‘ผบ.ทบ.’ เยือนจีน กระชับสัมพันธ์ทางทหาร สานต่อฝึก ‘สไตร์ค’ ของหน่วยทหารรบพิเศษ เพิ่มฝึก Cyber Security พร้อมเยี่ยมชมบริษัทโนรินโก้ ผู้ผลิต ‘รถถัง- รถเกราะ’ ที่กองทัพใช้งาน
10 มิ.ย. 2567 – พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของผู้บัญชาการทหารบกกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 4 – 10 มิถุนายน 2567
โดยผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางไปยังกองบัญชาการกองทัพบกกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ณ กรุงปักกิ่ง ร่วมพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ และเยี่ยมคำนับ พลเอก หลี่ เฉียวหมิง ผู้บัญชาการทหารบกกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน และร่วมงานเลี้ยงรับรองอย่างเป็นทางการ
ในระหว่างการหารือข้อราชการ ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวยินดีที่ได้พบ พลเอก หลี่ เฉียวหมิง อีกครั้ง หลังจากการพบปะหารือ ณ กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อ 9พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันทั้งสองกองทัพมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น มีการเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถของประเทศร่วมกัน บนพื้นฐานของการส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง สนับสนุนความร่วมมือในระดับภูมิภาค และริเริ่มให้มีการจัดตั้งคณะทำงานความร่วมมือระหว่างกองทัพ (Army-to-Army Talk) เพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือของทั้งสองกองทัพด้วย
ทั้งนี้ ระหว่างการพบปะหารือ ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวถึงความร่วมมือในการฝึกร่วม/ผสม ระหว่างสองกองทัพในรหัสต่างๆ อาทิ การฝึกของหน่วยรบพิเศษรหัส STRIKE, การร่วมฝึกในโครงการช่วยเหลือประชาชน Humanitarian Civic Assistance (HCA) ในการฝึกรหัส COBRA GOLD และการฝึกช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาเซียน ASEAN Humanitarian Assistance and Disaster Relief Exercise (AHEx)
นอกจากนี้ได้มีการกล่าวถึงการแลกเปลี่ยนการฝึกศึกษาของทั้งสองกองทัพทั้งในระดับโรงเรียนนายร้อย, โรงเรียนเสนาธิการทหารบก และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร อย่างต่อเนื่อง โดยมีการเสนอให้เพิ่มเติมการแลกเปลี่ยนการศึกษาด้าน Cyber Security และการแลกเปลี่ยนข่าวกรองระหว่างกองทัพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถกำลังพลให้มีความพร้อมรองรับสถานการณ์ในอนาคต ทั้งนี้กองทัพบกไทยได้จัดโครงการฝึกมวยไทยให้กับกองทัพมิตรประเทศ โดยได้เตรียมจัดส่งชุดครูฝึกมวยไทยเดินทางไปทำการฝึกให้กับกำลังพลของกองทัพมิตรประเทศเพื่อเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีนานาชาติ
จากนั้น ผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางเยือนบริษัท China North Industries Corporation (NORINCO) ซึ่งเป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเยี่ยมชมกิจการโรงงานรวมทั้งสายการผลิต และได้พบปะหารือกับนาย เฉิง ฝูโป ประธานในเครือบริษัท NORINCO เพื่อสานความร่วมมือเกี่ยวกับการพัฒนาประสิทธิภาพของยุทโธปกรณ์ รวมทั้งพิจารณาแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้กับหน่วยงานด้านการวิจัยและพัฒนาของกองทัพบกไทย
โดยหลังจากจบภารกิจ ณ กรุงปักกิ่งแล้ว ผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ด้วยรถไฟความเร็วสูง โดยมีผู้บัญชาการเขตทหารเซี่ยงไฮ้ ให้การต้อนรับและเลี้ยงรับรอง ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติเซี่ยงไฮ้พร้อมทั้งนำคณะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ผังเมืองเซี่ยงไฮ้ ที่นำเสนอการพัฒนาเมืองในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ผ่านแบบจำลองและเทคโนโลยีทันสมัย และสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ
ทั้งนี้ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น และมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตมาอย่างยาวนาน 49 ปี มีการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้นำในหลายระดับมุ่งกระชับความสัมพันธ์ในความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในด้านต่างๆการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของผู้บัญชาการทหารบกในครั้งนี้เป็นการสานความร่วมมือด้านการทหาร โดยเฉพาะด้านการฝึกร่วม/ผสม และการแลกเปลี่ยนที่นั่งการศึกษาในหลักสูตรต่างๆนำไปสู่มิตรภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บิ๊กเล็ก' ยันกองทัพไม่ได้อ่อนแอ รัฐบาลสั่งก็พร้อม ลั่นรบว้าแดงไม่ยาก แต่ผลกระทบเกินเยียวยา
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยเมียนมา กรณีพื้นที่ที่มีการพิพาทเกิดขึ้นกับกลุ่มว้าแดงในขณะนี้ ว่า ประเด็นนี้ไม่ขอลงรายละเอียด
'บิ๊กเล็ก' คาดร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบกลาโหม เสร็จอย่างช้า ก.พ.68
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพบก ว่า เป็นไปตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีแ
เตือนภัยคนใช้รถ จับ 2 โจรแดนมังกร ตระเวนลักทรัพย์ตามลานจอด
พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผบก.น.7
เด็ดปีก 'มังกรเทาดำ' ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 152 ล้าน
ตำรวจภาค 2 เด็ดปีก 'มังกรเทาดำ' ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เปิดบริษัทฟอกเงิน ยึดทรัพย์คฤหาสน์-รถหรู 152 ล้านบาท