นายกฯ เรียกผู้ว่าการ ททท. หารือแผนกระตุ้นท่องเที่ยวปี 68 หนุนฟื้นเราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง

นายกฯ เรียกผู้ว่าฯ ททท. หารือแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวปี 68 ย้ำเม็ดเงินต้องกระจายลงทุกพื้นที่ ด้านผู้ว่าฯ ททท. เตรียมเสนอแผนท่องเที่ยว 1-2 สัปดาห์นี้ พร้อมหนุนหาก “สรวงศ์” รื้อโครงการเราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง หากส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อย่างดี

18 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในช่วงเช้าได้เข้าปฎิบัติหน้าที่ ที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดยเรียก นางฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าหารือแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทย

นางฐาปนีย์ เปิดเผยภายหลังเข้าพบนายกฯว่า นายกฯได้สอบถามถึงสถานการณ์การท่องเที่ยว พร้อมหารือถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในปีหน้า โดย ททท. จะนำเรื่องนี้เสนอนายกฯได้อีกครั้งภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ซึ่งนายกฯจะเป็นประธานการประชุมรับทราบแผนงานและติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวด้วยตนเอง ทั้งนี้ ททท.จะมีการจัดทำภาพรวมการท่องเที่ยวในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ การจัดอีเวนท์หรือกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยว ว่าสิ่งใดที่นักท่องเที่ยวมีความต้องการเพิ่มเติม นอกเหนือจากวีซ่าฟรีที่ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว จ่ายเงิน Cashless Society หรือ สังคมไร้เงินสด ซึ่งจะหยิบยกขึ้นมาดู เพราะถือว่าเป็นธุรกิจของทุกชาติที่ต้องการเข้ามีระบบจ่ายเงินที่สามารถเชื่อมต่อกับประเทศต้นทางได้ ซึ่งในประเด็นนี้นายกฯรับปากจะไปพิจารณาให้

นางฐาปนีย์ กล่าวว่า นายกฯให้ความสำคัญกับเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี โดยจะต้องเป็นการกระตุ้นแบบลงทุกพื้นที่ และมองว่าภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการท่องเที่ยวสามารถมีดัชนีชี้วัด ไม่ว่าจะเป็นการจัดอันดับต่างๆที่ต่างชาติดำเนินการจัดอันดับ เป็นดัชนีความนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และนายกฯยังให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยและความมั่นใจในการเดินทางมาท่องเที่ยวด้วย

เมื่อถามว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการคนละครึ่ง จะนำมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวหรือไม่ ผู้ว่าฯ ททท. กล่าวว่า ดูจากการมอบนโยบายของ นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ว่า โครงการด้านใดที่ดีและตอบโจทย์ผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยวก็ต้องมาดูในรายละเอียดเพื่อดำเนินโครงการให้ครอบคลุมต่อไป ซึ่งนายสรวงศ์ ไม่ได้ปิดโอกาสในการทำกิจกรรมต่างๆ ที่เคยมีมาแล้ว

เมื่อถามว่า มีโจทย์ใหญ่ที่นายกฯให้ไปแก้ไขในเรื่องการท่องเที่ยวเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ ผู้ว่าฯ ททท. กล่าวว่า เป็นเรื่องเป้าหมายที่รัฐบาลเคยตั้งไว้ ทั้งรายได้ จำนวนนักท่องเที่ยว ต้องพยายามทำให้ได้ ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นก็ต้องลุ้นจำนวนตัวเลขอีกที แต่ด้วยสถานการณ์ทั่วโลกตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติ อุทกภัย ไม่ได้เกิดในประเทศไทยเพียงประเทศเดียวแต่ยังเกิดในทั่วโลก ดังนั้นจะต้องนำมาพิจารณาความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่นปัจจัยหนึ่งที่เกิดจากธรรมชาติไม่สามารถควบคุมได้ แต่อาจไม่ใช่ปัจจัยหลัก

นางฐาปนีย์ ยังกล่าวว่า ขณะที่การเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสายการบินที่เป็นปฐมฤกษ์บินเข้ามายังไทย จากข้อมูลพบว่าในเดือนตุลาคมนี้ มีเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งในการสนับสนุนทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศใหม่ๆ เดินทางเข้ามา โดยเรื่องนี้นายกฯให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะเพิ่มขึ้นได้ แต่ในเรื่องของรายได้ตอนนี้แม้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก แต่การใช้จ่ายเงินก็มีการรัดเข็มขัดมากขึ้นในหลายประเทศ ประกอบกับเรื่องเศรษฐกิจในประเทศต้นทาง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวใช้เงินค่อนข้างรัดกุมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยใกล้ 25 ล้านคนแล้ว ดังนั้นเหลือเวลาอีก3 เดือนครึ่ง ซึ่งอยู่ในช่วงไฮซีซั่น ก็อยากให้เป็นไปตามที่ตั้งเป้า 30-35 ล้านคน โดยกลุ่มตลาดการท่องเที่ยวหลัก ที่มุ่งเน้นอยู่ คือ ตลาดจีน อินเดีย เกาหลี มาเลเซีย รัสเซีย ก็ยังเป็นตลาดหลักที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นกลุ่มดาวฤกษ์เข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก

นางฐาปนีย์ กล่าวอีกว่า ขณะที่กลุ่มตลาดดาวรุ่ง หรือกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ จำเป็นต้องเพิ่มการตลาดมากขึ้น ก็ได้รับอานิสงส์ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มตลาด CIS ประกอบด้วยคาซัคสถาน อุซเบกิสถาน ถือเป็นกลุ่มตลาดที่เติบโตสูงมาก นอกจากนี้ยังมีท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบีย ก็เติบโตสูงเช่นกันหรือในกลุ่มอาเซียนอย่าง ลาว เวียดนาม ก็มีอัตราส่วนที่เติบโตมากขึ้นตามลำดับ และกลุ่มยุโรป อเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ ก็ยังเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นางแบก' ฟาด 'เกรียนคีย์บอร์ด' ทนเห็นหน้านายกฯไม่ได้ เป็นวิธีคิดคล้ายพวก 'ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์'

นางสาวลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา หรือ แขก ผู้ดำเนิน รายการคุยคลายข่าว ออกอากาศผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) กรมประชาสัมพันธ์ และเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ได้แชร์โพสต์ดังกล่าว และโพสต์ข้อความตอบโต้ ว่า

'โรม' จี้นายกฯอย่าให้ส่งตัวแก๊งคอลฯไปประเทศต่างๆโดยไม่ผ่านการคัดแยกเหยื่ออาชญากร

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

นายกฯ สั่ง ก.เกษตรฯ เร่งหนุนปลูกกล้วยพัทลุง-ทุเรียนภูบรรทัด

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร)ว่า การลงพื้นที่จ.พัทลุงและจ.สงขลา ของนายกรัฐมนตรีและครม. โดยนายกฯได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมในที่ประชุมครม.กรณีจ.พัทลุงและจ.สงขลา ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

'กัณวีร์' ขำนายกฯทำขึงขังสั่งตัดไฟแก๊งคอลฯ จี้ช่วยเหลือเหยื่ออีกกว่า6,500คน

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีราชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า มินอ่องลาย ยังโหนปราบจีนเทา รัฐบาลไทยต้องอย่าทำแค่เอาหน้าไปพบผู้นำจีน ไม่งั้นน่าอายชาวโลกมากครับ

นายกฯ สั่ง 6 มาตรการระยะสั้น แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5

นายกฯ สั่ง 6 มาตรการระยะสั้น แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ขอความร่วมมือ หน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชน WFH ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ให้กรมฝนหลวงทำฝนเทียม เข้มกฎหมายพบเห็นการเผาถูกดำเนินคดี

นายกฯ สรุปภารกิจเยือนดาวอส เป็นเกียรติได้พบผู้นำ-ผู้มีวิสัยทัศน์ หลายประเทศ

นายกฯ สรุปภารกิจเยือนดาวอส ก่อนบินถึงไทย 25 ม.ค. บอกเป็นเกียรติได้พบผู้นำ-ผู้มีวิสัยทัศน์ หลายประเทศ ขยายความร่วมมือ เผยหารือ ‘นายกฯภูฏาน’ ย้ำความสัมพันธ์สองประเทศที่มียาวนาน