ครม. เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ครอบคลุม 21 ล้านไร่ วงเงิน 2.3 พันล้านบาท

16 ก.ค.2567 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ ดังนี้ ให้ความเห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี (โครงการฯ) ปีการผลิต 2567 ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 ซึ่งมีพื้นที่เป้าหมายรวมการรับประกันภัยพื้นฐาน (Tier 1) และการรับประกันภัยเพิ่มเติมโดยสมัครใจ (Tier 2) จำนวน 21 ล้านไร่ วงเงินงบประมาณโครงการฯ รวม 2,302.16 ล้านบาท ประกอบด้วย วงเงินที่รัฐบาลอุดหนุนจำนวน 1,612.16 ล้านบาท ประกอบด้วย (1) วงเงินงบประมาณที่รัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย Tier1 จำนวน 1,569.32 ล้านบาท และ (2) วงเงินที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาล และเงินชดเชยจากรัฐบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงรวมกับต้นทุนเงิน โดยคิดอัตราชดเชยด้วยอัตราต้นทุนทางการเงินจากรัฐบาลในอัตราต้นทุนทางการเงินของ ธ.ก.ส. ประจำไตรมาส บวก 1 (ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 2.73) จำนวน 42.84 ล้านบาท และวงเงินที่ ธ.ก.ส. อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้แก่ลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. จำนวน 690 ล้านบาท
 
นายชัย กล่าวว่า โดยโครงการฯ ปีการผลิต 2567 สรุปได้ดังนี้ ผู้รับผลประโยชน์ 1.กรณีเกษตรกรเป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ให้ เกษตรกรผู้เอาประกันภัย เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวน และ2. กรณีเกษตรกรลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ซื้อเพิ่มเอง และเกษตรกรทั่วไป (ภาคสมัครใจ)
 
นายชัย กล่าวว่า เกษตรกรผู้เอาประกันภัย อัตราเบี้ยประกันภัย (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) tier 1 (1) ลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. 115 บาทต่อไร่ (2) เกษตรกรทั่วไป พื้นที่ความเสี่ยงต่ำ (พื้นที่นำร่อง) 70 บาทต่อไร่ พื้นที่ความเสี่ยงปานกลาง 199 บาทต่อไร่ พื้นที่ความเสี่ยงสูง 218 บาทต่อไร่ และ tier 2 -พื้นที่ความเสี่ยงต่ำ 27 บาทต่อไร่ พื้นที่ความเสี่ยงปานกลาง 60 บาทต่อไร่ พื้นที่ความเสี่ยงสูง 110 บาทต่อไร่ ทั้งนี้ ความคุ้มครอง (1) ภัยธรรมชาติ 7 ภัย tier 1 1,190 บาทต่อไร่ และ tier 2 240 บาทต่อไร่ (2) ศัตรูพืชหรือโรคระบาด tier 1 595 บาทต่อไร่ และ tier 2 120 บาทต่อไร่
 
นายชัย กล่าวว่า อัตราการอุดหนุนเบี้ยประกันภัย (เฉพาะ tier 1) รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม (1) ลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. 124.12 บาทต่อไร่ รัฐบาลอุดหนุน 78.12 บาทต่อไร่ ธ.ก.ส. อุดหนุน 46 บาทต่อไร่ (จำกัดไม่เกิน 30 ไร่ต่อราย สำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนปีการผลิต 2566- 2567 และ (2) เกษตรกรทั่วไป พื้นที่ความเสี่ยงต่ำ (พื้นที่นำร่อง) 75.47 บาทต่อไร่ รัฐบาลอุดหนุน 70.97 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่าย 5 บาทต่อไร่ พื้นที่ความเสี่ยงปานกลาง 214 บาทต่อไร่ รัฐบาลอุดหนุน 84 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่าย 130 บาทต่อไร่ และพื้นที่ความเสี่ยงสูง 234.33 บาทต่อไร่ รัฐบาลอุดหนุน 85.33 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่าย 149 บาทต่อไร่
 
นายชัย กล่าวด้วยว่า ธ.ก.ส. เริ่มจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยทั่วประเทศ (63 จังหวัด) ตั้งแต่วันที่ครม. มีมติถึง 31 กรกฎาคม 2567 ยกเว้นภาคใต้ (14 จังหวัด) สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567 ทั้งนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำรายละเอียดข้อมูลประกอบการขออนุมัติต่อขอมตามมาตรา 27 และมาตรา 28 แห่งพรบวินัยการเงินการคลังพ.ศ. 2561 เรียบร้อยแล้ว
 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธรรมนัส' เผยวันนี้รู้ข้อสรุปโครงการ 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' ยุติหรือเดินหน้าต่อ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบในโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 โดยรัฐบาลและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมจ่ายเงินค่าสินไหม และเบี้ยประกันภัย ให้กับเกษตรกรชาวนาในปีการผลิต 2567 - 2568

รัฐบาลโต้ตัวเลขเปิดโรงงานใหม่ สูงกว่าปิดกิจการถึง 73%

'โฆษกรัฐบาล' แจงข่าวโรงงานปิดกิจการเพิ่มขึ้น ยันตัวเลขเปิดสูงกว่าที่ปิดถึง 73% ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญกับความอยู่รอดของผู้ประกอบการ

กมธ.เกษตร จี้รัฐบาลยกเลิกโครงการ 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' พร้อมเสนอแนะ 7 ข้อ

กมธ.เกษตร นำโดยนายศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกมธ. แถลงว่า วันนี้ทางกมธ.มีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่อง "

ตรรกะวิบัติ! 'ไทยภักดี' ซัดรัฐบาล แจงเหตุขายชาติไม่เนียนพอ

นายทศพล พรหมเกตุ เลขาธิการพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีที่นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ชี้แจงประเด็นนโยบายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี

นายกฯ สั่งติดตามสถานการณ์เพลิงไหม้ ตรอกโพธิ์ เยาวราช

นายกฯ ติดตามสถานการณ์เพลิงไหม้ ตรอกโพธิ์ เยาวราช พร้อมสั่งการให้ความช่วยเหลือ ผู้ได้รับบาดเจ็บรวมทั้งประชาชนในพื้นที่ นักท่องเที่ยว