ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด อดีตผอ.ทรัพยากรธรรมชาติฯ จ.ยะลา ร่ำรวยผิดปกติ

6 มิ.ย.2567 - นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงถึงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหานายสมาน สะแต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดยะลา ร่ำรวยผิดปกติ ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายสมาน สะแตได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 55 ในช่วงปี 55 – 59

ระหว่างดำรงตำแหน่งดังกล่าว นายสมาน ได้ทำรายการฝากเงินสดเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง และบัญชีเงินฝากของบุตร รวมเป็นเงินจำนวน 12,216,558.84 บาท ซึ่งเกินไปจากรายได้ที่สามารถพิสูจน์ได้จากการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในช่วงปี พ.ศ. 2555 – 2559 รวมจำนวน 4,727,970.15 บาท และรายได้จากการลงทุนประกอบกิจการขายสัตว์ทะเล เมื่อปี 56 จำนวน 1,738,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,750,588.69 บาท และเมื่อวันที่ 9 มี.ค.57 นายสมาน ได้ซื้อรถยนต์ยี่ห้อ BMW หมายเลขทะเบียน กข 999 ยะลา โดยชำระเป็นเงินสด 3,799,000 บาททั้งที่คู่สมรสของนายสมาน สะแต เป็นลูกจ้างหน่วยงานของรัฐ มีรายได้เพียงปีละ 166,000-200,000 บาท และไม่ปรากฏว่าบุตรประกอบอาชีพแต่อย่างใด

เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า นายสมาน ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจ ในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 9,549,588.69 บาท ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน

และให้ส่งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อสั่งลงโทษไล่ออกภายในหกสิบวัน โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม

ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการบังคับคดี ให้ขอให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องขอต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินประเภทยานพาหนะ รถยนต์ยี่ห้อ BMW หมายเลขทะเบียน กข 999 ยะลาไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง และหากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 125

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป.ป.ช.สะดุ้ง! ยก 6 เหตุผลปราบคอร์รัปชันไร้ประสิทธิภาพ คนโกงจึงเหิมลำพอง

สาเหตุที่การป้องกันและปราบปรามการทุจริตไม่ได้ผลไร้ประสิทธิภาพและพวก คนโกงคนชั่วหรือเหิมลำพอง อยู่ได้ก็เพราะ

'ผู้พิพากษา-อัยการ-บิ๊กสีกากี' แห่สมัคร! ชิง 3 เก้าอี้ ป.ป.ช.

ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะหน่วยธุรการ เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

เอาแล้ว! ศาลฯ รับคดีไว้ไต่สวน หลัง 'วีระ' ฟ้อง ป.ป.ช.ไม่เผยสำนวนนาฬิกาหรูบิ๊กป้อม

นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำเร็จไปอีกขั้น วันนี้ศาลอาญาคดีทุจริตแ

ส่องฐานะ 2 อดีตผู้นำเหล่าทัพ 'พล.อ.เจริญชัย-พล.ร.อ.อะดุง' หลังพ้นเก้าอี้ สว.

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 130 ราย ประกอบด้วย กรณีเข้ารับตำแหน่ง 60 ราย และกรณีพ้นจากตำแหน่ง 70 ราย โดยมีรายชื่อที่น่าสนใจ

เปิดทรัพย์สิน อดีต สว. 'พล.อ.ปรีชา-วันชัย-สมชาย'

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 130 ราย ประกอบด้วย กรณีเข้ารับตำแหน่ง 60 ราย

ป.ป.ช.ภาค 1 ร่วม CIB บุกรวบนอมินีบริษัทลูกเขยอดีตนายกบางเมือง

นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่16 ต.ค.ได้สั่งการให้งานสืบสวนคดีทุจริตภาค 1 บูรณาการร่วมกับกองบัญชาการ