงนโยบายที่เรื้อรังมาหลายชั่วอายุในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีที่พวกเราให้โอกาสรัฐบาลชุดนี้ที่นำโดยประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้แก้ไขปัญหาของพวกเราผ่านระบบออนไลน์ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างไรก็ตามสถานการณ์การละเมิดสิทธิยังคงปรากฏอยู่ทั่วทุกหัวระแหง พวกเรายังคงเผชิญความลำบากยากแค้น ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ในขณะที่รัฐบาลและข้าราชการยังคงใช้ลมปากหลอกลวงหล่อเลี้ยงเราให้อยู่ได้ด้วยความหวังไปวันๆ
สถานการณ์ทางนโยบายยังคงเดินหน้ากดทับ ลดทอนสิทธิอันพึงมีของพวกเราอย่างต่อเนื่อง กฎหมายหลายฉบับกำลังเรียงแถวออกมามีผลบังคับใช้ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของพวกเราว่าเราไม่ต้องการ ในขณะที่กฎหมายและนโยบายที่พวกเราลงแรงผลักดัน กลับไม่ได้รับการเหลียวแล
จนถึงวันนี้ พวกเรา ขปส. ไม่อาจทนรอให้โอกาสรัฐบาลแก้ไขปัญหาด้วยระบบออนไลน์อีกต่อไป แม้จะต้องฟันฝ่าอุปสรรคหลากหลาย เผชิญความเสี่ยงจากสถานการณ์โรคระบาด เราก็ไม่อาจทนรออยู่ในพื้นที่ได้อีกต่อไปแล้ว เราจึงขอประกาศปักหลักชุมนุม ณ หน้าองค์การสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2565 เป็นต้นไปโดยไม่มีกำหนดกลับ พร้อมแถลงข้อเรียกร้องเชิงนโยบายที่ต้องได้รับความชัดเจนและมีหลักประกันทั้งสิ้น 12 ข้อ ดังนี้
1. ต้องยกระดับการจัดการทรัพยากรที่ดินในรูปแบบ “โฉนดชุมชน” ให้เป็นหนึ่งในรูปแบบการกำกับดูแลการ บริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินโดยทั่วไป ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) มาตรา 10 (4) และขอให้สำนักงาน คทช. รับพื้นที่โฉนดชุมชน โดยเริ่มจากพื้นที่สมาชิก ขปส. ที่เสนอเป็นพื้นที่การจัดการที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชนอยู่แล้ว 193 กรณี
2. ต้องเร่งออกพระราชกฤษฎีกานิรโทษกรรมคดีความที่เกี่ยวกับปัญหาไม้และที่ดินอันเกิดจากการดำเนินการตามนโยบายรัฐ ทั้งนี้ในระหว่างรอการออกกฎหมายดังกล่าว ขอให้ยุติการดำเนินคดีชาวบ้าน และเยียวยาประชาชนให้ได้รับความธรรมและให้กลับไปทำกินในที่ดินเดิมของตนเองได้
3. ต้องแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อทบทวนเนื้อหาของ พ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ศ. 2562, พ.ร.บ.อุทยาน แห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ให้สอคคล้องกับเจตนารมณ์ของ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และให้ชะลอการเสนอร่างกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ตลอดจนขอให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 เรื่อง พื้นที่เป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัย และทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) เนื่องจากไม่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่
4. กรณีการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้นำมติคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2543 มาเป็นนโยบายการแก้ปัญหาชุมชนทั้ง 36 จังหวัด 397 ชุมชน 39,848 หลังคาเรือน ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวต้องนำเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศให้เป็นนโยบายแห่งชาติในการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยชุมชนที่อยู่ในที่ดินของ รฟท.
5. รัฐบาลต้องผลักดันร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ฉบับที่ร่าง โดยศูนย์มานุษยวิทยาสิริธร (องค์การมหาชน) (ศมส.) และรัฐบาลต้องสนับสนุน “ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครอง สิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง พ.ศ..... ฉบับเข้าชื่อเสนอกฎหมาย 10,000 รายชื่อ เพื่อยกระดับการขับเคลื่อนนโยบายคุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2553 ว่าด้วยการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 ว่าด้วยการฟื้นฟูวิถีชีวิตวัฒนธรรมชาวกะเหรี่ยง
6. ข้อเสนอต่อการปฏิรูปที่ดิน ตามกลไกสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (บจธ.) บจธ. ต้องทบทวน ปรับปรุงคณะกรรมการ บจธ. พัฒนา สร้างนวัตกรรมรูปแบบกรรมสิทธิ์ในการจัดการที่ดินและถือครองที่ดินใหม่รูปแบบ ใหม่ๆ พัฒนาช่องทาง กลไกในเข้าถึง ทั้งการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย และให้เร่งดำเนินการจัดซื้อที่ดินในพื้นที่ตามแผนงานระยะสองซึ่งเป็นสมาชิกของ ขปส. ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม
7. ต้องนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ชุมชนสมาชิกของ ขปส.ที่อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา สามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ถนน ไฟฟ้า ประปา ทะเบียนบ้าน และปรับปรุงที่อยู่อาศัยได้
8. ปรับปรุงองค์ประกอบคณะทำงาน 2 คณะ ได้แก่ คณะทำงานศึกษาร่างกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมแก่ราษฎร คณะทำงานแก้ไขปัญหาและศึกษาแนวทางการจัดที่ดินทำกินให้กับชุมชนในรูปแบบ โฉนดชุมชนภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และขอให้เร่งรัดจัดการประชุมคณะทำงานฯ ดังกล่าว เป็นกรณีเร่งด่วน
9. ข้อเรียกร้องกลุ่มแม่สอดรักษ์ถิ่น ผลกระทบจากเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จังหวัดตาก ให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงและเยียวยาผลกระทบรายกรณีในทุกมิติ
10. รัฐบาลต้องสั่งการให้มีการแก้ไขปัญหาที่ดินทุกประเภทที่ประชาชนได้รับผลกระทบให้มี แนวทางที่ชัดเจน เช่น ที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่ดินรถไฟ ที่ราชพัสดุ ที่ดินในเขตป่า ที่ สปก. และอื่นๆ
11. แต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติ กำกับ ขับเคลื่อนการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและ กะเหรี่ยงตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 และ 3 สิงหาคม 2553
12. กรณีชุมชนกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ให้นายกรัฐมนตรีลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย หมู่ที่ 1 ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยในทุกด้าน ตลอดจนให้ยุติกระบวนการทางคดีของชาวบ้าน 28 คน ชาวบ้านเยาวชน 2 คน และสมาชิกภาคีเซฟบางกลอย 10 คน
ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องทั้งสิ้น 12 ข้อจะต้องได้รับคำตอบที่ชัดเจน และต้องนำเรื่องเข้าสู่การประชุมของคณะรัฐมนตรีให้มีมติเห็นชอบทั้งหมด ในการเคลื่อนไหวของ ขปส. ครั้งนี้ พวกเราจะเชื่อมโยงเครือข่ายขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาชนทุกกลุ่ม ให้พื้นที่ปักหลักหน้าองค์การสหประชาชาติเป็นพื้นที่ศูนย์รวมผู้ทุกข์ร้อนและผู้ได้รับผลกระทบจากรัฐบาลเผด็จการ หวังสร้างแนวร่วมการเคลื่อนไหวเพื่อทวงคืนสิทธิความเป็นคนในทุกมิติ
สุดท้ายเราขอยืนยันว่า การกลับมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่การร้องขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาที่รัฐและกลุ่มชนชั้นนำได้สร้างขึ้นมาเพื่อกดทับพวกเราคนจน แต่คือการที่พวกเราในนามประชาชนอันเป็นผู้ทรงสิทธิ์บนผืนแผ่นดินนี้จะกลับมาทวงคืนสิทธิอันพึงมีที่ถูกพรากไป เราจักประกาศให้สังคมตระหนักว่า สิทธิในที่ดิน ที่อยู่อาศัย และการจัดการทรัพยากรธรรมชาตินั้นคือรากฐานตั้งต้นแห่งความเป็นคนในสังคมประชาธิปไตย และพวกเราจักเป็นองค์กรนำเปิดศักราชการเคลื่อนไหวในปี 2565 นี้อย่างไม่ยอมจำนน จนกว่าคนจะเท่ากัน จนกว่าประชาชนจะมีอำนาจกำหนดชีวิตตนเอง
เชื่อมั่นและศรัทธาในพลังประชาชน
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.)
19 มกราคม 2565
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ดร.ไชยณรงค์' อยากให้คิดเรื่องการอนุรักษ์!
ผศ.ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
เครือข่าย We fair ร้อง กมธ.ช่วยติดตามเงินอุดหนุนกลุ่มเปราะบาง
เครือข่าย We fair ร้อง 'กมธ.สวัสดิการสังคมฯ' ช่วยผลักดันเงินอุดหนุนเด็ก-สตรีมีครรภ์ถ้วนหน้า ติดตามเพิ่มเบี้ยคนพิการ-เบี้ยคนชรา
'เนติบริกร' โชว์กึ๋นมือกฎหมายบอกคดี 40 สว.มีช่องสู้
นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี
ชำแหละ 'เพื่อไทย' ครบรอบ 1 ปี เลือกตั้ง 66 ทำประเทศเสียหายมากมาย
ครบรอบหนึ่งปี เลือกตั้ง 66 'จตุพร' ซัดเพื่อไทยทำ ปท.เสียหายมากมาย ตั้งแต่ตระบัดสัตย์ ปล่อย'ทักษิณ' จุ้นจ้านสงครามพม่า แต่นายกฯ กลับเงียบ ไม่มีใครทำอะไรได้ จึงลำพองอำนาจ ลั่น 29 พ.ค.วันชี้ชะตาบ้านเมืองครั้งสำคัญ
บี้รับผิดชอบ! นายกฯ-รมต. รู้เห็นเป็นใจ 'นักโทษ' จุ้นจ้านเมียนมา
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า รัฐบาลเมียนมาตำหนิทักษิณทำสิ่งไม่เหมาะสม ระวังกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นักโทษรับเคลียร์! โซเชียลเมียนมาแฉ 'ทักษิณ' พบกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ
เพจ Salween Press ในประเทศเมียนมา เผยว่า อดีตนายกรัฐมนตรีของ ประเทศไทย พบกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธบางกลุ่ม