รพ.มงกุฎวัฒนะ ประกาศเตรียมถอนตัวประกันสังคม ตอบโต้การวินิจฉัยไม่เป็นธรรม

26 มิ.ย.2567 - โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้ประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊ก Mongkutwattana Hospital-โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เรื่อง "การเตรียมการถอนตัวออกจากการเป็นโรงพยาบาลคู่สัญญากับสำนักงานประกันสังคม" โดยข้อความดังนี้

เนื่องจากคณะกรรมการอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 คำวินิจฉัยที่ 235/2567 ลงวันที่ 29 ก.พ.2567 ได้แจ้งให้สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 9 มีคำสั่งให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของผู้ประกันตนรายหนึ่ง จำนวน 80,295.20 บาท ทั้งๆ ที่เป็นกรณี ผู้ประกันตนตั้งใจไปรับการรักษากับ รพ.นอกสิทธิเอง แต่ผู้ประกันตนกลับร้องเรียนให้ รพ.มงกุฎวัฒนะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล ซึ่งเป็นการใช้สิทธิของผู้ประกันโดยไม่ถูกต้อง

ทั้งนี้ คณะกรรมการอุทธรณ์ฯ ได้พิจารณาอุทธรณ์จากเอกสารและการสอบถามผู้ร้องเรียนเพียงฝ่ายเดียว การฟังความข้างเดียวดังกล่าวทำให้เกิดการวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรมต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ ทั้งยังกล่าวหาว่า รพ.มงกุฎวัฒนะให้การตรวจวินิจฉัยรักษาอาการเจ็บป่วยของผู้ประกันตนไม่เหมาะสมตามมาตรฐานทางการแพทย์ และไม่เป็นไปตามสัญญาให้บริการทางการแพทย์ อีกทั้งยังมีมติบังคับให้ รพ.มงกุฎวัฒนะรับผิดชอบคำรักษาพยาบาลส่วนเกินนอกเหนือจากการจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามระบบ Adjust RW ถึงแม้จะเป็นเงินจำนวนน้อยแค่ 80,295.20 บาทก็ตาม แต่กรณีนี้จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้ผู้ประกันตนที่เจ้าเล่ห์ไม่ประสงค์ใช้สิทธิกับ รพ.ตามสิทธิอ้างอิงคำวินิจฉัยที่ 235/2567 ลง วันที่ 29 ก.พ.2567

เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการไปรักษากับ รพ.นอกสิทธิตามอำเภอใจ แล้วร้องเรียนให้ รพ.ตามสิทธิตามจ่ายค่ารักษาพยาบาลโดยไม่ถูกต้อง บรรทัดฐานดังกล่าวจะก่อให้เกิดการพิพาทร้องเรียน รพ. จากกรณีผู้ประกันตนเจ้าเล่ห์ในลักษณะเช่นนี้อีกอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด

ดังนั้นในกลางปีหน้า พ.ศ.2568 รพ.มงกุฎวัฒนะจะขอถอนตัวออกจากการเป็นคู่สัญญากับสำนักงานประกันสังคม การที่ รพ.มงกุฎวัฒนะประกาศขอถอนตัวแต่เนิ่นๆ ตั้งแต่บัดนี้ก็เพื่อให้ผู้ประกันตนจำนวนมากกว่า 100,000 คนที่ขึ้นทะเบียนกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้เตรียมการล่วงหน้าเพื่อย้ายสิทธิไปยัง รพ.อื่นๆ โดยผู้ประกันตนยังสามารถใช้บริการกับ รพ.มงกุฎวัฒนะไปได้อย่างต่อเนื่องไปอีก 18 เดือนจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.68 หรือสิ้นปีหน้า

อย่างไรก็ตาม รพ.มงกุฏวัฒนะ ขอแนะนำให้ผู้ประกันตนเริ่มพิจารณา รพ.แห่งใหม่ตั้งแต่บัดนี้ หากท่านสามารถย้ายสิทธิได้แต่เนิ่นๆ ก็จะทำให้ท่านไม่ประสบปัญหาฉุกละหุกในช่วงกลางปีหน้า พ.ศ.2568 ไปแล้ว ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถติดต่อขอรับสรุปประวัติการรักษาของท่านได้ที่แผนกเวชระเบียน (ประกันสังคม) อาคาร 1 ชั้น 6 ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.67 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2567

พลตรีเหรียญทอง แน่นหนา

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานประกันสังคมแจ้งเตือนนายจ้าง ชำระเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนปี 2569 และรายงานค่าจ้างปี 2568 ภายในกำหนด

นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม ขอแจ้งเตือนนายจ้างทุกแห่งให้ดำเนินการ ชำระเงินสมทบกองทุนเงินทดแทน ประจำปี 2569 ภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ลูกจ้างในการได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทน

สำนักงานประกันสังคมลงพื้นที่ช่วยเหลือลูกจ้างประสบอันตรายจากการทำงานในไซต์ก่อสร้างจังหวัดสมุทรปราการ

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 10.30 น. เกิดอุบัติเหตุโครงนั่งร้านบริเวณชั้น 3 ภายในไซต์งานก่อสร้างของบริษัท ไทย-ฮอง เทคโนโลยี จำกัด ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

ราชกิจจาฯ ประกาศปรับฐานค่าจ้างคำนวณเงินสมทบประกันสังคม ม.33 เริ่ม 1 ม.ค. 2569

กฎกระทรวงใหม่กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ-ขั้นสูง ใช้เป็นฐานคำนวณเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยปรับเพดานสูงสุดเป็นลำดับ จาก 17,500 บาท เพิ่มเป็น 23,000 บาทในระยะถัดไป มีผลตั้งแต่ต้นปี 2569

“ สปส.” แนะช่องทางนายจ้างชำระเงินสมทบกองทุนเงินทดแทน ส่งเสริมคุณภาพชีวิตสร้างหลักประกันให้แรงงานไทย

นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงานประกันสังคม(สปส.)ได้ให้ความสำคัญอย่างมากในการยกระดับคุณภาพกลไกลการทำงานของ “กองทุนเงินทดแทน” ให้มีมาตรฐานมายิ่งขึ้น

“สปส.” เร่งเดินหน้าสร้างการรับรู้ประโยชน์ “กองทุนเงินทดแทน” ให้กับลูกจ้างทั่วประเทศ

สำนักงานประกันสังคมเร่งเดินหน้าสร้างการรับรู้ประโยชน์“กองทุนเงินทดแทน” ให้กับลูกจ้างทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกจ้างทุกคนได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นธรรม มีคุณภาพชีวิตที่ และได้รับการคุ้มครองอย่างทั่วถึง

นักวิชาการ มธ. หนุนเพิ่มสมทบประกันสังคม แนะรัฐลดภาษีช่วยผู้ประกอบการ

นักวิชาการธรรมศาสตร์ เห็นด้วยปรับเพิ่มเงินสมทบประกันสังคม ระบุต้องแยกส่วนระหว่าง “ประสิทธิภาพในการบริหาร-การเพิ่มเงินสมทบ” เพราะสองเรื่องพัฒนาไปพร้อมกัน