โพลค้าน 'ทรู' ควบรวม 'ดีแทค' หวั่นผูกขาด ผู้บริโภคไม่มีทางเลือก

15 ม.ค.2565 - ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เสนอผลสำรวจ เรื่อง โพล ควบรวม ทรู ดีแทค กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,331 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 5 – 14 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.9 คัดค้านการควบรวมกิจการทรู กับ ดีแทค ในขณะที่ร้อยละ 16.1 เห็นด้วยกับการควบรวมกิจการ ตามลำดับ

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงระดับความรู้ความเข้าใจมากถึงมากที่สุดของประชาชนต่อ การควบรวมธุรกิจ ทรู กับ ดีแทค พบว่า เกินครึ่งเล็กน้อยหรือร้อยละ 51.6 ระบุ ประเทศไทยและประชาชนจะตกอยู่ในมือนายทุนผูกขาด รองลงมาคือ ร้อยละ 50.3 หรือประมาณครึ่งหนึ่งระบุ จะเกิดการผูกขาดธุรกิจ ของ กลุ่มนายทุน ร้อยละ 45.7 ระบุ ค่าบริการจะแพงขึ้น หลังการควบรวมกิจการธุรกิจ ร้อยละ 41.4 ระบุ เกิดความไม่เป็นธรรม ในข้อตกลงสัญญา กับผู้บริโภค ร้อยละ 40.8 ระบุ การควบรวมกิจการธุรกิจของ ทรู กับ ดีแทค จะกลายเป็นการผูกขาดธุรกิจให้เหลือน้อยราย ลดทางเลือกของผู้บริโภคลง และร้อยละ 40.8 เท่ากัน ระบุจะเกิดการกีดกันการค้าของผู้ประกอบการรายย่อย และร้อยละ 39.7 เข้าใจว่า การควบรวมกิจการธุรกิจ ของ ทรู กับ ดีแทค จะส่งผลเสียต่อผู้บริโภค ตามลำดับ

นอกจากนี้ เมื่อถามถึงผลกระทบในอนาคตจากการควบรวมธุรกิจ ทรู กับ ดีแทค พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 51.3 ระบุ ผู้บริโภคไม่มีทางเลือก ร้อยละ 49.8 ระบุ ไม่เกิดการแข่งขัน ร้อยละ 49.2 ระบุ ราคาค่าบริการจะสูงขึ้น ร้อยละ 36.7 ระบุ เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภค ร้อยละ 24.3 ระบุ คุณภาพบริการจะแย่ลงและร้อยละ 17.2 ระบุ ประเทศสูญเสียรายได้ ตามลำดับ

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่คัดค้านการควบรวมกิจการทรูกับดีแทค ด้วยความรู้ความเข้าใจของประชาชนว่าประเทศไทยและประชาชนจะตกอยู่ในมือนายทุนผูกขาดและก่อให้เกิดการสูญเสียผลประโยชน์ทั้งผลประโยชน์ชาติและของประชาชนแต่ละคนโดยมีความคิดว่าการควบรวมจะทำให้ค่าบริการแพงขึ้น เกิดความไม่เป็นธรรมในข้อตกลงสัญญากับผู้บริโภค รวมทั้งเป็นการลดทางเลือกของผู้บริโภคและเกิดการกีดกั้นการค้าผู้ประกอบการรายย่อยที่ส่งผลเสียโดยรวมต่อผู้บริโภคเพราะจะเกิดผลกระทบในอนาคตในหลายมิติได้แก่ ผู้บริโภคไม่มีทางเลือก ไม่เกิดการแข่งขัน ราคาค่าบริการจะสูงขึ้น เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภค คุณภาพการบริการจะแย่ลง และประเทศจะสูญเสียรายได้ ที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำข้อมูลที่ค้นพบครั้งนี้ไปพิจารณาประกอบการตัดสินใจที่จะก่อให้เกิดความสมดุลในตลาดการค้าเสรีที่ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์มากขึ้นหลักการเปลี่ยนแปลงหรือคงสภาพที่เป็นอยู่ในเวลานี้

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วันสุดท้าย! ลงทะเบียนซิมการ์ด รักษาสิทธิ์สำหรับผู้ครองซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย

เฟซบุ๊ก กสทช.โพสต์ข้อความ ระบุว่าวันสุดท้ายของการลงทะเบียนซิมการ์ดเพื่อรักษาสิทธิ์ของท่าน ผู้ถือครองซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมายต่อ

กลุ่ม LGBTQ ยังไม่เข้าใจกม.สมรสเท่าเทียม

นายนพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง เสียงของ LGBTQiA+ กรณีศึกษาตัวอย่างกลุ่ม LGBTQiA+ ทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)

ถอย! เงินดิจิทัลวอลเล็ตซื้อ 'สมาร์ทโฟน'

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี สั่งให้ทบทวนเงินดิจิทัลวอลเล็ต ซื้อสมาร์ทโฟนและเครื่องใช้ไ

นันทิวัฒน์ ถามเงินดิจิทัลซื้อมือถือได้ เงินจะหมุมเวียนในไทยหรือออกนอก

อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ข่้องใจเงินดิจิทัลซื้อมือถือได้ เงินจะอยู่ในประเทศหรือไหลออกนอก

ซูเปอร์โพล ชี้ประชาชนห่วงการเมืองไทยไม่นิ่ง มหาอำนาจ 2ขั้วบีบ

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง ความมั่นคง การเมือง เงินดิจิทัล กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ