อย่าให้มาตรฐาน 'ยาเสพติด' ผิดเพี้ยน สธ.ยุค 'สมศักดิ์' ต้องตอบสังคมให้ได้

เมื่อเจ้ากระทรวงใหม่เข้าบริหาร ความเปลี่ยนแปลงต่างๆในองค์กรก็ปรับเปลี่ยนแบบม้วนกลับ งานนี้ทั้งหมอทั้งเจ้าหน้าผู้เกี่ยวข้องที่เบรกโกร่งตัว  เกือบไม่ทัน เมื่อ ”นายสมศักดิ์ เทพสุทิน“ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่  จากพรรคเพื่อไทย เข้ามาก็หันมาสนใจเรื่องยาเสพติด  

ดันเข้า ครม. เป็นเรื่องแรก คือ การครอบครอง ยาบ้า 1 เม็ด จากที่รัฐมนตรีคนก่อน กำหนดที่ 5 เม็ด สังคมด่ากันตรึมจนถูกปลดจากตำแหน่ง

แต่สังคม ก็ยังคาใจ ไฉนจึงให้ครอบครองยาบ้า 1 เม็ด หรือไม่เกิน 100 มิลลิกรัม แต่หันไปดู เฮโรอีน ให้ได้มากถึง 300 มิลลิกรัมส่วน   ทั้งที่ใคร ๆ ก็รู้และทราบว่า เฮโรอีน พิษสงมันร้ายกาจมหันต์ ขนาดไหน มากกว่า ยาบ้า มากมาย ทำไมจึงใช้มาตรฐานแบบนี้  

ส่วนพืชกัญชา เจ้ากระทรวงหมอท่านใหม่  วางเป้าหมายไว้ว่าจะนำเข้าคุกให้เป็นพืชยาเสพติด  ห้ามครอบครองเด็ดขาด แม้ตอนหลังจะอ่อนลงว่า จะไม่เอากลับไปเป็นยาเสพติด แต่จะใช้กฎกระทรวงมาบังคับ ให้ใช้ได้แค่บางส่วน 

ทั้งที่รู้ว่า มันคือพืชรักษาโรค บรรเทาอาการ ได้หลายโรค ทั้ง โรคลมชักในเด็ก พาร์กินสัน เบาหวาน ความดัน นอนไม่หลับ ไมเกรน สะเก็ดเงิน มะเร็ง ฯลฯ ซึ่งต้องใช้สารจากช่อดอก ในการรักษาบรรเทาอาการ

เมื่อ 2 ปีก่อน กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้เสนอถอดกัญชาออกจากยาเสพติด ผ่านไป 2 ปี จะเสนอให้เอากลับไปเป็นยาเสพติด  เกิดคำถามมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์  ที่เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ท่านถามบรรดาเหล่านายแพทย์ที่อยู่ข้างกายท่านหรือยัง ว่าเขาอึดอัด ตอบตะกุกตะกัก ขนาดไหน ต้องมีข้อมูลใหม่ และงานวิจัยใหม่ มาสนับสนุน ข้อมูลนั้นมีหรือไม่ 

ไม่ใช่เรื่องจะให้คนไปล่ารายชื่อ เป็นแสนเป็นล้าน มาสนับสนุนแล้วเอากลับไปเป็นยาเสพติด อันนี้คิดแต่ในเชิงปริมาณ 

ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด และ คณะกรรมการ ป.ป.ส. เคยถอดกัญชาออกจากยาเสพติด เมื่อ 2 ปี  ”นายสมศักดิ์“ ก็อยู่ในห้องประชุม ท่านก็เห็นด้วย  วันนี้ท่านจะกลืนน้ำลายตัวเองอย่างไร  

การเป็นยาเสพติดหรือไม่ ต้องมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุน อย่าใช้เพียงทัศนคติ ความรู้สึก และการเรียนรู้บนข้อมูลเดิมๆ ไม่ได้  ต้องศึกษาข้อมูล อย่ารับคำสั่งจากใคร แล้วไม่คิดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นอย่างไร

ทุกท่านทราบดีว่า สิ่งของในโลกมีทั้งดีและไม่ดี เรานำสิ่งดีดีมาใช้ สิ่งไม่ดีก็ควบคุมการใช้ กัญชา ก็เช่นกันมีผลกระทบทางสังคม ต้องการออกกฎหมายมาควบคุมและบังคับใช้ กลับไม่ทำ  

ก่อนจะถอดกัญชาออกจากยาเสพติด มีผู้ถูกจับกุมดำเนินคดี มากกว่า 4,000 ราย  แสดงให้เห็นว่า การประกาศเป็นยาเสพติด ก็ไม่สามารถหยุดการใช้กัญชาได้ และยังปิดโอกาสประชาชน ที่ใช้กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ แบบพึ่งพาตนเอง ด้วย เมื่อประชาชนต้องการ ทำไมถึงเลือกปฎิบัติ

การแก้ปัญหาที่ตรงจุด ยั่งยืนและดีที่สุด คือการออกกฎหมายมากำกับการใช้กัญชาในทางที่เป็นคุณ และลงโทษการใช้ทางที่เป็นโทษ ยาบ้า มีแต่โทษ ไม่มีประโยชน์  ยังมีระยะยกเว้น ไม่ต้องรับโทษ แต่กัญชา มีประโยชน์มากกว่าโทษ แต่ไม่มีระยะยกเว้น รับโทษทุกกรณี เหมือน คุณยายปลูกกัญชา 1 ต้น เพื่อต้มน้ำดื่ม เป็นสมุนไพร ถูกจับดำเนินคดี ข้อหา ครอบครองเสพยาเสพติด 

อย่าให้สังคมสับสน ไม่ว่าจะเป็น ยาบ้า ฝิ่น เฮโรอีน หรือยาเสพติดอื่นใด ต้องใช้การดูที่พฤติกรรม ไม่ได้ดูที่จำนวน หลักการนี้ ต้องเท่าเทียม 

ที่สำคัญ อย่าเลือกปฏิบัติ กัญชา  และทำให้เป็นเรื่องการเมือง เพราะมันมีประโยชน์มากกว่า ฝิ่น เฮโรอีน ยาบ้า สุรา บุหรี่  โดยไม่สนใจประชาชนผู้ได้ใช้สมุนไพรที่มีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช    

ฉะนั้น การปรับเปลี่ยนนโนบายใดหรือ จะนำกัญชา กลับมาป็นยาเสพติด  หรือไม่ ต้องมีเหตุผลข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุน   มิใช่หวังผลทางการเมือง เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายและความน่าเชื่อถือตามมา.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สส.ภูมิใจไทย ซัดนโยบายกัญชากลับเป็นยาเสพติด ไม่เป็นผลดีต่อการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน

นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนโยบายกัญชาของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสินว่า ตนไม่เห็นด้วยกับ

บุรีรัมย์ จับยาบ้าโลโก้ใหม่กว่าแสนเม็ด ระบาดแนวชายแดน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ พ.ต.อ.ก้องชาติ เลี้ยงสมทรัพย์ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ รับผิดชอบด้านยาเสพติด มอบหมายให้ พ.ต.ท.วิชาญ กระจ่างโพธิ์ รอง ผก

ชี้ กฎหมายกัญชา ฉบับใหม่ล็อกสเป็กเอื้อนายทุนโรงพยาบาล เปิดชื่อคนดังมีเอี่ยวเพียบ

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า ร่างประกาศ