ปภ. เผย 4 จังหวัดอ่วมน้ำท่วม ประชาชนเดือดร้อน 3,979 ครัวเรือน

ปภ.รายงานมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 4 จังหวัด ยังคงปฏิบัติการระบายน้ำและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างต่อเนื่อง

1 ก.ย. 67 เวลา 10.30 น. ปภ. รายงานมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย สุโขทัย พิษณุโลก และหนองคาย รวม 18 อำเภอ 70 ตำบล 223 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,979 ครัวเรือน เร่งส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยระบายน้ำออกจากพื้นที่ประสบภัย และดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ระหว่างวันที่ 16 ส.ค. – 1 ก.ย. 67 มีสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 23 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู ระยอง ภูเก็ต ยะลา นครศรีธรรมราช พังงา ตรัง และสตูล รวม 102 อำเภอ 421 ตำบล 2,277 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 69,130 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 19 ราย โดยปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 1 กันยายน 2567) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 จังหวัด รวม 18 อำเภอ 70 ตำบล 223 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,979 ครัวเรือน ดังนี้

1) เชียงราย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เทิง อ.ขุนตาล อ.เมืองฯ อ.พญาเม็งราย และ อ.เวียงแก่น รวม 7 ตำบล 14 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 404 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ระดับน้ำลดลง

2) สุโขทัย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.ศรีสัชนาลัย อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง อ.เมืองฯ อ.ศรีนคร อ.กงไกรลาศ รวม 39 ตำบล 104 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,483 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

3) พิษณุโลก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.พรหมพิราม และอ.บางระกำ รวม 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 40 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น

4) หนองคาย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.รัตนวาปี อ.ศรีเชียงใหม่ อ.สังคม อ.ท่าบ่อ และ อ.เมืองฯ รวม 21 ตำบล 100 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 52 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยโดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย อาทิ เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย และรถผลิตน้ำดื่ม เพื่อระบายน้ำบรรเทาความเดือดร้อนและผลิตน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ หากมีความจำเป็นต้องระบายน้ำออกจากพื้นที่ลงสู่พื้นที่อื่น ได้กำชับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประสานเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดำเนินการโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นสำคัญ และเลือกใช้วิธีการที่ส่งผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด พร้อมกันนี้ ยังได้สนับสนุนถุงยังชีพรวมแล้วกว่า 10,000 ชุด แจกจ่ายให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้น

ในส่วนของการเสริมกำลังดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) สนธิกำลังร่วมส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 จำนวน 2 ลำ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยประจำ ฮ.ปภ.32 “The Guardian Team” ประจำการ ณ ค่ายเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก 1 ลำ และกองบิน 23 จ.อุดรธานี 1 ลำ เพื่อสนับสนุนภารกิจการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน และเตรียมพร้อมรับมือสาธารณภัยที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ นอกจากนี้ ปภ. ยังได้ส่งทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตใกล้เคียงและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตภาคอื่นที่ไม่มีสถานการณ์ภัย เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบไปด้วย ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 10 ลำปาง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 6 ขอนแก่น และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา

สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป

ในส่วนของพื้นที่เสี่ยงภัยที่แม้ปัจจุบันยังไม่เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัดให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนทันทีที่มีแนวโน้มเกิดสถานการณ์ภัยในพื้นที่ รวมถึงจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัยขึ้น

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามรายงานคาดการณ์สาธารณภัยและประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” โดยสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และหากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง /////////////

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำยม เข้าพื้นที่ลุ่มต่ำ 'บางระกำโมเดล'

แม่ทัพภาคที่ 3 ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ขณะที่ชลประทานจังหวัดพิษณุโลก เผย สถานการณ์น้ำแม่น้ำยมสายเก่า เข้าในพื้นที่ลุ่มต่ำโครงการบางระกำโมเดลแล้ว เฝ้าระวังต่อเนื่อง

ชลประทาน เตือนพื้นที่ริมน้ำยมสายเก่าพิษณุโลก รับมือน้ำล้นตลิ่ง ในอีก 1-2 วันนี้

สถานการณ์น้ำแรกที่หลากมาจาก จ.พะเยา เข้าสู่ จ.แพร่ แล้วผ่านจุดพีคสูงสุดที่ จ.สุโขทัย มาแล้ววานนี้ ทำให้วันนี้ น้ำมาอยู่ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ในแม่น้ำยมสายเก่า และแม่น้ำยมสายหลัก จ.พิษณุโลก

สุโขทัยยังอ่วม น้ำท่วมแล้ว 4 อำเภอ พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 2 หมื่นไร่

สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุโขทัย ยังคงวิกฤต หลายหน่วยงานยังต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมทหาร กู้ภัย จิตอาสา พระสงฆ์ เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนำข้าว-อาหาร-น้ำดื่มเข้าไปแจกจ่าย และช่วยขนย้ายสิ่งของมีค่ากับผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ออกมายังที่ปลอดภัย

“ศุภมาส” สั่งการ “สุชาดา” นำทีมผู้บริหาร อว. ลงพื้นที่ลุยช่วยสุโขทัย เตรียมรับมือมวลน้ำเหนือก้อนใหญ่จาก จ.แพร่

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2567 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มอบหมายให้