กมธ.เกษตร จี้รัฐบาลยกเลิกโครงการ 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' พร้อมเสนอแนะ 7 ข้อ

“กมธ.เกษตรฯ” แนะรบ.ยกเลิก ”ปุ๋ยคนละครึ่ง“ ชี้หากมีความจำเป็นควรมีโครงการคู่ขนาน พร้อมให้สิทธิ์เกษตรกรซื้อปุ๋ยเองตามความเหมาะสม

11 ก.ค.2567 - ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกมธ. แถลงว่า วันนี้ทางกมธ.มีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่อง "มาตรการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2567/68" โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

นายศักดินัย กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรผู้ปลูกข้าว ภายใต้มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 67 โดยภาครัฐสนับสนุนค่าปุ่ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และชีวภัณฑ์ในราคาไม่เกินไร่ละ 500 บาท ครัวเรือน ละไม่เกิน 20 ไร่ ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในปีการผลิต 2567/68 ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร และสนใจเข้าร่วมโครงการประมาณ 4.68 ล้านครัวเรือน

“ผู้แทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว มีความเห็นว่าควรโอนเงินค่าสนับสนุน ปุ๋ยและชีวภัณฑ์ ให้แก่เกษตรกรโดยตรง เพื่อให้สามารถเลือกซื้อปุ๋ยและชีวภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการของเกษตรกร และสอดคล้องกับสภาพพื้นที่เพาะปลูกในแต่ละพื้นที่ อีกทั้งเกษตรกรส่วนใหญ่มีเงินไม่เพียงพอในการจ่ายสมทบเข้าร่วมโครงการดังกล่าว และในบางพื้นที่ได้ล่วงเลยระยะเวลาการใช้ปุ๋ยและชีวภัณฑ์ ในการเพาะปลูกข้าวแล้ว”นายศักดินัย กล่าว

นายศักดินัย กล่าวต่อว่า ทางกมธ.มีข้อเสนอแนะว่า 1. รัฐบาลควรยกเลิกโครงการดังกล่าว เนื่องจากยังพบข้อจำกัดหลายประการ แต่หากมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไปควรกำหนดให้เกษตรกรมีสิทธิ์ได้เลือกซื้อปุ๋ยเองตามความเหมาะสม ควรเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกำหนดแนวทางการทำงานอย่างรอบคอบเพื่อประโยชน์ของเกษตรกรชาวนาอย่างแท้จริง อีกทั้งควรกำหนดมาตรการหรือโครงการอื่นในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว คู่ขนานกับโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยเฉพาะโครงการสินเชื่อชะลอการขาย ข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่) ซึ่งเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์และตรงตามความต้องการของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

ประธานกมธ.กล่าวต่อว่า 2.กรมการข้าว ควรกำหนดสูตรปุ๋ยและยี่ห้อปุ๋ยที่มีธาตุอาหารถูกต้องตามหลักวิชาการ สอดคล้องกับพันธุ์ข้าวและสภาพพื้นที่เพาะปลูกในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเลือกใช้ปุ๋ยที่มีคุณภาพและช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไรได้อย่างแท้จริง อีกทั้งควรจัดหาผู้ประกอบการปุ๋ยและชีวภัณฑ์ที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้มีจำนวนหลากหลายเพื่อให้เกษตรกรมีทางเลือกในการใช้ปุ๋ยและชีวภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร ทั้งนี้ ราคาปุ๋ยและชีวภัณฑ์ที่จำหน่ายตามโครงการฯ จะต้องเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดทั่วไป เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นการให้เกษตรกรสมทบเงินเพื่อซื้อปุ๋ยด้วยครึ่งหนึ่ง ดังนั้น จึงควรให้เกษตรกรได้มีสิทธิในการเลือกสูตรปุ๋ยและยี่ห้อปุ๋ยที่เข้าร่วมโครงการฯ

นายศักดินัย กล่าวอีกว่า 3.กรมการข้าวและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ควรคำนึงถึงเกษตรกรผู้ปลูก ข้าวซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีเงินเพียงพอในการจ่ายสมทบโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.กรมวิชาการเกษตร ควรกำหนดมาตรการในการตรวจสอบคุณภาพปุ๋ยและชีวภัณฑ์จากผู้ประกอบการปุ่ยที่เข้าร่วมโครงการฯ อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการปลอมปนปุ๋ยไม่ได้คุณภาพรวมถึงต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในการพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการปุ๋ยและชีวภัณฑ์ที่เข้ามาสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ในปัจจุบันกว่า 186 บริษัท โดยต้องยึดหลักการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนเพื่อป้องกันปัญหาการทุจริต 5.กรมส่งเสริมสหกรณ์ ควรคำนึงถึงแนวทางการดำเนินการให้เกิดความโปร่งใสในการจ่ายเงินจากสหกรณ์การเกษตรให้กับผู้ประกอบการจำหน่ายปุ๋ยและชีวภัณฑ์ 6.กรมส่งเสริมการเกษตร ควรกำหนดมาตรการการขึ้นทะเบียนและประชาสัมพันธ์ให้แก่เกษตรกร ผู้ปลูกข้าวให้ครอบคลุมและทันต่อระยะเวลาการเข้าร่วมโครงการฯ

ประธานกมธ. กล่าวต่อว่า 7.กรมการค้าภายใน ควรกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อเสนอต่อคณะคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิต คุ้มค่างบประมาณเป็นไปตามวินัยการเงินการคลังของรัฐ และครอบคลุมความต้องการของเกษตรกรอย่างแท้จริง โดยเฉพาะโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ไร่ละ1,000บาทสูงสุดไม่เกิน 20 ไร่)

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครม. เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ครอบคลุม 21 ล้านไร่ วงเงิน 2.3 พันล้านบาท

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ ดังนี้ ให้ความเห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี

'ธรรมนัส' เผยวันนี้รู้ข้อสรุปโครงการ 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' ยุติหรือเดินหน้าต่อ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบในโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 โดยรัฐบาลและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมจ่ายเงินค่าสินไหม และเบี้ยประกันภัย ให้กับเกษตรกรชาวนาในปีการผลิต 2567 - 2568

'ก้าวไกล' ลากไส้รัฐบาล งบฯดิจิทัลวอลเล็ต เปลี่ยนที่มาเงิน แจกไม่ถ้วนหน้า

ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิทักษ์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วม

การเมืองที่ไม่ได้เล่นละคร 'โรม' ลั่น! ก้าวไกลพร้อมตรวจสอบ 'ทักษิณ'

ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เตรียมตัวเข้ามาทำ

‘วิโรจน์’ เล็งตั้งกระทู้ จี้ มท.1 เขื่อนป้องกันตลิ่งอ่างทอง สร้างล่าช้า ป้องกันน้ำท่วมไม่ได้

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง เขื่อนป้องกันตลิ่งพัง ที่ จ.อ่างทอง ก่อสร้างล่าช้า แถมป้องกันน้ำท่วมไม่ได้