"ทหารเรือ" หนี้ท่วมเงินเดือนเหลือใช้ไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์นับหมื่นราย เร่งดูแลปล่อยกู้- ลดดอกเบี้ยไม่เกิน 4.75% -ยืดผ่อนชำระหนี้ได้ถึงอายุ 75 ปี “ผช.ผบ.ทร “เผย 5วงรับผิดชอบ มั่นใจนำไปสู่ปัจจัยความสำเร็จ “กิตติรัตน์” มั่นใจไม่กี่เดือนประกาศความสำเร็จ
16 ก.ค.2567 - พลเรือเอก ชลธิศ นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้แทน ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อม นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี/ประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย และคณะ ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินกำลังพลของกองทัพเรือ ที่อาคารส่วนบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
สำหรับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับบุคลากรภาครัฐและประชาชนรายย่อย ได้กำหนดแนวทางการดำเนินการที่สำคัญ 2 เรื่อง ได้แก่ 1.) ให้ส่วนราชการกำหนดหลักเกณฑ์การหักเงินเดือนเหลือสุทธิไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 และ 2.) ให้สหกรณ์ออมทรัพย์พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้เหลือไม่เกิน ร้อยละ 4.75 ขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระได้ถึงอายุ 75 ปี และสามารถผ่อนชำระคืนเฉพาะส่วนที่เกินทุนเรือนหุ้น ซึ่งนโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ รัฐบาลได้กำหนดให้ทุกส่วนราชการนำไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และได้ประสานขอความร่วมมือไปยังกรมส่งเสริมสหกรณ์ ธนาคาร และสถาบันทางการเงินต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินการของทุกภาคส่วนเป็นไปอย่างมีระบบและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ในส่วนของกองทัพเรือได้ทำการศึกษาและตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่า ในปัจจุบันมีกำลังพลของกองทัพเรือที่รับเงินเดือนน้อยกว่าร้อยละ 30 มีจำนวนทั้งสิ้น 10,709 นาย หรือคิดเป็นร้อยละ 23 ของจำนวนกำลังพลทั้งหมด 46,563 นาย จึงได้นำนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหนี้สินมาสู่การปฏิบัติ โดยให้ความสำคัญกับ 2 แนวทาง หลัก ประกอบด้วย
แนวทางการป้องกันปัญหาหนี้สินกำลังพล (Preventive Measures) มีการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้
1.) ออกระเบียบกองทัพเรือว่าด้วยการหักเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทนพนักงานราชการ เพื่อชำระเงินให้แก่สวัสดิการภายในส่วนราชการ สหกรณ์และสถาบันการเงิน รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การจัดลำดับรายการที่หักจากเงินเดือน
2.) จัดทำหมายเหตุในใบรับเงินเดือนเพื่อแจ้งเตือนสถาบันการเงินต่าง ๆ กรณีที่กำลังพลมีรายรับสุทธิต่ำกว่าร้อยละ 30 ขอกู้เงิน เพื่อให้สถาบันการเงินต่าง ๆ พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการปล่อยกู้เงิน
3.) การพิจารณาก่อนการรับรองให้กู้เงินจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ให้นำหลักเกณฑ์หลังจากการตัดเงินกู้แล้ว กำลังพลต้องมีรายรับสุทธิต่อเดือนคงเหลืออย่างน้อยร้อยละ 30
4.) การให้ความรู้ทางการเงินแก่กำลังพล เช่น การออม การลงทุนของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) การบริหารจัดการทางการเงินให้เกิดประสิทธิภาพ และโครงการที่ให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้สิน เป็นต้น
5.) การดำเนินโครงการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ เช่น การจัดรถรับ - ส่งกำลังพล การจัดงานขายสินค้าราคาประหยัด และกิจกรรมส่งเสริมอาชีพต่าง ๆ เป็นต้น
แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินกำลังพล (Corrective Measures) มีการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้
1.) กำหนดให้หน่วยต้นสังกัดของกำลังพลทำหน้าที่เป็นที่เป็นคลีนิคปรึกษาการแก้ไขปัญหาหนี้สินเบื้องต้น และหากเกินขีดความสามารถของหน่วยให้พิจารณาเสนอคลินิกให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของกำลังพล ทร.(สก.ทร.) เพื่อประสานกับสถาบันการเงินภายนอกในการแก้ไขหนี้ รวมทั้งให้คำปรึกษา คำแนะนำด้านกฎหมายและวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้สิน โดยมีที่ตั้ง ณ สก.ทร. รวมทั้งจัดทำเบอร์โทรศัพท์สายด่วนเพื่อให้กำลังพลที่เดือนร้อน สามารถขอคำปรึกษาได้
2.) สนับสนุนให้สหกรณ์ภายในกองทัพเรือมีโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิก ที่อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.75 ต่อปี หรือต่ำกว่า รวมทั้งการขยายระยะเวลาชำระหนี้ เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของสมาชิกสหกรณ์
3.) การพิจารณากรณีที่กำลังพลที่มีรายรับสุทธิต่อเดือนคงเหลือน้อยกว่าร้อยละ 30 หากมีความจำเป็นต้องการกู้เงิน นั้นให้ผู้บังคับบัญชาของหน่วย ตรวจสอบรายได้เสริมอื่น ๆ เช่น การขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง การขายสินค้า/อาหาร เป็นต้น ว่าเพียงพอต่อการดำรงชีวิตหรือไม่ ก่อนอนุญาตให้กู้เงินได้ โดยพิจารณาเป็นรายบุคคล เพื่อเป็นการช่วยเหลือกำลังพลที่มีความจำเป็นจริงและเดือนร้อน เพื่อป้องกันมิให้กำลังพลไปกู้เงินนอกระบบ
ในปัจจุบันการป้องกันและแก้ไขปัญหาหนี้สินกำลังพลของกองทัพเรือมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยสรุป ดังนี้
1.) สหกรณ์ภายในกองทัพเรือ จำนวน 7 แห่ง ได้ออกโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.75 ต่อปี หรือต่ำกว่า รวมทั้งการขยายระยะเวลาชำระหนี้ตามนโยบายรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว
2.) กองทัพเรือได้ออกระเบียบกองทัพเรือว่าด้วยการหักเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทนพนักงานราชการ การทำหมายเหตุในสลิปเงินเดือน และการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดลำดับรายการที่หักจากเงินเดือนเรียบร้อยแล้ว
3.) ปัจจุบันมีกำลังพลที่รับเงินเดือนน้อยกว่าร้อยละ 30 เข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินกับสหกรณ์ภายในกองทัพเรือ จำนวน 1,241 ราย และเข้าร่วมโครงการกับคลีนิกแก้หนี้ จำนวน 315 ราย รวมเป็นจำนวนกำลังพลที่มีความเดือดร้อนและสมัครใจเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 1,556 ราย คิดเป็นร้อยละ 14.5 ของจำนวนกำลังพลที่รับเงินเดือนน้อยกว่าร้อยละ 30 ทั้งสิ้น 10,709 ราย โดยกำลังพลในส่วนที่เหลืออีก 9,153 ราย ที่ยังไม่ร่วมโครงการ นั้น ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการสำรวจและรวบรวมข้อมูลจากหน่วยต้นสังกัด ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่ากำลังพลในจำนวนนี้บางส่วนไม่มีความเดือดร้อนเนื่องจากมีรายได้ส่วนอื่นของครอบครัวให้การสนับสนุน และมีรายได้เสริมที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ อย่างไรก็ตามกองทัพเรือจะได้เร่งการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมให้กำลังพลที่มีความเดือดร้อนได้เข้ามาร่วมโครงการอย่างต่อเนื่องต่อไป
4.) สำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้สินของกำลังพลที่เข้าร่วมโครงการผ่านคลีนิกแก้หนี้ จำนวน 315 นาย ที่เป็นกำลังพลที่ประสบปัญหาหนี้สินซ้ำซ้อน นั้น ปัจจุบันสามารถแก้ไขปัญหาจบแล้ว จำนวน 199 ราย คาดว่าจะประสบผลสำเร็จ ในระยะเวลาอันใกล้อีกจำนวน 90 ราย และอยู่ระหว่างการรวมหนี้ ประนอมหนี้ และการเจรจากับเจ้าหนี้ อีกจำนวน 26 ราย ซึ่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ต่อไป
พลเรือเอก ชลธิศ กล่าวว่า ขอขอบคุณความตั้งใจของรัฐบาล และแนวนโยบายการดำเนินการที่เห็นทิศทางชัดเจน และคำนึงถึงข้าราชการให้มีเงินเหลือในการดำรงชีพได้เพียงพอ ถ้ามองจากข้างในออกไป วงที่หนึ่ง ตัวเขาต้องมีความรับผิดชอบเป็นสำคัญก่อน วงที่สองคือผู้บังคับบัญชาระดับต้นต้องไปกำกับดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด ถ้าเจ้าตัวงอง แง ไม่มีวินัย อยู่ในกลุ่มเสี่ยงแล้วไม่มีคนให้คำปรึกษาเวลาผ่านไป ปัญหาเล็กก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ นอกจากนั้นก็ความรับผิดชอบของผู้ปล่อยกู้ด้วย
วงที่สาม คือสหกรณ์กองทัพ ซึ่งแตกต่างจากสหกรณ์ทั่วไป เพราะไม่มีการแข่งขันโดยมุ่งเน้นให้ผู้บังคับบัญชาดูแลให้เกิดความเป็นธรรม วงที่สี่คือสถาบันการเงิน ที่จะร่วมมือจากสหกรณ์ ทั้งนี้หลังจากได้ฟังคำแนะนำจึงได้เห็นโอกาสในการแก้ไขปัญหาได้ชัดเจนขึ้น
วงนอกสุดคือเรื่องของ นโยบายของรัฐบาลที่มองเห็นภาพรวม ทั้งหมดนั้นทำให้เห็นถึงสิ่งแวดล้อมใหม่ หรือการบูรณาการที่เกิดขึ้น ทางทหารเรียกว่าปัจจัยแห่งความสำเร็จ ซึ่งก็คือการสื่อสาร การปรับทัศนคติ การลงมือทำจริง โดยกำลังพลที่มีปัญหาเรารู้ชื่อหมดแล้ว และรู้ว่ามีปัญหาอย่างไรบ้าง เมื่อเรารู้ข้าศึกและเป้าหมายหมดแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะไปแก้ปัญหา เพียงแต่ต้องเร่งดำเนินการและประสานความร่วมมือ โดยนำโอกาสต่างๆมาใช้ให้เหมาะสม
ด้านนายกิตติรัตน์ ให้สัมภาษณ์ว่า ทุกฝ่ายที่มาปรึกษาหารือกันวันนี้มีเป้าหมายเดียวกันที่จะแก้ไขปัญหาให้กับกำลังพลกองทัพเรือได้มีเงินเดือนเมื่อหักชำระหนี้แล้วเพียงพอต่อการดำรงชีวิต และให้เจ้าหนี้ทุกรายได้รับชำระหนี้ ตามสิทธิทางกฏหมาย พร้อมขอความกรุณาจากทุกทุกหน่วยให้เห็นปัญหาร่วมกันว่าการที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับให้เหมาะสมกับเรื่องความเสี่ยง รวมถึงงวดหนี้ชำระคืน เป็นการผ่อนปรนให้กำลังพลสามารถผ่อนชำระคืนได้ตามศักยภาพ
“ขอขอบคุณกองทัพเรือที่ให้โอกาสเราเชื่อมั่นว่าคนที่มาในวันนี้มีความชัดเจนในส่วนของตัวเองเช่นสถาบันการเงิน ทั้ง5 แห่ง จะผ่อนปรนอะไรได้บ้างจะไม่มีภาวะที่ว่าใครจะต้องลำบากหรือกลายเป็นผู้เสียสละจนเกินไป ความร่วมมือนั้นเป็นไปด้วยความเหมาะสม มั่นใจว่ากองทัพเรือจะเป็นแรงบันดาลใจให้ส่วนราชการอื่นได้มีแนวทางเดียวกันและจะสามารถประกาศความสำเร็จในการดูแลตรงนี้ ให้กำลังพลเหลือเงินในการดำรงชีพ และเจ้าหนี้ทุกรายสามารถได้รับการชำระหนี้ได้อย่างครบถ้วนโดยไม่มีความจำเป็นต้องฟ้องร้องลูกหนี้และคำผู้ค้ำประกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทร. เตรียมจัดเสวนาเรื่องเส้นเขตแดนทางทะเล ปม MOU 44 หวังสื่อสารให้สังคมเข้าใจ
พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวภายหลังทำพิธีวันสถาปนากองทัพเรือ ครบรอบ 118 ปี เมื่อถามว่า อดีต ผบ.ทร. ได้ฝากถึงกรณี MOU 44
'ทร.' เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย 'วันลอยกระทง' ดูแลตลอดลำน้ำเจ้าพระยา
ทร. เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยวันลอยกระทง จัดกำลังพล 239 นาย เรือ 44 ลำ ดูแลความปลอดภัยตลอดลำน้ำเจ้าพระยา
'ภูมิธรรม' ไม่ขีดเส้นตาย 'ทัพเรือ' ชี้แจงเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำเป็นของจีน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเรือดำน้ำ หลังสั่งการให้กองทัพเรือไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม ในกรณีที่ต้องเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ CHD620 ของจีน และการขยายสัญญา 1,217 วัน
ฝากถาม ‘บิ๊กอ้วน’ ถ้าเรือท่องเที่ยวเขมร ชูแผนที่MOU จอดเกาะกูดเอาคนมาเล่นน้ำ จะให้ทหารเรือปฏิบัติอย่างไร
ฝากทหารเรือถาม รมต.กลาโหม กรณีถ้าเรือท่องเที่ยวปักธงเขมร ชูแผนที่ MOU4 ที่มีลายเซ็นฝ่ายไทยเซ็นกำกับรับรอง
ศรชล.-ทรภ.3 ร่วมดูแลเรือใบอิตาลี สวยที่สุด อายุเก่าแก่ เทียบท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต
ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค3) เปิดเผยว่า พลเรือโทสุวัจ ดอนสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 (ผบ.ทรภ.3)/ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ผอ.ศรชล.ภาค 3)
จ่อร้องยุบรัฐบาล! ‘วีระ’ อ้างเป็นกบฏทำ เสียดินแดน / ‘ผบ.ทร.’ ลงพื้นที่เกาะกูด
ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด กำชับกำลังพลหากมีเรื่องใดขัดข้องให้รีบแจ้งเพื่อแก้ไข ขณะที่นายอำเภอเกาะกูดลั่นเป็นของไทยมากว่า