ดร.ปลอดประสพ ชู 6 ข้อ ปลุกผีเขื่อนแก่งเสือเต้น

31 ส.ค.2567 - ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “ขอพูดเรื่องแก่งเสือเต้นอีกครั้ง” ระบุว่า โพสต์เมื่อสองวันที่แล้ว เรื่องแม่น้ำยมไม่มีเครื่องมือควบคุมจึงได้ยกเรื่องเก่าคือแก่งเสือเต้นขึ้นมา ต้องขอบคุณที่มีผู้สนใจมากมายหลายหมื่นคน วันนี้ขอลงรายละเอียดเพิ่มอีกสักนิด

1. ผมเป็นนักเรียนสิ่งแวดล้อมรุ่นแรกๆของประเทศ เป็นปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเป็นประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสมัยที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี ผมสอนหนังสือและบรรยายเรื่องสิ่งแวดล้อมเกือบทุกมหาวิทยาลัยในประเทศไทย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไม่เข้าใจผลกระทบสิ่งแวดล้อมหากมีการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น

2. ผมเป็นอธิบดีกรมป่าไม้และเป็นปลัดกระทรวงทส. มานานถึงแปดปี และเป็นผู้ให้กำเนิดกรมอุทยานฯ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไม่รักและหวงแหนป่า ในสมัยผมประเทศไทยมีป่ามากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ถึง 33% (Forest cover)

3. มีการพูดเรื่องเขื่อนแก่งเสือเต้นมาตั้งแต่ปี 2519 จุดที่จะสร้างมีชื่อว่า บ้านห้วยสัก ต. สะเอียบ จ.แพร่ ปัจจุบันอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่ยม มีน้ำลึกเฉลี่ย 1.31เมตร น้ำไหลผ่านเฉลี่ย 1,278 cu.sec. แต่ในปีนี้ด้วยพายุฝน น้ำลึกถึงเกือบ 10 เมตร มีน้ำไหลด้วยความเร็ว 1,000-1,500 cu.sec. ตลอดอาทิตย์ และด้วยฝน 5-7วันในช่วงพายุมีฝนรวม 500-600 มม. ก่อให้เกิดมวลน้ำขนาดมหึมาอาจมากถึง 5,000 ล้านลบ.ม. มวลน้ำจำนวนนี้แหละที่ไหลลงไปท่วมภาคเหนือตอนล่าง เช่น แพร่และสุโขทัย เป็นต้น

4. ในปัจจุบันได้มีการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างการสร้างเขื่อนใหญ่แก่งเสือเต้นบนลำน้ำยม(main stream) พบว่า หากสร้างในลำน้ำสาขา 26 แห่ง ราคาจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวแต่เก็บน้ำได้น้อยลง 1 เท่า ทำให้ใช้เพื่อการป้องกันอุทกภัยไม่ได้

5. สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน ท่าเทียบเรือ ถนนหรือทางรถไฟ ล้วนกระทบสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น แต่หากมันจำเป็นต้องสร้างเพื่อความปลอดภัยของประชาชนส่วนใหญ่เพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินตลอดจนเพื่อพัฒนาประเทศ มันก็ต้องทำ เพียงแต่ต้องทำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดและคุ้มค่าที่สุดเท่านั้น ชาติไหนในโลกก็ทำทั้งนั้นครับ

6. การสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นต้องเสียพื้นที่ป่าประมาณแสนไร่ ซึ่งเราคงต้องยอม แต่ก็สามารถเรียกคืนมาได้ เช่น หยุดเรื่องที่คิดจะเฉือนอุทยานทับลาน 200,000 ไร่เสีย ก็ทดแทนกันได้แล้ว ใช่ไหมครับ หรืออนุญาตให้เอกชนปลูกป่าเศรษฐกิจในเขตป่าสงวนที่เสื่อมโทรม ซึ่งมีมากกว่า 5 ล้านไร่ ก็จะกำไรด้วยซ้ำ

ผมเกิดมา 80 ปี ประเทศไทยควรจะเจริญกว่านี้ ที่ไม่เจริญก็เพราะจะเอาชนะคะคานกัน โดยไม่มองประโยชน์ของประเทศและประชาชนส่วนใหญ่ กลุ่มNGO และชาวสะเอียบ ซึ่งผมก็เชื่อว่า ท่านรักส่วนรวมและก็มีความรู้ หันกลับมาพูดคุยกันเถอะครับ เพื่อลูกหลานของพวกเราในอนาคต

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อุตุฯ เตือนอากาศเย็น อุณหภูมิลด 1-3 องศา ใต้ฝนเพิ่มตกหนักถึงหนักมาก

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

อุตุฯ เตือนอากาศเย็น ยอดดอยหนาวจัด ใต้ฝนฟ้าคะนอง 10%

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้

'ยศชนัน' ลงจากหอคอยพบชาวนา ชูเทคโนโลยีแก้น้ำทั้งระบบ

“ยศชนัน-จุลพันธ์” นำเพื่อไทยยกทัพลุยอยุธยา รับฟังปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก-ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ชูแก้น้ำท่วมทั้งระบบ ระบายน้ำเป็นธรรม ใช้ข้อมูลจริง-เทคโนโลยี-วิศวกรรม วางแผนป้องกัน-เยียวยาครบวงจร

เรื่องราวทีมงานด่านหน้าของทรู ที่ทุ่มเททำงานด้วยหัวใจ เพื่อให้ทุกสัญญาณเชื่อมต่อกันในวิกฤตอุทกภัยภาคใต้

วิกฤตน้ำท่วมภาคใต้เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 ไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนและชีวิตผู้คน แต่ยังตัดขาดการสื่อสารในหลายพื้นที่ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ยังมีทีมงานด่านหน้าของทรูที่ทุ่มเททำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ไม่เพียงดูแลเครือข่าย แต่ยังทำให้ทุกสัญญาณยังสามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันได้ เพื่อให้ทุกคนสามารถติดต่อ รับข่าวสาร และส่งความห่วงใยถึงกันได้ในช่วงเวลาที่มีความหมายที่สุด

อุตุฯ เตือนอากาศเย็น อุณหภูมิลด 1-2 องศา ใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2 องศาเซลเซียส เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็น

ธปท.-สมาคมแบงก์ออกมาตรการเพิ่มเติม ช่วยลูกหนี้น้ำท่วมใต้

‘ธปท.’ และ ‘สมาคมธนาคารไทย’ ร่วมผลักดันมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ชูพักชำระเงินต้น-ยกเว้นดอกเบี้ย ไม่เกิน 12 เดือน ในพื้นที่สาธารณภัยร้ายแรง (ระดับ4)