ครม.ไฟเขียวมาตรการด้านภาษี ดึงคนไทยระดับหัวกะทิกลับประเทศ

30 ก.ค.2567 - นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (30 กรกฎาคม 2567) มีมติให้ความเห็นชอบมาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ และมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรายกเว้นภาษี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …ตามที่ กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มาตรการและร่างพระราชกฤษฎีกา มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรตามมาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศไทย ดังนี้

1. ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ลูกจ้าง) ในการหักภาษี ณ ที่จ่ายเหลืออัตราร้อยละ 17 ของเงินได้ เมื่อคำนวณแล้วอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีในอัตราที่กำหนดในบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงกว่าร้อยละ 17 ของเงินได้ สำหรับคนไทยที่เคยทำงานอยู่ในต่างประเทศและจะกลับเข้ามาทำงานในประเทศในสาขาความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตามกฏหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่มีเงินได้เมื่อคำนวณแล้วอยู่ในบังคับต้องเสียเท่ากับหรือน้อยกว่าร้อยละ 17 ของเงินได้ให้ผู้มีสิทธิ์ได้มีสิทธิ์ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เมื่อผู้มีเงินได้ยอมให้ผู้จ่ายเงินได้หักภาษี ณที่จ่ายในอัตราร้อยละ 17 ของเงินได้นั้น นอกจากนี้ ผู้มีเงินได้จะต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดในการกลับมาใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าว เช่น ต้องมีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี มีประสบการณ์ทำงานในต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 2 ปี ต้องเดินทางกลับเข้าประเทศไทยในช่วงเวลาที่กำหนด เป็นต้น

2. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล (นายจ้าง) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตามกฏหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งได้จ่ายเงินเดือนให้แก่บุคคลธรรมดาที่เดินทางกลับเข้ามาทำงานในประเทศ โดยให้หักรายจ่ายเงินเดือนตามสัญญาจ้างแรงงานของลูกจ้างซึ่งมีคุณสมบัติตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนดที่จ่ายไประหว่างวันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572 ได้ 1.5 เท่า (ปกติหักได้ 1 เท่า) และนายจ้างจะต้องแจ้งชื่อผู้มีเงินได้ที่เป็นลูกจ้างซึ่งจะใช้สิทธิลดอัตราภาษีดังกล่าวให้แก่กรมสรรพากรทราบด้วย

3. มาตรการภาษีดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลาดำเนินการ ดังนี้
- มาตรการมีผลใช้บังคับวันถัดจากวันที่กฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษา
- ผู้เข้าร่วมมาตรการภาษีดังกล่าวจะต้องเดินทางกลับเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568
- ผู้เข้าร่วมมาตรการภาษีดังกล่าวสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572

4. นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการประชาสัมพันธ์มาตรการภาษีในการสนับสนุนคนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกประชาสัมพันธ์ให้บริษัทที่ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมายรับทราบรายละเอียดของมาตรการนี้ด้วย

5. กระทรวงการคลังได้รายงานประมาณการการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับตามมาตรามาตรา 27 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐพ.ศ. 2561 แล้วโดยคาดการณ์ว่า
5.1 กรณีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มที่ทำงานอยู่ในต่างประเทศและไม่เคยเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับประเทศไทย ดังนั้น การดำเนินมาตรการนี้อาจเป็นการเพิ่มการจัดเก็บรายได้ให้แก่รัฐบาล

5.2 กรณีภาษีเงินได้นิติบุคคล คาดว่าจะสูญเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลประมาณ 120 ล้านบาทจากการคาดการณ์ว่าจะมีคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศกลับเข้ามาทำงานในประเทศจำนวนประมาณ 500 คน

อย่างไรก็ตาม มาตรการภาษีดังกล่าวจะช่วยดึงดูดคนไทยที่มีศักยภาพสูงและมีความเชี่ยวชาญในสาขาตามความต้องการในอุตสาหกรรมเป้าหมายให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน กระตุ้นให้เกิดการลงทุน และการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม และนอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมบุคลากรในอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อให้สอดรับกับวิสัยทัศน์ประเทศไทยตามนโยบายของรัฐบาล Thailand Vision “IGNITE Thailand” อีกด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ระวัง! ติดกับดักตัวเอง ปมคำถามประชามติ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี วางกับดักตัวเอง ในการส่งคำถามประชามติของคณะรัฐมนตรี

แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’

ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon  โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!