ผบ.ทหารสูงสุด เผยกองทัพทำแผนซื้ออาวุธแบบแพ็กเกจ พร้อมเปิดเอกสารหมดเปลือกในชั้นอนุ กมธ.

ผบ.ทหารสูงสุด กางแผนรับภัยคุกคาม สงครามรอปะทุอยู่รอบด้าน ส่งผลกระทบไทย แจง กมธ.งบฯ ใช้งบไม่ซ้ำซ้อน เหล่าทัพกำลังทำแผนซื้ออาวุธแบบแพคเกจพร้อมเปิดเอกสารหมดเปลือกในชั้นอนุ กมธ. เผยลุ้นถกรอบสามช่วยตัวประกันไทยในอิสราเอล 6 คนรอบใหม่สัปดาห์หน้า

10 ก.ค.2567 - พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ. สส.) ชี้แจงว่า ในการลงรายละเอียดในขั้นอนุกรรมมาธิการยืนยันว่าจะมีเอกสารชี้แจงมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ส่วนเรื่องหลักการทำงานของเหล่าทัพยืนยันว่ามีจุดมุ่งหมายสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนและสังคมโลก หลักการคือปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลที่มาจากประชาชน วันนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าการที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพมาตอบเองในทุกเรื่อง เป็นเครื่องยืนยันว่านอกจากฝ่ายบริหารควบคุมแล้วยังมีฝ่ายนิติบัญญัติถ่วงดุลอำนาจในการควบคุมกองทัพด้วย

สำหรับคำถามเรื่องการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพ ซึ่งมองว่าซื้ออาวุธซ้ำซ้อนกัน แลการปฏิบัติงานในการรบ ต่างคนต่างทำนั้น ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาในอนาคตโดยเฉพาะเรามีแนวทาง การจัดซื้ออาวุธแบบ แพคเกจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชิ้นส่วนของยุทโธปกรณ์หรือระบบดาต้าลิ้งค์โดยกองทัพไทยได้ลงทุนในส่วนของไซเบอร์มากกว่าเหล่าทัพอื่นเพราะต้องการเป็นฮับของเหล่าทัพ แต่เหล่าทัพก็ต้องมีระบบป้องกันของตัวเองด้วยตนจึงมีหน้าที่แค่ประสานการป้องกันของทุกหน่วย
ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ส่วนเรื่องการเตรียมพร้อมในการดูแลกำลังพล และพลทหารทั้งร่างกายและจิตใจของนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่เราคนที่เติบโตขึ้นมาแล้วป่วยทางจิตมากขึ้นกองทัพไทยมีสำนักงานแพทย์ บรรจุเจ้าหน้าที่ด้านเวชกรรมป้องกัน และพยาบาลที่จบปริญญาโท 1 คนและนักจิตเวชคลินิก 2 คน แน่นอนว่าจำนวนเหล่านี้ไม่เพียงพอต่อปัญหาที่เกิดขึ้นแต่เราใช้กำลังพลของเราลงไปเป็นที่ปรึกษาด่านแรกโดยในแต่ละปีเราได้มีการกลั่นกรองคนเข้ามาพบว่า 17,000 คน มีป่วยสีแดง 240 คนซึ่งเหล่านี้ก็เป็นปัญหาในเกือบทุกองค์กรที่เกิดขึ้น

สำหรับปัญหาภัยคุกคามของชาติโดยเฉพาะการค้าการลงทุนและชีวิตของคนไทยที่อยู่ในต่างแดน ในพื้นที่ตะวันออกกลางยังมีตัวประกันเหลืออยู่6 คน สัปดาห์หน้าจะเป็นการเจรจารอบใหม่ในประเทศทีี่ 3 ก็ต้องให้กำลังใจกันซึ่งตนก็ทำงานกับกระทรวงต่างประเทศอยู่โดยมีการหารืออย่างสม่ำเสมอกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เพื่อทำง่รคู่ขนานกันไป โดยแรงงานที่อยู่ที่นี่ประมาณ 30,000 กว่าคนรวมทั้งกลุ่มที่เป็นโอเวอร์สเตย์ด้วยซึ่งพื้นที่ตรงนี้ไม่มีผู้ช่วยทูตทหารเมื่อประเทศที่ประกาศเป็นภัยสงครามกระทรวงต่างประเทศไม่สามารถทำงานหน่วยเดียวได้ เพราะเขาแบ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติทางการทหาร เป็นเรื่องกองทัพกับกองทัพที่ต้องคุยกันตั้งศูนย์ขึ้นมารองรับ โดยได้คุยกับเหล่าทัพในการเตรียมแผนเผชิญเหตุนี้ไว้แล้ว

ส่วนที่เราเป็นห่วงพื้นที่ด้านเอเชียตะวันออกเพราะมีหลายประเทศที่เกี่ยวข้องซึ่งมีแรงงานก็ไปทำงานจำนวนมากโดยเฉพาะเกาหลีใต้ก็มี 300,000 กว่าคนทางไต้หวันก็มีจำนวนมากพอสมควร ซึ่งมีความเป็นห่วงค่อนข้างมาก หากเกิดวิกฤติขึ้นนอกจากแรงงานแล้วก็จะมีสินค้าที่ส่งไปด้วย เพราะเป็นจุดผลิตเซมิคอนดักเตอร์ใหญ่ของโลก สุ่มเสี่ยงจะกระทบต่อสายการผลิตอุตสาหกรรม พื้นที่ตรงนี้หลายชาติเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง นโยบายต่างประเทศแต่ละชาติที่อยู่ในด้านตะวันตกล้วนอยู่ในยุทธศาสตร์ของอินโดแปซิฟิกด้วยกันทั้งสิ้นและมีการเสริมกำลังในส่วนนี้มากขึ้นซึ่งโอกาสกระทบกระทั่งก็สูงขึ้นด้วย แต่เราก็ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารฯเปลี่ยนจากเรื่องพิธีการไปศึกษาเรื่องความมั่นคงมากขึ้นการเยือนของผู้นำเหล่าทัพก็ถูกถามเรื่องพวกนี้มากขึ้น

ส่วนทะเลที่อยู่ฝั่งตะวันออกของไทยถ้าเกิดอะไรขึ้น จะกระทบกับไทยหนักมากเพราะการเดินเรือจะชะงักหมดรวมถึงช่องแคบที่อยู่ด้านล่างด้วย จะกระทบเรื่องความมั่นคงทางด้านพลังงานที่ส่งจากฝั่งตะวันออกกลางรวมถึงสินค้าที่เราจะส่งไปขายกับคู่ค้า จึงอยากเชียร์ กองทัพเรือ ในเรื่องความมั่นคงทางทะเล

ในส่วนรอบบ้านเราถ้าความสงบไม่มี ก็จะกระทบแน่นอน ซึ่งทางกระทรวงต่างประเทศก็ได้ให้โจทก์เรื่องการช่วยเหลือด้านของมนุษยธรรมให้มากที่สุดเช่นการส่งของไปช่วย โดยประเทศตะวันตกต้องยอมรับเงื่อนไขตรงนี้ด้วยเพราะว่ามีผู้ได้รับผลกระทบนี้มีถึง 3,000,000 คนพวกนี้อยู่ใกล้ชายแดนไทยประมาณ 500,000 คน กองทัพไทยจึงต้องเป็นศูนย์กลางของทุกเหล่าทัพในการบูรณาการ นอกจากนัั้น ไทยก็พยายามผลักดันดันให้ 5ข้อตกลงอาเซียนเพื่อพูดคุยแนวทางไปสู่สันติภาพแต่ระหว่างทาง ก็เกิดปัญหาตามแนวชายแดนเช่นเรื่องยาเสพติดซึ่งตอนนี้ราคายาบ้าลดลงเรื่อยๆ จับได้มากขึ้น5เท่าแต่การผลิตอาจมากถีฝ 10 เท่าไม่เช่นนั้นราคาคงไม่ถูกลง ซึ่งการเฝ้าตรวจก็ทำได้รแค่ะดับหนึ่งพื้นที่สีเทาก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ลดลง จึงต้องมีนโยบายชัดเจนจะทำอย่างไร เพราะปัญหาส่งผลกระทบกับประเทศไทย และทั่วโลก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กลาโหม' เตรียมแก้กฎหมาย กำลังพลล้มละลาย ไม่ปลดออกจากราชการ

นายทิน คลังแสง รมว.กลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมว่า ได้เน้นย้ำ หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและ ผบ.เหล่าทัพ เข้มงวดมาตรการการหักเงินเดือนพลทหารตามที่กำหนด พร้อมส่งจเรทหารลงพื้นที่หากพบว่าฝ่าฝืนจะมีการลงโทษโดยเด็ดขาด

เหล่าทัพขานรับนโยบาย 'บิ๊กทิน' ซื้ออาวุธแบบแพ็กเกจ

พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กล่าวภายหลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพว่า มีการหารือกันเรื่องเทคโนโลยีที่ทันสมัย

'สุทิน' ท้าก้าวไกลซักฟอกงบลับ-ซื้ออาวุธ-เรือดำน้ำ ขอเวลาฝ่ายค้านเพิ่มจะได้ชี้แจงครบ

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมชี้แจงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ว่า มีความพร้อม เราได้ทำตามที่พูดไปและเท่าที่ฟังก็เป็นประเด็นที่เราตอบได้อยู่แล้ว

'ภูมิธรรม' เบรก 'สุทิน' ไม่จำเป็นต้องเดินสายชี้แจงงบกลาโหมให้ทุกพรรคทราบ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีการเตรียมพร้อมอภิปรายร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี2568 ระหว่างวันที่ 19 -21 มิ.ย.ว่า รัฐบาลกำหนดให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลในสัดส่วนของรัฐมนตรี

กองทัพยอมรับ 'ร้อยโท' โยงสังหารแม่ค้าออนไลน์เป็นกำลังพลจริง

กองทัพยอมรับ “ร้อยโท” ผู้ต้องสงสัยสังหารแม่ค้าออนไลน์ เป็นกำลังพลของกองทัพไทยจริง  ด้าน ผบ.ทหารสูงสุด ให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินตามขั้นตอนพร้อมให้ความร่วมมือตำรวจ

'สุทิน' ขึงขังสั่งกองทัพห้ามใช้ไอ้เณรทำงานบ้านเด็ดขาด

'สุทิน' สั่งห้ามเด็ดขาดใช้พลทหารทำงานบ้าน ลั่นเป็นผู้ใหญ่แล้วคงเข้าใจดี อย่าให้ต้องแก้ระเบียบ เผยเหล่าทัพเช็กยอดพลบริการ หากไม่ถูกต้องเรียกกลับ มองการเมืองตีทหารยิ่งดังกระแสดี กำชับกองทัพระวังตัว