'รมว.คลัง' เล็งคุย ธปท. ลดแบล็กลิสต์ พร้อมสั่งออมสินหาเงินแสนล้าน ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ

10 มิ.ย.2567 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังครม.เศรษฐกิจ ว่า กระทรวงการคลังเตรียมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ที่ติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโร โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้รหัส 21 ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ประมาณ 4 ล้านคน ให้สามารถออกจากเครดิตบูโรได้เร็วขึ้น โดยจะหาโอกาสไปคุย ธปท.ว่า จะมีมาตรการอะไรที่ยืดหยุ่นได้บ้าง โดยเรื่องเครดิตบูโร เราเดินตามมาตรฐานต่างประเทศคือ 5 บวก 3 โดยตัดหนี้เสียของสถาบันการเงินจะต้องใช้เวลา 5 ปี และถูกเก็บประวัติไว้ที่เครดิตบูโรอีก 3 ปี ซึ่งการหารืออยากจะช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มรหัส 21 ก่อน เพราะวันนี้ลูกหนี้กลุ่มนี้เริ่มฟื้นแล้วแต่ยังติดเครดิตบูโร ถ้าเปลี่ยนเฉพาะกลุ่มนี้เป็นเหลือ 3 บวก 3 จะช่วยได้อีก 4 ล้านคน แต่ต้องหารือธปท.ก่อนว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง

นายพิชัย กล่าวว่า ขณะเดียวกันในการช่วยเหลือทางด้านการเงินกับกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับความเดือดร้อนด้านแหล่งเงินทุนนั้น ในการประชุมครม.เศรษฐกิจ ยังได้รับทราบแนวทางการแก้ปัญหา โดยในการประชุมครม.วันที่ 11 มิถุนายน 2567 นี้ กระทรวงการคลัง จะเสนอโครงการ PGS 11 โดยให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จะค้ำประกันเงินกู้ สูงสุด10 ปี รายละไม่เกิน 40 ล้านบาท วงเงิน 50,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเอสเอ็มอีก นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ยังมอบหมายให้ธนาคารออมสิน จัดหาสินเชื่อวงเงิน 1 แสนล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ 0.1% เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์กู้ไปปล่อยสินเชื่อต่อ ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 3.5% ในช่วง 3 ปีแรก โดยตั้งเป้าหมายดึงลูกค้ารายใหม่ให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ซึ่งคาดว่าเร็ว ๆ นี้จะเสนอให้ครม.พิจารณา

นายพิชัย กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ยังได้ได้รับทราบสถานการร์ด้านแรงงาน โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน มานำเสนอข้อมูลการทำงาน หลังจากมีข่าวว่าโรงงานผลิตรถยนต์ปิดกิจการในไทย โดย รมว.แรงงาน แจ้งว่า กระทรวงแรงงานจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมาประเทศไทยมีคนว่างงานอยู่ประมาณ 5 แสนคน บางส่วนได้กลับเข้าระบบการจ้างงานแล้วกว่า 3 แสนคน เหลือประมาณ 1.7-1.8 แสนคน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับผู้จบการศึกษาใหม่อีกที่จะเข้าสู่ตลาดงานอีกประมาณ 5 แสนคน จะทำให้มีจำนวนผู้ต้องการทำงานสูงถึง 6-7 แสนคน โดยตอนนี้มีข้อมูลจากเว็บไซต์จัดหางานว่า ตลาดแรงงานมีความต้องการประมาณ 500,000 คน ที่สามารถดูดซับแรงงานได้ ทำให้เหลือแรงงานที่ตกงานจริง ๆ เพียง 1 แสนคนเท่านั้น

ส่วนการพัฒนาทักษะแรงงานนั้น ในเร็ว ๆ นี้รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ ขึ้นมาครั้งแรก เพื่อดำเนินการร่วมกับภาคเอกชนและมหาวิทยาลัยในการพัฒนาคนด้านอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยและภาคเอกชนของไต้หวันในการไปเรียนและฝึกงาน และพร้อมเพิ่มทักษะให้แรงงานไทยด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

109 นักวิชาการ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ออกแถลงการณ์คัดค้าน รัฐบาลครอบงำแบงก์ชาติ

109 นักวิชาการ และกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ออกแถลงการณ์ห่วงใยธนาคารแห่งประเทศไทย ถูกแทรกแซงจากกลุ่มการเ

ข่าวดี ออมสิน ยกหนี้ NPLs สินเชื่อโควิด 19 เพิ่ม 110,000 ราย

ออมสิน ยกหนี้ NPLs สินเชื่อโควิด 19 เพิ่มอีกกว่า 110,000 ราย ตามนโยบายรัฐรวมช่วยปลดหนี้ประชาชนกลุ่มเปราะบางแล้วมากกว่า 830,000 ราย คิดเป็นเงินต้น 5,800 ลบ.

'ขุนคลัง' โต้ไทยเสี่ยงถูกหั่นเครดิตเรตติ้งฟุ้งศก.ยังฉลุย

“ขุนคลัง” โต้ถูกลดเครดิตเรตติ้ง ฟุ้งเศรษฐกิจไทยยังฉลุย เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป อวดยอดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศปี 67 ทำลายสถิติ 10 ปี แจงรัฐเร่งปลุกเศรษฐกิจไทยประเทศ หวังเติบโตแข็งแกร่ง รับห่วงเสถียรภาพการเมือง หวังมั่นคงช่วยเรียกความเชื่อมั่น